การจะกำหนดนโยบายการเงินการคลังในการบริหารประเทศจะต้องใช้ความรู้ความสามารถในการบริหารเศรษฐกิจมหภาค และควรจะได้ร่ำเรียนมาเป็นเรื่องเป็นราว และได้มีโอกาสทำงานในด้านนี้มาเป็นเวลานานพอที่จะเป็นผู้มีความเชี่ยวชาญ มองมิติต่างๆ ครบด้าน ก่อนที่จะประกาศออกมาเป็นนโยบายในการบริหารการเงินการคลังของประเทศ การจะบอกว่าเศรษฐกิจของประเทศมีวิกฤตหรือไม่ ผู้มีความรู้ มีประสบการณ์เขาพิจารณาจากตัวเลขที่เป็นความจริงเชิงประจักษ์หลายตัว และยังใช้ความสามารถในการคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้าด้วยข้อมูลปัจจุบัน ที่จะทำให้การคาดการณ์มีความแม่นยำ ดังนั้นรัฐบาลที่ทำหน้าที่บริหารประเทศ และเคยประกาศว่าเป็นพรรคที่ “คิดใหญ่ ทำเป็น” นั้นต้องมั่นใจนะว่าที่คิดใหญ่นั้นคิดเป็นตามหลักวิชาการ และที่บอกว่าทำเป็นนั้น ก็กรุณาทำให้เห็นหน่อยเถอะว่าทำถูก อย่าใช้วาทกรรมที่เกิดจากการมโนเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง หรือเพื่อประโยชน์ส่วนตนในลักษณะของ “ผลประโยชน์ทับซ้อน”
ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินการคลังอย่างคณะกรรมการดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทย เขาบอกว่าเวลานี้ไม่ควรลดดอกเบี้ย และให้เหตุผลหลายข้อ และหนึ่งในนั้นก็คือ ถ้าลดอัตราดอกเบี้ยลงต่ำเกินไปอาจจะเกิดฟองสบู่ในอสังหาริมทรัพย์ได้ หวั่นเกิดสภาวะหนี้ท่วม เกิดเก็งกำไรโดยประเมินความเสี่ยงต่ำกว่าที่ควรเป็น สถานการณ์เช่นนี้เมื่อทำไประยะหนึ่งก็จะนำไปสู่วิกฤตทางการเงินได้เหมือนกับที่เกิดขึ้นในหลายประเทศ ที่สำคัญนายกรัฐมนตรีท่านทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ถึงแม้ว่าท่านจะยกให้ลูกสาวไปแล้วก็ตาม ท่านอาจจะโดนครหาว่าความพยายามที่จะลดดอกเบี้ยของท่านนั้น เป็นผลประโยชน์ทับซ้อน เพราะการที่ดอกเบี้ยต่ำจะเป็นแรงจูงใจให้คนอยากซื้อบ้าน ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับธุรกิจของครอบครัวท่าน เรื่องนี้จะจริงหรือไม่จริง ท่านก็คงห้ามความคิดของคนไม่ได้
การบริหารเศรษฐกิจของประเทศ เราต้องดูทั้งนโยบายการคลัง นโยบายการเงิน และนโยบายปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ แม้ว่าแต่ละนโยบาย แต่ละด้านมีวัตถุประสงค์ มีวิธีการทำงาน มีเงื่อนไข มีข้อจำกัด และส่งต่อระบบเศรษฐกิจไม่เหมือนกัน แต่ทั้งสามด้านนี้จะต้องสอดประสานกันแบบบูรณาการ จัดลำดับความสำคัญของแต่ละด้านให้เหมาะสมกับปัญหาและบริบทในแต่ละช่วงเวลา โดยต้องให้ความสำคัญกับการรักษาเสถียรภาพขององค์ประกอบต่างๆ ของเศรษฐกิจ การมองเพียงประเด็นใดประเด็นหนึ่งโดยไม่คิดเชิงระบบ (system thinking) เรียกว่า “คิดไม่เป็น” และอาจจะนำพาประเทศเข้าสู่วิกฤตเศรษฐกิจได้ ดังนั้นนักการเมืองผู้มีอำนาจควรเข้าใจหลักการดังกล่าวนี้ และอย่าพยายามทำบางเรื่องเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง โดยไม่คำนึงถึงผลลัพธ์ในเชิงลบที่จะเกิดขึ้นกับประเทศ การคิดถึงแต่ผลประโยชน์ทางการเมืองโดยไม่คำนึงถึงผลเสียหายที่จะเกิดกับประเทศชาติ ถือว่าเป็นการบริหารที่ขาดความรับผิดชอบ และไม่มีธรรมาภิบาล
