คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติมาตรการ “พักหนี้เกษตรกร” 3 ปีทั้งต้นทั้งดอกแล้ว
แม้จะมีคำเตือนจากนักวิชาการที่ศึกษาวิจัยเรื่องนี้ทักท้วงว่า 13 ครั้งที่พักหนี้เกษตรกรโดยรัฐบาลที่ผ่านมานั้นไม่ได้ผลตามประสงค์แต่อย่างใด
มิหน้ำซ้ำ 70% ของเกษตรกรที่เข้าโครงการกลับมีหนี้เพิ่มขึ้นอีก
และ “หนี้เสีย” หรือ NPLs ก็ไม่ได้ลดลงแต่อย่างไร
เพื่อความเป็นธรรม ลองดูรายละเอียดของมติ ครม. ชุดนี้ว่าเป็นอย่างไร
ตามแนวทางนี้จะพักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยให้กับเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ ได้แก่ กลุ่มลูกหนี้ที่เป็นหนี้ปกติ และกลุ่มที่เป็นหนี้เสีย (NPLs) เป็นระยะเวลา 3 ปี
พร้อมทั้งเห็นชอบมาตรการพัฒนาศักยภาพเพื่อฟื้นฟูลูกหนี้ ธ.ก.ส. ผู้ที่เข้าร่วมมาตรการพักชำระหนี้ฯภายใต้หลักการ ‘ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้’ มีรายละเอียดคือ
1.มาตรการพักชำระหนี้ให้กับลูกหนี้รายย่อยตามนโยบายรัฐบาล
โดยเกษตรกรลูกค้ารายย่อยของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จำนวน 2.698 ล้านราย ที่มีต้นเงินคงเป็นหนี้คงเหลือทุกสัญญารวมกัน ณ วันที่ 30 ก.ย.2566 ไม่เกิน 300,000 บาท
และมีสถานะเป็นหนี้ปกติและ/หรือเป็นหนี้ค้างชำระ (หนี้ 0-3 เดือน และหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPLs) จะได้รับสิทธิ์ในการพักชำระหนี้ ‘ระยะแรก’ ซึ่งมีระยะเวลาดำเนินการ 1 ปี หรือตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2566 ถึงวันที่ 30 ก.ย.2567
ทั้งนี้ เกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส. ที่ต้องการรับสิทธิ์ สามารถแสดงความประสงค์เข้าร่วมมาตรการพักชำระหนี้ดังกล่าวได้ตามความสมัครใจ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2566 ถึงวันที่ 31 ม.ค.2567
ส่วนลูกหนี้ที่มีสถานะเป็น NPLs นั้น จะสามารถเข้าร่วมมาตรการพักชำระหนี้ฯได้ เมื่อได้มีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตามหลักเกณฑ์ของ ธ.ก.ส. แล้ว
2.การพัฒนาศักยภาพเพื่อฟื้นฟูลูกหนี้ ธ.ก.ส. ผู้ที่เข้าร่วมมาตรการพักชำระหนี้ฯ
โดย ธ.ก.ส. จะร่วมกับส่วนงานราชการและหน่วยงานภายนอก ดำเนินการอบรมเกษตรกรคู่ขนานไปกับมาตรการพักชำระหนี้ที่ได้เพิ่มโอกาสให้เกษตรกร ในการนำเงินไปลงทุนปรับเปลี่ยนหรือขยายการประกอบอาชีพ
โดยการอบรมอาชีพเกษตรกรจะช่วยฟื้นฟูเกษตรกรให้สามารถประกอบอาชีพได้อย่างมีศักยภาพ มีความสามารถในการแข่งขัน มุ่งสร้างรายได้ให้เพียงพอต่อการดำรงชีวิต พร้อมทั้งเพิ่มความสามารถในการชำระหนี้ เพื่อเป็นการส่งเสริมวินัยการเงิน เป็นต้น
คุณจุลพันธ์ อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับมาตรการพักหนี้เกษตรกร ว่า ในส่วนของเกษตรกรที่เป็นลูกหนี้ปกตินั้น แน่นอนว่ารัฐบาลจะรับภาระและช่วยเหลือในเรื่องอัตราดอกเบี้ยอยู่แล้ว
