หนึ่งในประเด็นหลักของการนำเสนอสหประชาชาติโดยนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน คือสิ่งที่เรียกว่า “การเงินสีเขียว” หรือ Green Finance ซึ่งไม่ค่อยจะได้กล่าวถึงในประเทศมากนัก
แต่ในเวทีระหว่างประเทศเรื่องนี้กำลังจะกลายเป็นหัวข้อสำคัญ
เพราะทั้งโลกกำลังให้ทุกประเทศแสดงความมุ่งมั่นจริงใจในการช่วยจัดการปัญหาโลกร้อน
และทุกกิจกรรมด้านเศรษฐกิจจะต้องโยงไปถึง “ความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม”
ทุกด้านของนโยบายระดับชาติของทุกประเทศจะต้องมีความเป็น “สีเขียว”
แต่ก่อนอาจจะมองไปเฉพาะด้านสิ่งแวดล้อมที่ไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องอื่นๆ
แต่วันนี้หากประเทศไหนไม่ทำเรื่องนี้อย่างเป็นระบบ จะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างกว้างขวาง
เช่น สินค้าที่จะส่งออกจะต้องพิสูจน์ว่ามาจากแหล่งที่ไม่ส่งก๊าซเรือนกระจกขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ
หากสินค้าที่ส่งออกมีกระบวนการผลิตที่สร้างคาร์บอนมากเท่าใด ก็จะต้องโดนภาษีมากเท่านั้น
ดังนั้น แม้กระทั่งการระดมทุนก็จะต้องเป็นทุนที่ส่งเสริมการผลิตและการซื้อขายที่เน้นเรื่องสิ่งแวดล้อมและลดโลกร้อน
จึงเป็นที่มาของคำว่า “การเงินสีเขียว”
คุณเศรษฐา ในถ้อยแถลงในการประชุมระดับผู้นำว่าด้วยการดำเนินการสภาพภูมิอากาศ (Climate Ambition Summit) ประกาศว่า ไทยมุ่งบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี ค.ศ.2050 ส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน
พร้อมขับเคลื่อนการเงินสีเขียว (Green Finance) สร้างความยั่งยืนร่วมกัน
นายกฯ ไทยบอกว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก ถือเป็นปัญหาเร่งด่วนและร้ายแรงในปัจจุบัน
คุณเศรษฐาบอกว่าช่วงเวลาผ่านมาได้มีโอกาสพบปะกับเกษตรกรของไทย และรับทราบโดยตรงถึงผลกระทบร้ายแรงที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ซึ่งมีผลต่อการดำรงชีวิตของเกษตรกร จึงเป็นสิ่งที่รัฐบาลไทยเราต้องลงมือแก้ไขปัญหาทันที
ไทยขอชื่นชมวาระเร่งด่วนของเลขาธิการสหประชาชาติ ที่ได้สนับสนุนให้บรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (net-zero) ให้ใกล้เคียงกับปี ค.ศ.2050 มากที่สุด พร้อมนำเสนอแผนการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงาน รวมถึงการเลิกใช้ถ่านหินภายในปี ค.ศ.2040
และเตรียมการสนับสนุนการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนดขึ้น ฉบับปรับปรุง (Nationally Determined Contributions : NDCs) สำหรับปี ค.ศ.2025
เป็นปีที่ไทยมีพันธกรณีจะต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ทั้งหมด
นายกฯ ไทยบอกว่าไทยพยายามอย่างที่สุดที่จะร่วมมือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและประชาคมระหว่างประเทศ
โดยคำนึงถึงการดำเนินการตามกระบวนการภายใน การเข้าถึงเทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยีให้มีประสิทธิภาพ
ตลอดจนการสนับสนุนทรัพยากรทางการเงินและการสร้างขีดความสามารถ
ในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ UNFCCC COP ครั้งที่ 26 ประเทศไทยได้ให้คำมั่นสัญญาที่สำคัญ และมุ่งมั่นในการบรรลุเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศ
เพื่อให้บรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี ค.ศ.2050
นั่นหมายความว่า ไทยได้เพิ่มเป้าหมายการสนับสนุนการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนดขึ้น (NDC) จาก 20% เป็น 40% ภายในปี ค.ศ. 2030
โดยมีการดำเนินการที่มีผลเป็นรูปธรรม สะท้อนได้จากยุทธศาสตร์การพัฒนาการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำในระยะยาว โดยประเทศไทยได้ทำงานอย่างหนักเพื่อจะบรรลุภารกิจที่สำคัญยิ่งนี้
รัฐบาลไทยใช้เป้าหมายเหล่านี้ในการร่างแผนพลังงานแห่งชาติขึ้นใหม่
ที่มุ่งเน้นไปที่ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน การเปลี่ยนแปลงในภาคการขนส่ง การเพิ่มการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศ และการเตรียมการที่จะยุติการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหิน
ไทยได้ดำเนินโครงการนำร่องโดยใช้แนวความคิดจากเกษตรกรรมยั่งยืน
ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกประสบความสำเร็จพร้อมต่อยอดโครงการ
ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนเท่านั้น แต่ยังช่วยลดความเปราะบางต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และช่วยเพิ่มความเป็นอยู่ที่ดีให้แก่เกษตรกรทั่วประเทศอีกด้วย
คุณเศรษฐาแจ้งประชาคมโลกว่ารัฐบาลไทยได้กำหนดหลักเกณฑ์อัตราค่าบริการไฟฟ้าสีเขียว (Utility Green Tariff)
สนับสนุนการใช้โซลาร์รูฟท็อป (Solar Rooftop)
และการวัดไฟฟ้าแบบสุทธิ (net-metering) เพื่อจูงใจการผลิตพลังงานสะอาด
โดยประเทศไทยตั้งเป้าที่จะเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้ครอบคลุม 55% ของพื้นที่ทั้งหมดภายในปี ค.ศ. 2037
และตอกย้ำว่า ประเทศไทยยังได้ส่งเสริมกลไกการเงินสีเขียว (Green Finance) อย่างแข็งขันผ่านการออกพันธบัตรเพื่อความยั่งยืน
ซึ่งปัจจุบันสามารถระดมเงินได้ในจำนวน 12.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ผ่านกลไกนี้
ไทยจะออกพันธบัตรเชื่อมโยงกับความยั่งยืน กระตุ้นการเติบโตของพันธบัตรสีเขียว เพื่อให้มั่นใจว่าองค์กรต่างๆ จะได้รับแรงจูงใจในการบรรลุเป้าหมาย SDG
นายกฯ ไทยบอกว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับประเด็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก
ล่าสุดได้จัดตั้ง กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม (Department of Climate Change and Environment) ขึ้น
เพื่อตอบสนองต่อผลกระทบที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโดยเฉพาะ และเพื่อดำเนินการตามพันธกรณีที่เพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกัน รัฐบาลจะผลักดันพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพื่อควบคุมการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกแบบบังคับ เพื่อสร้างความสามารถในการปรับตัวต่อสภาพภูมิอากาศให้แก่ทุกภาคส่วน
ก่อนจบ นายกฯ ไทยเน้นย้ำว่า การแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต้องได้รับการสนับสนุนจากทุกประเทศทั่วโลก ซึ่งประเทศไทยยังคงเร่งดำเนินการต่อเนื่อง พร้อมมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ที่จะบรรลุเป้าหมายและเอาชนะวิกฤตการณ์นี้
วงการการเงินในไทยก็กำลังตื่นตัวเรื่องการออกพันธบัตรและระดมทุนในรูปแบบต่างๆ ที่เน้นเรื่องธุรกิจสีเขียว
เป็นแนวโน้มใหม่ที่เรามองข้ามไม่ได้เป็นอันขาด เพราะหากเราไม่เอาจริงเอาจัง และไม่มียุทธศาสตร์ที่แน่ชัด เราก็จะตกรถไฟขบวนใหญ่
คราวนี้ ตกแล้วตกเลย
คำถามคือ นักการเมืองที่เข้ามาบริหารประเทศนอกจากจะอ่านรายงานจากที่ข้าราชการเขียนให้แล้ว ตัวเองได้ตั้งใจที่จะทำความเข้าใจและลงมือทำอย่างจริงจังหรือไม่
นี่คือช่องว่างระหว่างการ “หาเสียง” กับ “การทำจริง” อีกเรื่องหนึ่งที่เป็นประเด็นหนักสำหรับอนาคตของประเทศชาติเป็นอย่างยิ่ง.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แชร์สนั่นโซเชียล ลุกโชนเป็นไฟลามทุ่ง! ‘อนุทิน’ บุกเพจ ‘สุทธิชัย’ แจงกรณีคุยกับ ‘ทรัมป์’
ภายหลัง เพจ Suthichai Yoon โพสต์ข้อความว่า‘ทรัมป์‘ ให้สัมภาษณ์ Wall Street Journal ว่าเขาได้ใช้ tariff กดดันให้ไทยกับกัมพูชายุติการสู้รบ!
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ


