ถูกใจ โดนใจ ..มากจนถึงมากที่สุดเลยค่ะ สำหรับ "ข้อเขียนสอนลูกหลาน" ชิ้นนี้ ซึ่งก็ไม่ได้ระบุว่าเป็นใคร?!? แต่คาดว่าจะเป็นห้วงเวลาส่งท้ายปีนี่แหละ เพราะเป็นเทศกาลงานวิวาห์
ขนาดมนุษย์ป้า จากเดือนที่แล้วมาเดือนนี้ก็ปาเข้าไป 3 งานแล้ว และสิ่งหนึ่งที่พบเห็นบนการ์ดเชิญงานแต่งคือ "theme" ชุดอย่างนี้ สีอย่างนั้น
พอเจอข้อความนี้ ก็เลยต้องขออนุญาตขยายต่อ เพราะมัน..ใช่เลยค่ะ
......................................
ขอสอนลูกหลานในตระกูลของฉัน.ลูกหลานคนไหนมีงานออกการ์ดเชิญแขก ก็อย่าทำให้แขกลำบากใจ ทุกวันนี้ฉันไม่เข้าใจว่า ธรรมเนียมการแต่งตัวไปร่วมงาน โดยเฉพาะงานแต่งงาน ใครกันนะริเริ่มค่านิยมกำหนด?
ว่า "ตรีม/ทรีม" อะไรประมาณนี้ ต้องกำหนดให้แขกใส่ชุดสีนั้นสีนี้ อย่าทำแบบนั้นนะลูกหลาน จงจำไว้!!!
ขามาเป็นแขกของเรา เขามาให้เกียรติแก่เรา เขาเสียสละเวลาทำมาหากินมาร่วมงาน เขาเอาเงินใส่ซองมาช่วยงานเรา เขามาอวยชัยให้พรเรา เราไม่ควรทำให้เขาลำบากใจ เราไม่มีสิทธิ์ไปกำหนดกฎเกณฑ์ในเรื่องส่วนตัว โดยเฉพาะการแต่งกายของแขก เป็นสิ่งไม่สมควร แต่ละคนที่มางานเราก็นับว่าเขาแต่งอย่างดีที่สุด ตามอัตภาพของเขาอยู่แล้ว
เราเชิญใครมาเป็นแขกก็ด้วยความรัก ความเคารพ ความรู้จักมักคุ้น สนิทชิดชอบพอกัน ดังนั้นเรื่องการแต่งกายเป็นเรื่องพื้นฐานที่ "เรา" ผู้เป็นเจ้าภาพ ต้องยอมรับในแขกของเรา อย่าทำให้เขาลำบากใจ ต้องเสียเงินเสียทองหาซื้อชุดใหม่ หรือไม่มั่นใจว่าใส่ชุดสีนี้ไป สีไม่เหมือนที่เจ้าภาพกำหนด เจ้าภาพจะพอใจหรือไม่พอใจ ฯลฯ
ยกตัวอย่างเช่น แต่ละชุดที่ฉันใส่ไปร่วมงานแต่ละครั้ง อยากจะบอกว่า ทุกชุดที่แต่งไปฉันเลือกอย่างดีที่สุด และก็ไม่ได้ใส่ไปเพื่ออวดโชว์อวดรวยด้วย แต่ที่แต่งไปก็เพื่อเป็นการให้เกียรติแก่เจ้าภาพ เจ้าของงานทุกงานที่เชิญมา ผ้าทุกชิ้นมีราคาตัดเย็บด้วยช่างมีฝีมือ เสื้อบางตัวราคาเกือบหมื่น เป็นต้น แต่บางคนเขาสวมใส่มากางเกงขายาวเสื้อเชิ้ต เราเป็นเจ้าภาพก็ต้องต้อนรับเขาอย่างดี เพราะเขาเป็นแขกของเรา ก็สุดแท้แต่สถานะของแต่ละบุคคล
แต่เดิมทีการเชิญแขกมาร่วมงาน "เพียงแค่แขกเดินทางมาตามคำเชิญ เจ้าภาพก็ดีใจอย่างมากแล้ว" ดังนั้นลูกหลานของฉัน!!! จงอย่าทำให้แขกลำบากใจในการที่จะแต่งกายมาร่วมงาน หากพวกเธอคิดว่าเป็นค่านิยมสมัยใหม่ที่เธอชอบใจ ก็ขอให้ทำกันเฉพาะในกลุ่มเพื่อนพ้อง ญาติพี่น้องของเธอ ไม่สมควรที่จะกำหนดลงไปในการ์ดเชิญ ฉันขอสั่ง/สอนลูกหลานในตระกูลของฉัน อย่าให้คนอื่นเขามาด่าว่าบุพการี ว่าไม่สั่งสอนลูกหลานให้รู้ประสากัน.
เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ.
'ป้าเอง'
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ไม่ใช่เวลา..จับผิด!!
ความทุกข์ของคนที่จังหวัดสงขลา ไม่ว่าจะมากจะน้อยแล้วแต่เขตอำเภอ และพื้นที่แต่ละแห่ง ล้วนไม่ได้แตกต่างกันสักเท่าไร เพราะชีวิตประจำวันที่เคยเดินทางสัญจร ไปไหนมาไหนตามอำเภอใจนั้น ถูกจำกัดโดยปริยาย ซึ่งหมายความว่า ต่างได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า
“น้ำใจของคนไทย" ความงดงามที่ทำให้สังคมน่าอยู่
ประโยคนี้ใครไม่เห็นด้วย..ยกมือขึ้น!! ถ้าใครยังมองไม่เห็น แค่หรี่ตาข้างเดียวก็ได้ แล้วมองเหตุการณ์น้ำท่วมภาคใต้ในช่วงนี้ รับรองว่าจะเห็นแจ่มแจ้งถึงพลังแห่งความช่วยเหลือจากทุกทิศทางหลั่งไหลไปไม่ขาดสาย
ความเป็น..จีน..ที่เปลี่ยนไป
เวลาที่คิดจะไปเที่ยวเมืองจีน สิ่งแรกที่คิดถึงจนเป็นความกังวลของมนุษย์ป้าเอง เห็นจะไม่พ้นเรื่องของ "ห้องสุขา" ที่เรียกขานตามภาษาถิ่นของเขาว่า "สีโส่วเจียน" เพราะเอกลักษณ์อันไม่อาจลืมเลือนของที่นั่นคือ ความสะอาดที่ยากจะหาเจอ
60อัป..ใครทำได้ก็ทำไป
ประเด็นขยายอายุเกษียณจาก 60 เป็น 65 ปี กำลังเป็นเรื่องฮอตในสังคมไทยอยู่ตอนนี้
เรื่องของ..มิวเซียม
เมื่อเดือนที่แล้วมีโอกาสไปเที่ยวมิวเซียม ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรียค่ะ ได้ความรู้และอรรถรสของการชมสถานที่สำคัญและน่าจดจำ ไม่ว่าจะเป็น Kunsthistorisches Museum Wien (พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ศิลปะเวียนนา) ที่ได้ชื่อว่าสะสมสมบัติของชาติไว้มากที่สุดแห่งหนึ่ง หรือจะเป็นร้านกาแฟที่้ได้ชื่อว่าสวยที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง
เรื่องตลกเรื่องนี้ได้ที่หนึ่งของโลก
ในงานปาร์ตี้รวมดารา มีคุณลุงแก่ๆ ท่านหนึ่งขึ้นเวทีมาด้วยไม้เท้า แล้วก็นั่งลงที่เก้าอี้ พิธีกรถามว่า "คุณลุงยังไปหาหมอบ่อยๆ อยู่ไหมครับ?"