นโยบายการเงินต้องดูแลปริมาณเงินทั้งระบบให้เพียงพอที่จะสนับสนุนให้เศรษฐกิจโดยรวมเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง รักษาเสถียรภาพค่าของเงิน ประเทศไทยเราเป็นประเทศเล็กที่มีระบบเศรษฐกิจเปิด ต้องระวังการไหลเข้าออกของเงินทุนระหว่างประเทศ แทนที่จะคิดเรื่องลดดอกเบี้ยและพยายามจะกู้เงินมาแจก ไม่คิดที่จะปรับโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศ เพราะเวลานี้ปัญหาด้านโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศก็คือปัญหาเชิงโครงสร้างที่มีการพูดกันว่า ประเทศไทย “รวยกระจุก จนกระจาย” คือความรุ่มรวยกระจุกตัวอยู่กับธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีพลังและอำนาจเหนือตลาด ในขณะที่ธุรกิจ SMEs ทำธุรกิจด้วยความยากลำบาก เพราะไม่สามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้ ไม่มีศักยภาพในการแข่งขันได้ ไม่สามารถปรับตัวในการพัฒนาเทคโนโลยีให้สอดคล้องกับบริบทของธุรกิจ
โครงสร้างเศรษฐกิจของไทยมีคำกล่าวว่า “เงินต่อเงิน และดอกเบี้ยต่อดอกเบี้ย” หมายถึงคนรวยก็ร่วมกันรวยต่อไป คนจนก็ร่วมกันจนต่อไป รัฐบาลควรจะคิดหาหนทางที่จะช่วยให้ธุรกิจ SMEs เติบโตและเข้าถึงแหล่งทุน เพื่อให้ขยายธุรกิจได้ ขณะเดียวกันถ้าหากจะมีการช่วยเหลือค่าครองชีพให้แก่ประชาชน ก็ไม่ควรจะช่วยแบบเหวี่ยงแหอย่างที่ประกาศไว้ตอนหาเสียงว่าจะแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทให้คนไทยที่มีอายุ 16 ปี จำนวน 56 ล้านคน ทำไมไม่แจกเฉพาะผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือจริงๆ ที่มีประมาณ 10 ล้านคนเท่านั้น ทำไมไม่บริหารงบประมาณปรกติให้ดูแลคนพวกนี้ได้โดยไม่ต้องกู้มาแจกอย่างที่กำลังพยายามกันอยู่ตอนนี้ แบบนี้มันคือคิดใหญ่ แต่คิดไม่เป็น อย่างนี้อย่าอ้างว่าทำเป็น เพราะมันเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง
เราจัดตั้งรัฐบาลล่าช้า ทำให้กระบวนการเบิกจ่ายงบประมาณถูกเลื่อนออกไปนานเกือบปีแล้ว ทำให้งบประมาณเพื่อการลงทุนภาครัฐที่เป็นหนึ่งในเฟืองเศรษฐกิจของประเทศไม่ทำงาน สร้างปัญหาให้กับการเติบโตด้านเศรษฐกิจของประเทศ ในขณะที่การใช้จ่ายภาคประชาชนยังมีการเติบโต การส่งออกก็ดีขึ้น การลงทุนภาคเอกชนก็ขยายตัว แต่การลงทุนภาครัฐไม่มีการขยายตัว การที่เราได้ยินเสียงบ่นว่าเศรษฐกิจไม่ดีเอามากๆ เพราะประชาชนจำนวนหนึ่งไม่ได้รายได้จากการทำงานในโครงการต่างๆ ที่เป็นการลงทุนของภาครัฐ ดังนั้นถ้าหากพรรคเพื่อไทยคิดใหญ่ ก็ต้องคิดที่จะเร่งรัดให้เกิดการลงทุนภาครัฐในการดำเนินโครงการใหญ่ (Mega projects) ต่างๆ และจะต้องบริหารการเบิกจ่ายให้เป็น เพื่อให้การลงทุนภาครัฐทำให้เงินสะพัดและสร้างรายได้ให้กับประชาชนที่มีโอกาสทำงานในโครงการใหญ่เหล่านี้ และเพิ่มการเติบโตให้ GDP ของประเทศ แทนที่จะมาสร้างวาทกรรมว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยอยู่ในภาวะวิกฤต จำเป็นต้องกู้เงินมาแจกเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ คนคิดใหญ่ ทำเป็น เขาจะต้องเข้าใจปัญหา แล้วเกาให้ถูกที่คัน
ผู้รับเหมาไม่มีงานทำ เพราะรัฐไม่ลงทุน คนงานก่อสร้างไม่มีงานทำเพราะไม่มีโครงการก่อสร้างใหม่ๆ ของภาครัฐ ไม่มีการใช้งบประมาณในการลงทุน มันจึงทำให้มีเสียงบ่นจากคนที่ขาดรายได้ ทั้ง SMEs ที่เป็นผู้ขาย และลูกค้าที่ไม่มีรายได้ คนของรัