
มาถึงวันนี้ ประเทศไทยมีรัฐบาลที่พร้อมจะทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชนแล้ว นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ได้คณะรัฐมนตรีเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถวายสัตย์ปฏิญาณเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รอวันที่ 11 กันยายน แถลงนโยบายกับรัฐสภา คณะรัฐมนตรีก็พร้อมที่จะทำงานกำกับกระทรวงต่างๆ ตามตำแหน่งที่ได้มา ถ้าหากรัฐบาลยังไม่ได้แถลงนโยบายก็อย่าเพิ่งไปเร่งรัด หรือทวงสัญญาอะไรเลย เพราะถ้าหากยังไม่ได้แถลงนโยบายก็ยังสั่งการอะไรไม่ได้
อย่างไรก็ตาม เวลานี้ยังมีคนจำนวนมากยังทำใจไม่ได้ และไม่ยอมรับการรวมตัวของ 11 พรรคเป็นรัฐบาลชุดนี้ บางคนก่นด่าไม่เลิก บางคนเครียด บางคนเศร้า บางคนท้อแท้ บางคนบอกจะเลิกสนใจบ้านเมือง
บางคนจะไม่ร่วมกิจกรรมการเมืองภาคประชาชนอีกต่อไป บางคนเลิกรัก เลิกชื่นชมพรรคการเมืองและแกนนำของพรรคการเมืองไปเลยก็มี
ด้อมส้มบางคน แกนนำพรรคก้าวไกลบางคนยังทำใจไม่ได้ที่พรรคก้าวไกลได้จำนวน สส.มากเป็นที่ 1 แต่พิธาไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกลไม่ได้ร่วมเป็นรัฐบาล ได้ สส.มากที่สุด แต่ต้องไปเป็นฝ่ายค้าน คนกลุ่มนี้ต้องเข้าใจกลไกของการเลือกนายกรัฐมนตรีและบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ต้องเข้าใจด้วยว่าประเทศไทยไม่ได้เลือกนายกรัฐมนตรีโดยตรง เรามีกระบวนการทางรัฐสภาในการเลือกนายกรัฐมนตรี และต้องวิเคราะห์ให้เห็นเหตุผลอย่างกระจ่างชัดว่าทำไมพิธาไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี และต้องเข้าใจด้วยว่า 150 เสียงไม่ถึงกึ่งหนึ่งของ 500 เสียง และ 14 ล้านเสียงก็ไม่ใช่กึ่งหนึ่งของ 52 ล้านเสียง ดังนั้นจะใช้คำว่า “ฉันทามติ” ไม่ได้ และอย่าอ้างว่า สว.ต้องฟังเสียงประชาชน เพราะคนที่ไม่เลือกพรรคก้าวไกลที่มีมากกว่า 14 ล้านเสียงก็เป็นประชาชนเช่นกัน
ด้อมแดงบางคนก็ยังทำใจไม่ได้ที่พรรคเพื่อไทยต้องเป็นรัฐบาลร่วมกับพรรค 2 ลุง ทั้งนี้ยังคงติดภาพจำว่าพรรค 2 ลุงเป็นพรรคเผด็จการ เป็นพรรคสืบทอดอำนาจ คสช. ลืมไปว่า สส.ของพรรค 2 ลุงนั้นก็มาจากการเลือกตั้งในคราวเดียวกับ สส.ของพรรคเพื่อไทย และจะต้องเข้าใจคณิตศาสตร์ทางการเมือง ถ้าหากไม่เอาพรรค 2 ลุงเข้ามาร่วมด้วย พรรคเพื่อไทยก็ไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้ เพราะการนำเอาพรรคภูมิใจไทยเข้ามาร่วมด้วย พรรคภูมิใจไทยเขาปฏิเสธพรรคก้าวไกล ดังนั้นถ้าจะให้เป็นรัฐบาลเสียงข้างมากที่มั่นคง อย่างไรเสียก็ต้องมีพรรค 2 ลุงเข้าร่วมด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ด้อมแดงควรเข้าใจ แล้วเลิกโกรธเคือง เลิกสร้างวาทกรรมว่า “ให้มาไล่ลุง ไม่ใช่ให้มาร่วมกับลุง” มันเป็นความจำเป็นเพื่อให้ประเทศเดินหน้าได้ มันไม่มีทางเลือก ดังนั้น ต้องทำใจ และเห็นแก่ประเทศชาติเถอะ
สลิ่ม FC ของลุงตู่ที่เชียร์พรรครวมไทยสร้างชาติ ส่วนใหญ่เป็นคนไม่ชอบทักษิณ ไม่ชอบพรรคเพื่อไทย บางคนก็คือคนที่ออกมาร่วมชุมนุมต่อต้านทักษิณในนามพันธมิตร บางคนก็ออกมาร่วมชุมนุมต่อต้านยิ่งลักษณ์ในนาม กปปส. ดังนั้นหลายคนจึงไม่พอใจที่พรรครวมไทยสร้างชาติไปร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยที่พวกเขาเชื่อว่าเป็นพรรคที่ทักษิณยังมีอำนาจในการควบคุมอยู่ จึงเกิดวาทกรรมที่ว่า “อุตส่าห์ไปยึดอำนาจจากเขามา ตอนนี้กลับเอาอำนาจไปประเคนคืนให้เขา” แต่อยากให้สลิ่มที่เครียด เศร้า โกรธ ท้อแท้ ลองคิดวิเคราะห์ให้ดีนะ เมื่อผลการเลือกตั้งเป็นเช่นนี้แล้ว พรรครวมไทยสร้างชาติ หากต้องการทำงานเพื่อประชาชน มีทางเลือกเป็นอย่างอื่นหรือไม่ ลองนึกภาพดูว่า ถ้าหากพรรครวมไทยสร้างชาติไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย จะให้พรรครวมไทยสร้างชาติไปทำงานร่วมเป็นฝ่ายค้านกับพรรคก้าวไกลกระนั้นหรือ ทำให้เข้าใจสถานการณ์ คิดว่าเราจะไม่ยึดติดกับการแตกแยกที่ผ่านมา ไม่อยู่ในวังวนของความหลัง มาร่วมกันเดินหน้าพัฒนาประเทศชาติ ส่วนใครคนใดทำผิดกฎหมายอะไรไว้ ก็ขอให้กระบวนการยุติธรรมเดินหน้าบนหลักการของนิติธรรม
แทนที่เราจะเครียด เศร้า ท้อแท้ จะหันหลังให้กับการมีบทบาททางการเมืองภาคประชาชน เรามาติดตามการทำงานของรัฐบาลดีไหม มาดูรายละเอียดของนโยบายที่เขาแถลงกับรัฐสภา แล้วพิจารณาว่านโยบายใดดี ที่เราควรสนับสนุน นโยบายใดที่อาจจะเป็นปัญหา เราก็ต้องทักท้วง เรียกร้องให้เขาทบทวน พิจารณาใหม่ เราต้องติดตามดูอย่างใกล้ชิดว่า พวกเขาทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต โปร่งใส ตรงไปตรงมา ตามหลักธรรมาภิบาลหรือไม่ ต้องติดตามว่าการทำงานของรัฐบาลมีผลประโยชน์ทับซ้อน มีการคอร์รัปชันเชิงนโยบายที่เอาผลประโยชน์เข้าตัวเองหรือพวกพ้องหรือไม่ ที่สำคัญก็คือ พวกเขาทำหน้าที่ด้วยความจงรักภักดี เพื่อความมั่นคงของสถาบันหลักของประเทศ อันได้แก่ ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ หรือไม่
ที่สำคัญ ต้องติดตามการใช้งบประมาณแผ่นดินอย่างใกล้ชิด การใช้งบประมาณต้องเป็นไปเพื่อการพัฒนาประเทศด้านต่างๆ เป็นประโยชน์กับการอยู่ดีกินดีของประชาชน ใช้งบประมาณกับสิ่งที่ควรใช้ ไม่ใช้เพื่อโครงการประชานิยมที่เป็นการสร้างคะแนนนิยมให้กับพรรคจนทำลายวินัยทางการเงินการคลังของประเทศ ต้องรักษาความมั่นคงทางการคลังของประเทศ ที่ผ่านมาประเทศไทยเราบอบช้ำย่ำแย่ เพราะโครงการประชานิยมบางโครงการที่เป็นการใช้งบประมาณแผ่นดินเพื่อสร้างคะแนนนิยมให้กับพรรค แล้วก็มีการโกงกินกันมหาศาล เราควรจะได้บทเรียนจากเหตุการณ์ในอดีต ดังนั้นอย่ามัวเสียเวลากับความเศร้าเสียใจ ความโกรธ ความเคืองแค้น ความเครียดเลย เอาพลังมาติดตามการทำงานของรัฐบาลให้มีความโปร่งใสตามหลักธรรมาภิบาลเพื่อประชาชนดีกว่า
เรื่องที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดก็คือ เรื่องพฤติกรรมในการปฏิบัติต่อนักโทษเด็ดขาดชายที่ชื่อทักษิณ ชินวัตร ที่ประชาชนกำลังติดตามดูอย่างใกล้ชิด ด้วยความเคลือบแคลงความโปร่งใส อย่าให้การปฏิบัติต่อการติดคุกของนักโทษชายคนนี้กลายเป็นน้ำผึ้งขมหยดเดียวที่จะก่อให้เกิดความร้าวฉานของคนในประเทศอีกเลย ไหนๆ เราก็มีรัฐบาลที่เป็นความปรองดองแล้ว ก็อย่าให้การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจองจำของนักโทษชาย กลายเป็นระเบิดเวลาของรัฐบาลเลย ทั้งนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ปลัดกระทรวงยุติธรรม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และบรรดาคุณหมอของโรงพยาบาลตำรวจและโรงพยาบาลราชทัณฑ์ จะต้องทำให้ประชาชนเชื่อมั่นว่าทุกฝ่ายจะดำเนินการตามหลักนิติธรรม ไม่มีการให้อภิสิทธิ์แก่นักโทษชายคนนี้จนประชาชนรับไม่ได้
รัฐบาลลุงตู่ทำงานสร้างต้นทุนที่ดีเอาไว้ให้รัฐบาลนี้หลายเรื่อง ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม ท่องเที่ยว และนโยบายต่างประเทศ ที่ทำให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากวิกฤตที่หลายประเทศต้องเผชิญ ทั้งทางด้านสาธารณสุขและด้านเศรษฐกิจ หวังว่ารัฐบาลนี้จะสานต่อ โดยไม่ต้องรู้สึกว่าเดินตามรอยของลุงตู่ อะไรดีก็รักษาไว้ อะไรเหมาะก็ทำต่อไป อะไรบกพร่องก็แก้ไข ทำหน้าที่เป็นรัฐบาลของคนทั้งประเทศอย่างแท้จริง ถ้าทำได้ พวกเราก็ควรหายโกรธ หายเครียด หายเศร้ากันนะคะ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ดร.เสรี' ฟาดรัฐบาลเศรษฐา หาเงินไม่ได้ ใช้เงินเปลือง ทำเศรษฐกิจประเทศตกต่ำ
ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสาร โพสต์เฟซบุ๊กว่า ตอนลุงตู่อยู่เศรษฐกิจไม่ได้วิกฤต ไม่ได้ดำดิ่งลงเหว แต่เพื่อไ
โอ้ปากหนอปาก เพราะพูดมากและปากไว
พวกเราคงเคยได้ยินสุภาษิต คำพังเพยและคำคมเกี่ยวกับคำพูดมากมาย เช่น “ก่อนพูดเราเป็นนายของคำพูด แต่เมื่อพูดไปแล้วคำพูดจะเป็นนายเรา” นั่นหมายถึงคำพูดที่เราพูดออกไปจะบังคับให้เราต้องรักษาสัญญา ท
นิรโทษกรรม...ที่ยังไม่ 'ตกผลึก'
จนถึงทุกวันนี้...ผู้ที่ต้องตกระกำ ลำบาก ต้องติดคุก-ติดคดี ต้องถ่อร่างขึ้นโรง-ขึ้นศาล ในเรื่องราวต่างๆ นานา ไม่ว่าย้อนหลังไปตั้งแต่เมื่อกว่าสิบปีที่แล้ว หรือไม่กี่เดือน-กี่ปีมานี้เอง
ตร.ก็ว้าวุ่นเลย
เปิดชื่อ 8 กุนซือข้างกาย ผบ.ต่อ-พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล แม่ทัพใหญ่กรมปทุมวัน ต้องบอกว่า "ไม่ธรรมดา" ล้วนระดมยอดฝีมือ "สีกากี" หลากหลายหน้างานมาช่วยขับเคลื่อน "สำนักงานตำรวจแห่งชาติ"
เค้าโครงชีวิตปี2567
ลัคนากันย์-ตามหาความฝันและปฏิวัติทางชีวิต-ตั้งแต่ต้นปีดวงแตกยับเยินเหมือนหัวหน้าเทวดาประจำปีเข้าห้องไอซียู.-รอดและได้ตลอด
สุนัขหางด้วน!!!
อภิมหาพระ หรือ อภิมหาปราชญ์ แห่งวงการศาสนา...อย่างท่านอาจารย์ พุทธทาสภิกขุ นั้น อาจถือได้ว่าเป็นหนึ่งในบรรดาผู้ที่พร้อมปฏิเสธ ต่อต้าน คัดค้าน อะไรต่อมิอะไรหลายอย่างที่ออกไปทาง