ยุคพระอาทิตย์ 7 ดวง

ขณะที่ยังมีชีวิตอยู่...แต่เผอิญไปป่วย หรือ อาพาธ อยู่ประมาณ 3 เดือน คือระหว่างเดือนมกราคม-มีนาคม ปีพุทธศักราช 2535 หรือประมาณ 35 ปีมาแล้ว ระหว่างนั่งๆ-นอนๆ ท่านอาจารย์ พระพุทธทาสภิกขุ ท่านเลยใช้เวลาช่วงนั้นขีดๆ-เขียนๆ ออกมาเป็น บันทึก หรือเป็น สมุดเล่มนี้ อันเป็นสิ่งที่ ธรรมทานมูลนิธิ และ สำนักพิมพ์สุขภาพใจ เขาเลยนำเอาบันทึกดังกล่าว มาตีพิมพ์เผยแพร่ เป็นหนังสือให้ใครต่อใครมีโอกาสได้อ่าน ได้ใช้เป็นข้อชี้แนะ ชี้นำ มาตั้งแต่กว่า 30 ปีที่แล้ว...

โดยที่บางส่วน บางข้อความ ในบันทึกที่ว่านั้น...ถ้าหากลองนำมาอ่าน มาทบทวนกัน ณ ขณะนี้ แทบไม่ต่างอะไรไปจากคำพยากรณ์ หรือคำทำนายไว้ล่วงหน้า เอาเลยก็ว่าได้ ดังเช่นข้อความที่ว่า... “ยุคพระอาทิตย์ 7 ดวงกำลังจะมาถึง คือความร้อนโดยวิกฤตกาลทั้งทางวัตถุและทางจิต...มันจะเพิ่มขึ้นเป็น 7 เท่า ดังนั้น...

จงเตรียมตัวป้องกัน อย่าทำอะไรๆ ที่เป็นการทำลายธรรมชาติแห่งความถูกต้อง” นี่...ดังนั้น สำหรับใครก็ตามในทุกวันนี้ ที่หนีไม่พ้นต้องเจอกับอุณหภูมิความร้อนระดับ 38-39 หรือกว่า 40 องศาต่อเนื่อง ยาวนาน กันไปเป็นเดือนๆ เผลอๆ อาจลากยาวเป็นปีๆ เอาเลยก็ไม่แน่ คงอดไม่ได้ที่ต้องนึกถึง คำเตือน หรือจะเรียกว่าคำพยากรณ์ คำทำนาย ของ อภิมหาพระ อย่างท่านอาจารย์ พุทธทาสฯ ขึ้นมาจนได้...

ด้วยเหตุเพราะอะไรต่อมิอะไรมันออกจะร้อนฉิบหาย ร้อนตายโหง-ตายห่า ปานประดุจพระอาทิตย์มีอยู่ด้วยกัน 7 ดวงเอาจริงๆ นั่นแหละ และอาจด้วยเหตุเพราะบรรดาเราๆ-ทั่นๆ ทั้งหลาย ไม่ว่าในสังคมไทยหรือสังคมโลกก็แล้วแต่ ไม่ค่อยได้สนใจ หรือไม่ได้ให้ความสำคัญกับคำเตือน คำพยากรณ์ คำทำนาย ของ ท่านพุทธทาสภิกขุ แบบจริงๆ จังๆ มาแต่แรก ไม่ได้สนใจที่จะปกปัก รักษา สิ่งที่เรียกว่า ธรรมชาติแห่งความถูกต้อง ไม่ว่าทางวัตถุ หรือจิตใจ มาโดยตลอด โอกาสที่จะไปร้องแรกแหกกระเชอ บ่นว่าร้อนฉิบหาย ร้อนตายโหง ก็คงไม่น่าจะถูกเรื่องกันซักเท่าไหร่นัก...

คือถ้าคิดจะบ่นกันจริงๆ แล้ว...คงต้องหันมาบ่น ตัวมึง หรือ ตัวกู-ของกู นั่นแหละเป็นหลัก ที่ดันไม่ให้ความสนใจต่อการชี้แนะ ชี้นำ ดันละเมิดคำเตือน คำพยากรณ์ทั้งหลาย ไม่ว่าจะโดย ท่านพุทธทาสฯ หรือใครต่อใครก็แล้วแต่ ที่ได้เตือนแล้วเตือนเล่า บอกแล้ว บอกเล่า ถึงสิ่งที่ต้องเป็นไปในลักษณะเช่นนี้มานานแล้ว แต่จะด้วยเหตุเพราะความ หลงผิด ไม่ว่าใน ทางกาย หรือ ทางจิต อย่างที่ ท่านพุทธทาสฯ ท่านได้อธิบาย ขยายความไว้ว่า “ทางกาย-ผิดทางนิเวศวิทยา คือการทำผิดต่อบรรยากาศของโลก เช่น มลภาวะและความแห้งแล้ง เป็นต้น” ส่วน “ทางจิต-ผิดทางจิตวิทยา คือทางศีลธรรม จริยธรรม มีแต่ความเห็นแก่ตัว ทั้งในแง่สังคม-การเมือง-เศรษฐกิจ-การดำรงชีวิตที่เป็นบริโภคนิยม หรือที่ศาสนาเรียกว่าเป็นทาสทางอายตนะ” นั่นเอง...

ดังนั้น... ตัวมึง หรือ ตัวกู-ของกู นั่นเอง ที่สมควรจะต้องถูกบ่น ถูกดุด่า ว่ากล่าว มากกว่าที่จะไป โยนบาป ให้พระอาทิตย์ให้ผีสาง นางไม้ เทวดา ฯลฯ กันไปตามเรื่อง-ตามราว เพราะถ้าหาก ตัวมึง หรือ ตัวกู-ของกู ไม่ หลงผิด มุ่งมั่นและเพียรพยายามที่จะปกปัก รักษา ธรรมชาติแห่งความถูกต้อง กันโดยถ้วนหน้า ถ้วนทั่วทุกตัวคนแล้วไซร้ โอกาสที่โลกใบนี้จะกลายเป็น โลกพระศรีอาริย์ คงอยู่ไม่ใกล้-ไม่ไกล โลกที่... “พื้นดินราบเรียบปราศจากเสี้ยนหนาม ไม่มีรอยแตกระแหง มีแต่หญ้าแพรกเขียวขจีสูงพ้นพื้นดินเสมอกันเพียง 4 องคุลี” หรือ “ดิน-ฟ้า-อากาศอยู่ในระดับสบายๆ หน้าหนาวก็หนาวแต่พอประมาณ หน้าร้อนก็ไม่ร้อน อากาศถ่ายเทพัดเนือยๆ เรื่อยๆ เหมือนมีคนคอยโบกวีให้เย็นสบายตลอดเวลา น้ำเปี่ยมฝั่งเย็นใสและจืดสนิท บริสุทธิ์สะอาด สองฟากฝั่งดารดาษไปด้วยทรายสีขาวสะอาดสะอ้าน ทรายเม็ดใหญ่เท่าถั่วดำ เม็ดเล็กเท่าถั่วเขียว เมื่อสัมผัสก็อ่อนนุ่มไม่แข็งกระด้าง ต้นไม้เล็ก-ใหญ่มีอยู่ทั่วสองฟากฝั่ง งามกิ่งงามก้าน งามดอกงามผล เปรียบประดุจราชอุทยานแห่งสมเด็จพระจักรพรรดิ ฯลฯ” นี่...หยดย้อย หยาดเยิ้ม น่ารัก น่าจินตนาการไปได้ถึงขั้นนั้น...

ทั้งนั้น ทั้งนี้...ย่อมหนีไม่พ้นต้องอาศัยสิ่งที่เรียกว่า ธรรมชาติแห่งความถูกต้อง นั่นแหละเป็นสำคัญ ไม่ใช่แค่การบนบานศาลกล่าว ต่อเทพยดาหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย หรือแม้แต่การคิดจะพึ่งพา รัฐบาล ใดๆ ทั้งสิ้น โดยเฉพาะรัฐบาลที่มุ่งจะให้ผู้คนบริโภคให้มากๆ เข้าไว้ ตามแบบฉบับ ประชาธิปไตย ที่มักต้องมีทุนนิยมเป็นพื้นฐาน เป็นพลังขับเคลื่อน มีแต่ต้องหันมาเริ่มต้นที่ ตัวมึง หรือ ตัวกู-ของกู นั่นแหละเป็นที่ตั้ง หรือต้องมุ่งมั่น เพียรพยายาม กระทำในสิ่งที่ ท่านพุทธทาสภิกขุ ท่านได้ชี้แนะ ชี้นำ ไว้ในบันทึก หรือในสมุดเล่มดังกล่าว นั่นก็คือ... “ต้องเปลี่ยนแปลงอุดมคติของสังคม ให้ลึกลงไปถึงสามัญชน มิฉะนั้น...เขาจะไม่ทำ แม้ในสิ่งที่เขาทำได้ และไม่สนใจที่จะรู้ว่าอะไรเป็นสิ่งที่ทำได้และควรกระทำ มีแต่การตกเป็นทาสอายตนะไปวันๆ...” หรือต้องเริ่มต้นที่ธรรมะ ที่ศีลธรรม นั่นแหละเป็นอันดับแรก.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

จะดีจะชั่ว...อยู่ที่ตัวคนเลือก

คนเรานั้น แม้จะเลือกเกิดไม่ได้ว่าเราจะเกิดที่ไหน เกิดเป็นลูกใคร จะได้เป็นลูกเศรษฐีหรือลูกคนจน แต่เมื่อเราเติบโตรู้ความ ได้รับการอบรมบ่มนิสัย ได้รับการศึกษา

จากสงครามเวียดนามถึงสงครามอิสราเอล-ฮามาส

ช่วงที่นักศึกษา ปัญญาชน คนหนุ่ม-คนสาวชาวอเมริกัน...เขาลุกฮือขึ้นมาต่อต้าน คัดค้าน สงครามเวียดนาม ในช่วงระยะนั้น อันตัวข้าพเจ้าเอง ก็กำลังอยู่ในวัยหนุ่ม

ไฟไหม้ปทุมวัน

เล่นเอาเหล่า "สีกากี" ภายใน "กรมปทุมวัน" ตกอกตกใจกันยกใหญ่ หลังมีควันดำๆ พวยพุ่งจากเหตุไฟไหม้ระเบียงชั้น 6 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

อยากช่วย...อยากเชียร์...แต่เพลียแล้วนะ

ในคืนวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 เราตกใจเมื่อเห็นผลของการเลือกตั้งที่พรรคก้าวไกลชนะการเลือกตั้งมาเป็นที่ 1 ได้ สส. 151 ที่นั่ง พรรคเพื่อไทยมาเป็นที่ 2 ได้ สส. 141 ที่นั่ง ส่วนพรรคที่เขาเรียกขานกันว่าเป็นพรรคอนุรักษ์หรือพรรคหนุนเผด็จการนั้น ได้จำนวน สส.ห่างไกลจาก 2 พรรคนี้มาก ภูมิใจไทยที่ได้จำนวน สส.มาเป็นที่ 3

หึ่ง! เชือด 'นายพล' อีก

ดูเหมือนจะเป็นหน่วยงานแห่งความหวัง หน่วยงานที่พึ่งสำคัญ ในการจะกลับเข้ารับราชการตำรวจอีกครั้งของ บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. หลังจาก บิ๊กต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์

จะมาจากแหล่งไหน....ก็ไม่สบายใจทั้งนั้น

ก่อนการเลือกตั้ง เมื่อมีการหยั่งเสียงคะแนนนิยมว่าก้าวไกลมีคะแนนชนะเพื่อไทย ความร้อนรนกลัวแพ้ บนเวทีปราศรัยของพรรคเพื่อไทยก็มีการประกาศทันทีว่าจะแจกเงินดิจิทัล