แต่ในระหว่างการพักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยนั้น หากเกษตรกรมีความประสงค์ และมีกำลังเพียงพอในการชำระหนี้สินในขณะนั้น เงินที่เกษตรกรนำไปชำระหนี้ดังกล่าว อย่างน้อย ‘ครึ่งหนึ่ง’ จะถูกนำไปตัดหนี้เงินต้น
สำหรับเกษตรกรที่เป็นหนี้ NPL นั้น ในระหว่างที่รัฐบาลช่วยเหลือเรื่องดอกเบี้ยนั้น หากลูกหนี้สามารถแก้ไขตัวเองจนกลับมาเป็นหนี้ปกติได้ รัฐบาลจะชดเชยหนี้สินในส่วนดอกเบี้ยให้เป็นเวลา 3 เดือน
แต่หากกลับมาเป็นหนี้ปกติไม่ได้ รัฐบาลก็จะไม่ชดเชยในส่วนนี้ให้
นอกจากนี้ กรณีเกษตรกรที่มีสถานะเป็น NPL และสมัครใจเข้าร่วมโครงการฯ นั้น หากภายในระยะเวลา 3 ปี เกษตรกรสามารถชำระหนี้ให้ ธ.ก.ส. ได้ เงินที่ชำระหนี้จะนำไปตัดเงินต้นทั้ง 100% โดยไม่ตัดดอก
คุณจุลพันธ์ ระบุว่า ภายใต้มาตรการพักหนี้ฯนี้ ครม.ได้อนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณ เพื่อเป็นค่าชดเชยดอกเบี้ยแทนเกษตรกร ในปีที่ 1 ประมาณ 1.1 หมื่นล้านบาท และตลอดระยะเวลาการดำเนินมาตรการฯ 3 ปี
คาดว่าจะใช้งบประมาณ 3.3 หมื่นล้านบาท แต่ทั้งนี้ ต้องเป็นไปตามที่มีการใช้จ่ายจริง
“ครั้งนี้ (มาตรการพักชำระหนี้) จะแตกต่างจาก 13 ครั้งที่ผ่านมา เพราะ 13 ครั้งที่ผ่านมา การพักหนี้เกษตรกร เป็นเพียงแค่การประวิงเวลา เมื่อพ้นระยะเวลาโครงการแล้ว เกือบทุกครั้งที่ภาครัฐได้ไปสำรวจตรวจสอบดู พบว่าเกษตรกรไม่ได้อยู่ในสถานที่ดีกว่าเดิม หรือหลายครั้งแย่กว่าเดิมในเรื่องของมูลหนี้ และสถานะเศรษฐกิจ
“แต่ครั้งนี้ที่เราช่วยเหลือ เราตั้งเป้าว่า ในช่วงระยะเวลา 3 ปี เขาจะได้รับการพักภาระ และเมื่อกลับมาแล้ว ต้องกลับมาได้อย่างแข็งแกร่ง...”
ตรงนี้แหละที่ไม่มีความแน่นอนว่าเกษตรกรจะ “กลับมาแข็งแกร่งกว่าเดิม” ได้อย่างไร
เพราะมาตรการเสริมที่อยู่ในโครงการนี้ยังไม่มีอะไรรับรองว่าจะเพิ่มประสิทธิภาพของการ “พักหนี้” ได้
แม้ว่าจะเป็นการทำแบบ “สมัครใจ” ไม่ได้เป็นการ “เหวี่ยงแห” ให้ทุกคน แต่ก็คาดได้ว่าส่วนใหญ่จะขอเข้าโครงการเพราะอย่างน้อยก็มีจังหวะ “หายใจ” ขึ้นมาบ้าง
อนาคตเป็นอย่างไรเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ไม่มีใครรับรองได้
เพราะท้ายที่สุดเรื่องของ “ผลผลิตต่อไร่” และการหาตลาดที่ยั่งยืน ประกอบกับการใช้เทคโนโลยีเพื่อการเกษตรยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจังและแท้จริง
คุณจุลพันธ์เสริมว่าสิ่งที่เราทำมีกรอบประมาณทั้งสิ้นที่เราไปช่วยเหลือ คือ 1.1 หมื่นล้านบาทเศษ โดยจะเข้าไปช่วยในการจ่ายอัตราดอกเบี้ยแทนพี่น้องเกษตรกร
ซึ่งการพักหนี้เกษตรกรในครั้งนี้ โดยเป็นการพักชำระต้นและการพักชำระดอก
ซึ่งการชำระดอก รัฐบาลจะเป็นผู้รับผิดชอบดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นในระยะเวลาที่กำหนด
ส่วนหนี้เกษตรกรที่เข้าโครงการได้จะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่เป็นหนี้ปกติ และกลุ่มที่เป็นหนี้เสีย (NPL)
โดยกลุ่มที่เป็นหนี้ปกติ จะคัดกลุ่มที่มีการช่วยเหลือจากภาครัฐในรูปแบบอื่น หรือกลุ่ม PSA ออกไป เพื่อไม่ให้การช่วยเหลือมีความซ้ำซ้อน
