พอรัฐบาลตัดสินใจเพิ่มกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายอีก 1 แสนล้านบาท ก็ไม่มีใครแปลกใจ
เพราะดูจากโครงการ “ประชานิยม” มากมายของพรรคเพื่อไทย (ยังไม่นับของพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ) ร่างงบประมาณรายจ่ายเดิมที่รัฐบาลก่อนเตรียมเอาไว้อย่างไรเสียก็ไม่พอ
ปัญหาที่ตามมาจากการต้องเพิ่มวงเงินงบประมาณรายจ่าย คือการขาดดุลงบประมาณที่เพิ่มขึ้น และนั่นหมายถึงการที่ต้องปรับเพดานด้านอื่นๆ ตามมาด้วยหรือไม่
เสียงคัดค้านจากฝ่ายค้านก็ดังขึ้นมาฉับพลัน
เพราะเห็นตัวเลขของรัฐบาลที่เคาะเพิ่มกรอบวงเงินงบปี 67 เป็น 3.48 แสนล้านบาท จากเดิม 3.35 ล้านบาท ดัน "ขาดดุลงบฯ" เพิ่มอีก 1 แสนล้าน เป็น 6.93 แสนล้าน
นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ไปกระทรวงการคลังวันแรกเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็ยังยืนยันว่านโยบายแจก "เงินดิจิทัล" คนละ 1 หมื่นบาทนั้นไม่ทำให้ต้องกู้เงินเพิ่ม
แต่ก็ยังไม่บอกรายละเอียดว่าจะเอาเงินมาจากไหน
คุณเศรษฐาขอเวลา 1 เดือนในการที่จะชี้แจงว่าแหล่งเงินมาจากไหน
อาจตีความได้ว่า ที่ยังไม่แถลงวันนี้ก็เพราะยังพูดจากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ลงตัว
ยังพยายามให้ฝ่ายต่างๆ บอกมาว่าจะตัดงบประมาณส่วนของตัวเองได้มากที่สุดเท่าไหร่
เพื่อในท้ายที่สุดจะได้ยืนยันว่า “ไม่กู้ ไม่ขึ้นภาษี”
แต่ถ้าลงท้ายต้องใช้มาตรา 28 ของ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง เพื่อให้รัฐวิสาหกิจบางแห่งช่วยออกเงินไปก่อน แล้วให้รัฐบาลจัดสรรชดเชยกลับไปภายหลัง ก็อาจจะต้องมีการแก้กฎหมายเพื่อดันเพดานเงินจำนวนนี้ให้สูงเกิน 32% ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
อาจจะต้องยกเพดานให้สูงขึ้นไปถึง 45-50%
ซึ่งก็คือการสร้างหนี้ในรูปแบบหนึ่ง
เพราะไม่มีอะไรที่ได้มาฟรีๆ โดยไม่มีต้นทุน
คุณศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล แสดงความเห็นกรณี ครม.นัดแรกของรัฐบาลเศรษฐา ที่ได้ปรับเงินเพิ่มในปีงบประมาณ 2567 เพื่อชดเชยขาดดุลอีก 1 แสนล้านบาท ทำให้ประมาณการหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นเป็น 64% ของ GDP
แกนนำฝ่ายค้านบอกว่า คุณเศรษฐาเพิ่งให้สัญญาผ่านการกล่าวปิดการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเมื่อคืนวันที่ 12 กันยายน ว่ารัฐบาลทราบดีและให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการบริหารงบประมาณสำหรับทุกนโยบายอย่างมีความระมัดระวัง ไม่ให้กระทบสัดส่วนหนี้สาธารณะที่ 63% ให้สูงขึ้นไปอีกโดยไม่มีเหตุอันควร
แต่มติ ครม.นัดแรกก็เห็นชอบแผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบประมาณ 2567-2570) เพื่อนำไปประกอบการจัดทำกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567
โดยในการปรับปรุงแผนการคลังใหม่นี้ พบว่ากรอบงบประมาณรายจ่ายประจำปี จากเดิมเมื่อต้นปีอยู่ที่ 3.35 ล้านล้านบาท เพิ่มเป็น 3.48 ล้านล้านบาท เพิ่ม 1.3 แสนล้านบาท
ประมาณการรายได้รัฐบาลสุทธิปีงบประมาณ 2567 ไว้ที่ 2.787 ล้านล้านบาท มากกว่าที่เคยประเมินไว้เมื่อเดือนมกราคม 2566 โดยประเมินไว้ที่ 2.757 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นเพียง 30,000 ล้านบาท
เท่ากับว่าต้องกู้เพื่อชดเชยขาดดุลไป 6.93 แสนล้านบาท
ซึ่งมากกว่าที่เคยประเมินไว้เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ที่ 5.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1 แสนล้านบาท
ทำให้หนี้สาธารณะคงค้างเพิ่มขึ้นเป็น 12 ล้านล้านบาท คิดเป็น 64% ของ GDP เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่ 63% ของ GDP
คุณศิริกัญญาระบุต่อไปว่า การประมาณการครั้งนี้แม้หนี้สาธารณะจะไม่ถึงกรอบที่ตั้งไว้ที่ 70% แต่มีข้อสังเกตน่าสนใจหลายประการ คือ
1.งบประมาณเพิ่มขึ้นจากเดิม 1.3 แสนล้านบาท คาดว่าน่าจะขยายขึ้นมาเพื่อรองรับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท แต่ก็ยังไม่น่าพอสำหรับวงเงิน 560,000 ล้านบาท
2.ประมาณการรายได้เพิ่มขึ้นเพียง 30,000 ล้านบาท แต่รัฐบาลเคยบอกว่าดิจิทัลวอลเล็ตจะกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้จัดเก็บภาษีเพิ่มได้ 1 แสนล้านบาท
3.ขยายการกู้ชดเชยขาดดุลไปอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีที่แล้ว ในขณะที่ปีที่แล้วยังเจอกับผลกระทบโควิด จากที่จะกู้เพิ่ม 3% ของ GDP ก็เพิ่มเป็น 3.63% และจากที่จะทยอยลดลงจนเหลือ 2.79% ในปี 2570 กลับคงไว้ในระดับสูงที่ 3.36%
4.ประมาณการว่า GDP จะโตระหว่าง 3.2-3.3% ระหว่างปี 2567-2571 เฉลี่ยไม่มีทางถึง 5% ตามที่ได้เคยหาเสียง
คุณศิริกัญญาบอกว่า “เห็นได้ว่ารัฐบาลค่อนข้างมือเติบและตั้งงบเพิ่มขึ้นมาก โดยวิธีการกู้มาโปะเพิ่มถึงแสนล้านบาท เพื่อมาใช้จ่ายในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ส่งผลให้หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นเป็น 64% ในปีหน้า...”
เธอจึงเตือนนายกฯ ว่าอาจจะต้องลดการพูดถึงวินัยการคลังไปสักพักก่อน
เพราะอาจจะทำไม่ได้อย่างที่พูด
และถ้าเป็นแบบนี้ เป้าหมายที่เพื่อไทยเคยตั้งว่าจะทำงบประมาณสมดุลใน 7 ปีข้างหน้า ก็ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้จริง
ก่อนหน้าจะมีการประกาศปรับงบรายจ่ายเพิ่มนั้น นายกฯ เศรษฐาได้เป็นประธานประชุมพิจารณาทบทวนวงเงินงบประมาณรายจ่ายปีงบฯ 2567 ร่วมกับ 4 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงบประมาณ, กระทรวงการคลัง, สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
คุณเฉลิมพล เพ็ญสูตร ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ออกมาแถลงว่า ที่ประชุม 4 หน่วยงานมีมติเห็นชอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายปีงบ 2567 เป็น 3.48 แสนล้านบาท จากเดิมที่ ครม.เมื่อวันที่ 10 ม.ค. 2566 มีมติเห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายปีงบ 2567 ไว้ที่ 3.35 ล้านล้านบาท
ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับแผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบประมาณ 2567-2570) ฉบับทบทวน ที่ ครม.มีมติเห็นชอบไปเมื่อวันที่ 13 ก.ย.ที่ผ่านมา
กรอบวงเงินงบประมาณเพิ่มขึ้น 1.3 แสนล้านบาทนี้ มาจากประมาณการรายได้ที่เพิ่มขึ้น 3 หมื่นล้านบาท
ซึ่งจะนำไปจ่ายเป็นเงินกู้ที่เพิ่มขึ้นตามแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น
ส่วนอีก 1 แสนล้านบาท จะมาจากการขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับการดำเนินนโยบายสำคัญของรัฐบาล
ส่งผลให้หลังจากทบทวนตัวเลขแล้ว ในปีงบ 2567 รัฐบาลจะขาดดุลงบประมาณ 6.93 แสนล้านบาท ขณะที่ประมาณการรายได้รัฐบาลสุทธิอยู่ที่ 2.787 ล้านล้านบาท
“งบประมาณรายจ่ายปีงบ 2567 ยังคงเป็นการดำเนินนโยบายขาดดุลงบประมาณ เพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง” นายเฉลิมพลกล่าว
จากนี้จะให้ทุกกระทรวงจัดทำคำของบประมาณมายังสำนักงบประมาณในวันที่ 6 ต.ค.นี้
จากนั้นสำนักงบประมาณจะใช้เวลาพิจารณา 35 วัน ก่อนเสนอให้ ครม.และที่ประชุมสภาฯ พิจารณาตามขั้นตอนต่อไป
คาดว่าจะนำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปีงบ 2567 ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายได้ในวันที่ 17 เม.ย. 2567
ซึ่งแปลว่ากว่าจะได้ใช้งบประมาณปีใหม่ก็จะตกปลายเดือนเมษายนหรือต้นเดือนพฤษภาคม
ช้ากว่าปีปกติไป 8 เดือน...และจะต้องเร่งทำงบประมาณรายจ่ายของปีงบประมาณ 2568 ทันทีเลยเช่นกัน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แชร์สนั่นโซเชียล ลุกโชนเป็นไฟลามทุ่ง! ‘อนุทิน’ บุกเพจ ‘สุทธิชัย’ แจงกรณีคุยกับ ‘ทรัมป์’
ภายหลัง เพจ Suthichai Yoon โพสต์ข้อความว่า‘ทรัมป์‘ ให้สัมภาษณ์ Wall Street Journal ว่าเขาได้ใช้ tariff กดดันให้ไทยกับกัมพูชายุติการสู้รบ!
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ


