BRICS คือขั้วต่อต้านฝ่ายสหรัฐ?

รัฐบาลสหรัฐกับพวกกังวล BRICS กำลังสร้างขั้วเปลี่ยนระเบียบโลกให้เป็นอย่างที่พวกเขาต้องการ ความเข้าใจสำคัญคือ ระเบียบโลกปัจจุบันเป็นแนวทางตามแบบชาติตะวันตกที่พวกเขาได้ประโยชน์สูงสุด ตีความว่า BRICS มีผลเปลี่ยนระเบียบโลกบั่นทอนผลประโยชน์พวกเขา ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ การที่กลุ่มมีสมาชิกเพิ่ม 6 ประเทศ (และน่าจะเพิ่มขึ้นอีก) ยิ่งสร้างความกังวล เพราะกลุ่มที่ใหญ่ขึ้น มีอิทธิพลมากขึ้น ลดอำนาจอิทธิพลของขั้วฝั่งสหรัฐ

ระเบียบโลก “ไม่คงที่” เปลี่ยนแปลงเสมอ รัฐบาลสหรัฐกับพวกพยายามจัดระเบียบโลกให้ตรงความต้องการมากที่สุด เป็นเหตุผลสำคัญที่รัฐบาลสหรัฐทุกชุดให้ความสำคัญกับ

ภาพ: เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย
เครดิตภาพ: https://www.facebook.com/photo/?fbid=848467463310168&set=pcb.848467859976795

ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เข้าพัวพันประเด็นต่างๆ ทั่วทุกมุมโลก มีข่าวสัมพันธ์กับประเทศต่างๆ อยู่เสมอโดยเฉพาะข่าวใหญ่ข่าวเด่น

ด้วยความที่ระเบียบโลกคือผลประโยชน์แห่งชาติ ไม่เพียงรัฐบาลสหรัฐกับพวกสนใจเข้าพัวพัน ประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะประเทศมหาอำนาจอย่างจีน รัสเซีย แม้กระทั่งอินเดีย หวังเปลี่ยนระเบียบโลกที่ก่อประโยชน์ต่อตนเช่นกัน ความเป็นไปของโลกจึงเกี่ยวข้องกับระเบียบโลกที่มีอยู่และกำลังเปลี่ยนแปลง นำสู่การเผชิญหน้าแข่งขันช่วงชิง และจะเป็นเช่นนี้อีกนานเท่านาน หวังเพียงอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ ไม่เป็นเหตุเกิดสถานการณ์วิกฤตร้ายแรง

รู้ดีว่าอยู่คนละขั้วแต่พยายามไม่ยั่วยุ:

BRICS ย้ำเน้นโลกพหุภาคีแต่หากวิเคราะห์ลงลึกแล้วนโยบายของ BRICS กับสหรัฐล้วนแบ่งโลกให้เป็นขั้วมากขึ้น คือขั้วของรัฐบาลสหรัฐกับฝ่ายตรงข้าม อีกทั้งรัฐบาลจีนกับรัสเซียแสดงตัวเข้าพัวพันโลกมากขึ้นด้วย น่าเชื่อว่าจะยิ่งทำให้ความเป็นขั้วเด่นชัดขึ้นแม้ BRICS พยายามไม่ยั่วยุ

เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ (Sergei Lavrov) รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย กล่าวอย่างน่าสนใจว่า โลกกำลังเห็นองค์กรที่ซื่อสัตย์ต่อหุ้นส่วน ไม่มีใครมีสิทธิพิเศษกร่างกว่าคนอื่น ยินดีต้อนรับประเทศที่มีระบอบปกครองแตกต่าง ยึดค่านิยมลักษณะเฉพาะ สามารถร่วมมือกันในลักษณะเครือข่าย (network) พูดคุยหารือบนความเท่าเทียมแม้ต่างวัฒนธรรม ยอมรับว่าทุกชาติล้วนตัดสินอนาคตของตนเอง มีแนวทางพัฒนาหลากหลาย BRICS ทำหน้าที่เป็นตัวกลางแสวงจุดร่วมในทุกเรื่องแม้กระทั่งเรื่องที่ซับซ้อนที่สุด ดังนั้นสมาชิก BRICS ไม่มีใครคิดสร้าง “ผู้เป็นเจ้าร่วม” (collective hegemon) และไม่ใช่การสร้างขั้วตามแบบสงครามเย็น

หากจะเอ่ยถึงการแบ่งฝ่ายสร้างขั้ว รัฐบาลสหรัฐกับพวกต่างหากที่พยายามทำเช่นนี้ แบ่งมิตรสร้างศัตรู ข้อนี้เป็นที่รับรู้กันทั่วไป

ข้อมูลขัดแย้ง BRICS ไม่ใช่กลุ่มต่อต้าน:

BRICS ก่อตั้งปี 2010 เป็นชื่อของ 5 ประเทศที่พัฒนาและเศรษฐกิจเติบโตอย่างรวดเร็ว (Emerging Market) อันประกอบด้วย บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้ (ก่อนจะเป็น BRICS ที่มีสมาชิก 5 ประเทศ เดิมปี 2001 มีสมาชิกผู้ก่อตั้ง 4 ประเทศ แอฟริกาใต้เข้าร่วมปี 2010) เป้าหมายเบื้องต้นคือความร่วมมือทางเศรษฐกิจ

หากพิจารณารายชื่อสมาชิกเริ่มต้น 5 ประเทศ อินเดียซึ่งอยู่ในกลุ่ม Quad (Quadrilateral Security Dialogue) ประกอบด้วยสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และอินเดีย ล้วนเป็นประเทศที่มีอิทธิพลอำนาจสูง ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย เป็นเวทีหารือด้านความมั่นคงของ 4 ประเทศดังกล่าว

นักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่า Quad คือกลไกหนึ่งของยุทธศาสตร์ครองความเป็นเจ้าของสหรัฐ สกัดกั้นอิทธิพลจีนที่กำลังก้าวขึ้นมา ปรับปรุงพัฒนาจากยุทธศาสตร์ปรับสมดุลเอเชียแปซิฟิกของรัฐบาลโอบามา สู่ยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิกของทรัมป์ การประชุมสุดยอด Quad 2021 คือการสานต่อยุทธศาสตร์รุ่นพี่ กระชับพันธมิตรฝ่ายประชาธิปไตยในย่านนี้ จะเห็นว่าบทบาทของ Quad เพิ่มขึ้นเป็นกลไกสำคัญของรัฐบาลไบเดน

ดังนั้น การที่อินเดียเป็นสมาชิกทั้ง BRICS กับ Quad เป็นหลักฐานชิ้นหนึ่งว่าเมื่อเริ่มต้น BRICS ไม่ใช่ขั้วต่อต้านอเมริกา

ว่าที่ 6 สมาชิกใหม่ของ BRICS อาร์เจนตินา อียิปต์ และเอธิโอเปียไม่มีปัญหากับสหรัฐ ซาอุดีอาระเบียกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์แม้ไม่นานนี้ขยับเข้าหาจีนมากขึ้น แต่ความสัมพันธ์เก่าแก่กับสหรัฐยังดำรงอยู่ บทบาทด้านความมั่นคงของสหรัฐในย่านอ่าวเปอร์เซียยังเข้มแข็งมาก เฉพาะอิหร่านที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับสหรัฐมาอย่างยาวนาน

ดังนั้น ไม่น่าจะถูกต้องถ้าตีความว่าการขยายสมาชิกจาก 5 เป็น 11 คือการขยายตัวของขั้วต่อต้านสหรัฐกับพวก

BRICS ที่อยากเป็นตัวของตัวเอง:

คำอธิบายอีกแบบคือ BRICS อยากเป็นตัวของตัวเอง ไม่อยู่ใต้ระเบียบโลกที่รัฐบาลสหรัฐกับพวกคุมอยู่ แต่ไม่คิดล้มล้างฝ่ายสหรัฐ แม้การรวมตัวของกลุ่มจะมีผลบั่นทอนฝ่ายสหรัฐ ยกเว้นบางประเทศเป็นปรปักษ์กับรัฐบาลสหรัฐอยู่ก่อนแล้ว

ความตั้งใจสำคัญยังอยู่ที่หาช่องทางพัฒนาตัวเอง แต่สำหรับบางประเทศความร่วมมือทางเศรษฐกิจมักสัมพันธ์กับการเมืองระหว่างประเทศ เพียงแค่คำว่า “เป็นประชาธิปไตยหรือไม่” เท่านี้อาจส่งผลแตกต่างมากแล้ว ดังนั้นเมื่อ “ยาก” จะร่วมมือกับตะวันตกย่อมต้องหาช่องอื่นๆ หรือหากเข้าได้ทุกกลุ่มก็น่าจะเลือกร่วมมือกับทุกกลุ่ม

ฝ่ายสหรัฐกับพวกย่อมสามารถตีความและใช้โอกาสนี้เล่นงาน BRICS ที่ไม่ยอมอยู่ใต้อำนาจ จีน-รัสเซียที่ก้าวขึ้นมา ตีความว่าคือภัยคุกคาม ต้องตัดไฟแต่ต้นลม ทั้งยังเป็นการเตือนประเทศที่คิดตีตัวออกห่าง อย่างไรก็ตามในระยะยาวมีความเป็นไปได้ว่าจีนที่ก้าวขึ้นมาจะลดทอนผลประโยชน์ ความเป็นอภิมหาอำนาจของสหรัฐ เหล่านี้มีผู้วิเคราะห์มากมายแล้ว

รัฐบาลสหรัฐกับพวกมักให้ความสำคัญกับการเมืองระหว่างประเทศ ช่วงนี้มุ่งสร้างขั้วตามแนวสงครามเย็นใหม่ แม้การแข่งขันช่วงชิงมีจริงและรุนแรง สำหรับประเทศกำลังพัฒนาจำนวนมาก “เรื่องภายในประเทศตน” สำคัญที่สุด และมักเป็นเรื่องปากท้องประชาชนกับการอยู่รอดของรัฐบาล หาทางใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเพื่อสนับสนุนเรื่องภายในประเทศ

หากวิเคราะห์อย่างเป็นเหตุเป็นผล รัฐบาลของแต่ละประเทศจะพิจารณาบริบทว่าควรวางตัวอย่างไร ควรเข้าหาฝ่ายใดมากน้อยเพียงไร เพื่อความมั่นคง การอยู่รอดของรัฐบาลตน ไม่สนใจว่าใครเป็นประชาธิปไตยหรือไม่ รัฐบาลสหรัฐถอยห่างจากทุนนิยมเสรีเพียงไร

โดยทั่วไปประเทศต่างๆ มักเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลก (ยึดหลักการค้าเสรี) บางประเทศเข้าร่วมกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค เกือบทุกประเทศมีข้อตกลงการค้าเสรี การค้าทวิภาคีกับประเทศต่างๆ มากมาย BRICS มีฐานะเป็นกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจกลุ่มหนึ่งในหลายกลุ่ม

BRICS จึงเป็นโอกาสของนานาชาติที่จะเข้าร่วมตามความสมัครใจ ตามความเหมาะสม

ความจริงแล้วมีความร่วมมือใหม่เกิดขึ้นเป็นระยะ เมื่อพฤษภาคม 2023 ประธานาธิบดีโจ ไบเดน จัดตั้งกรอบเศรษฐกิจอินโด-แปซิฟิก (Indo-Pacific Economic Framework หรือ IPEF) กล่าวว่า "อนาคตทางเศรษฐกิจของศตวรรษที่ 21 จะถูกเขียนโดยภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก" และ "เรากำลังเขียนกฎเกณฑ์ขึ้นมาใหม่" ถ้าเป็นจริงดังว่าจะเป็นข้อตกลงที่มีประโยชน์สูงมาก

คุณค่าของ IPEF อาจเหนือกว่า BRICS ก็เป็นได้ BRICS จึงเป็นเพียงอีกโอกาสจากที่มีอยู่นับสิบนับร้อย ส่วนกลุ่มไหนจะมีคุณค่ามากน้อยเพียงไรต้องพิจารณาตามความจริง ตามการพัฒนาของกลุ่มและตามบริบทของแต่ละประเทศ บ้างได้ประโยชน์มากบ้างได้ประโยชน์น้อย

ณ ตอนนี้ BRICS ตั้งใจสร้างกลุ่มที่เป็นตัวของตัวเองไม่อยู่ใต้อิทธิพลรัฐบาลสหรัฐกับพวก โดยระวังไม่ยั่วยุแบ่งขั้วตามแนวคิดสงครามเย็นใหม่ แม้บางสมาชิกจะเป็นฝ่ายตรงข้ามถูกสหรัฐปิดล้อมมานานแล้ว ส่วนอนาคตความเป็นขั้วจะเด่นชัดขึ้นหรือไม่นั้นไม่ง่ายที่จะอธิบาย เพราะจุดยืนสมาชิก BRICS หลากหลาย บางประเทศเลือกที่จะอยู่ทั้ง 2 ข้าง มองว่า BRICS คืออีกหนึ่งกลุ่มหนึ่งโอกาสดังที่นานาชาติมักเข้าหลายกลุ่ม ร่วมมือกับหลายประเทศ แสวงจุดร่วมสงวนจุดต่าง การรับสมาชิกใหม่ 6 ประเทศเป็นอีกหลักฐานที่ดี.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อดีตบิ๊กข่าวกรองเตือนสติ! อย่าหลับตาพูดลืมตาดูสถานการณ์โลกด้วย

นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และอดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ

อิสราเอลโจมตีกงสุลอิหร่านและการตอบโต้

ฮามาสทำศึกกับอิสราเอลได้ครึ่งปี เกิดสงครามตัวแทนระหว่างอิสราเอลกับกองกำลังที่อิหร่านสนับสนุน คราวนี้ถึงรอบอิหร่านปะทะกับอิสราเอลโดยตรงแล้ว

BRICSขยายตัวหมายถึงอะไรบ้าง

BRICS ที่ขยายตัว ชี้ว่ามีประเทศที่หันเข้าสู่ฝ่ายตรงข้ามสหรัฐมากขึ้น แต่ทั้งนี้บางประเทศเพียงอยากมีมิตรหลากหลาย ร่วมมือกับประเทศที่ไม่อยู่ขั้วสหรัฐ

ไบเดนสนับสนุนเนทันยาฮูมากแค่ไหน

ถ้าพุ่งความสนใจ สถานการณ์ล่าสุดดูเหมือนว่ารัฐบาลไบเดนขัดแย้งเนทันยาฮู แต่หากมองภาพใหญ่จะพบว่านับวันพื้นที่ปาเลสไตน์ลดน้อยลงทุกที และกำลังจะเป็นเช่นนี้อีกที่กาซา

ข้อมติให้กาซาหยุดยิงเพื่อใคร

รัฐบาลสหรัฐเสนอร่างมติให้กาซาหยุดยิง เป็นมิติใหม่ที่ใช้ UNSC กดดันอิสราเอล แต่เรื่องนี้มีความแหลมคมซ่อนอยู่ แท้จริงแล้วเป็นการช่วยอิสราเอลมากกว่า