แต่หากกลุ่มนี้พ้นระยะเวลาการช่วยเหลือจากภาครัฐในโครงการอื่นแล้ว ในปีถัดๆไป หรือในระยะที่ 2-3 จากทั้งหมด 3 ระยะ อาจจะมีสิทธิ์เข้ามาได้ ซึ่งทุกคนที่เข้าสู่โครงการจะต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง และเดินมาที่ ธ.ก.ส. คือ ต้องเป็นการเข้าร่วมโดยสมัครใจ
ทางการอ้างว่ากลไกนี้จะแตกต่างจากการพักหนี้ฯในอดีต
รัฐมนตรีช่วยคลังบอกว่าการเข้าสู่โครงการฯโดยสมัครใจจะเกิดประโยชน์ เพราะ ธ.ก.ส. มีเครือข่ายและองค์ความรู้ในการช่วยเหลือเกษตรกร
“เราไม่อยากเห็นปัญหาอย่างที่เคยเกิดขึ้นในอดีต คือ พักหนี้ฯ 3 ปีแล้วไม่เคยเจอหน้ากันเลยกับ ธ.ก.ส. กลับมาอีกที สภาพหนักกว่าเดิม
“เราจึงอยากจะให้ (เกษตรกร) มาทำงานร่วมกับ ธ.ก.ส. ในการปรับสภาพ ปรับภาระ ปรับโครงสร้างหนี้สินของตัวเอง เพื่อจะยืนยันว่าได้พี่น้องเกษตรกรจะได้รับการช่วยเหลือจนกลับมาได้อีกครั้ง” คุณจุลพันธ์ ระบุ
ขณะเดียวกันในเร็วๆนี้ ธ.ก.ส. จะมีมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ภายใต้นโยบาย ‘กระตุ้นเศรษฐกิจ’ ของรัฐบาล โดยหนึ่งในโครงการฯที่ ธ.ก.ส. จะออกมานั้น เป็นโครงการที่จะเข้าช่วยเหลือให้เกษตรกรที่เข้าร่วมมาตรการพักชำระหนี้ฯให้สามารถเข้าถึงแหล่งทุนเพื่อประกอบอาชีพได้
โดย ธ.ก.ส.จะให้เงินกู้เพิ่มเติมรายละไม่เกิน 1 แสนบาท ทั้งนี้ จะขึ้นอยู่กับศักยภาพในการชำระหนี้ของลูกหนี้
คุณฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการ ธ.ก.ส. อธิบายว่าภายใต้มาตรการพักชำระหนี้เกษตรกรดังกล่าว มีเกษตรกรที่มีสิทธิ์เข้าร่วมมาตรการ 2.69 ล้านราย
ในจำนวนนี้มี 6 แสนรายที่เป็นลูกหนี้ NPL และมียอดเงินต้น 3.6 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น 70-80% ของลูกหนี้ NPL ทั้งหมดของ ธ.ก.ส.ที่มีประมาณ 8.6 แสนราย
ขณะที่ปัจจุบัน ธ.ก.ส.มี NPL คงค้างอยู่ที่ 1.29 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 7.8% ของสินเชื่อรวม
“ข้อดีของมาตรการฯนี้เมื่อเทียบกับ 13 มาตรการฯในช่วง 9 ปีที่ผ่านมา คือ ถ้าลูกค้าที่เข้าร่วมโครงการฯ มีความสามารถนำเงินมาจ่าย เงินที่จ่ายเข้ามา ธ.ก.ส.จะตัดต้นให้ทั้งหมด นั่นหมายความว่าพอพ้นจากช่วงพักหนี้ฯ มูลหนี้จะลดลงและเกษตรกรจะฟื้นตัวเร็วขึ้น” คุณฉัตรชัยกล่าว
สิ่งที่จะพิสูจน์ว่าโครงการนี้ดีกว่าที่ผ่านมาหรือไม่อยู่ที่จะแก้ตรงจุดของปัญหาของเกษตรกรที่ฝังลึกมายาวนานหรือไม่
เพราะท้ายที่สุดก็แก้ที่ต้นตอว่า “ทำไมเกษตรกรไทยจึงเป็นหนี้กันมากมายและยาวนานขนาดนี้”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แชร์สนั่นโซเชียล ลุกโชนเป็นไฟลามทุ่ง! ‘อนุทิน’ บุกเพจ ‘สุทธิชัย’ แจงกรณีคุยกับ ‘ทรัมป์’
ภายหลัง เพจ Suthichai Yoon โพสต์ข้อความว่า‘ทรัมป์‘ ให้สัมภาษณ์ Wall Street Journal ว่าเขาได้ใช้ tariff กดดันให้ไทยกับกัมพูชายุติการสู้รบ!
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ


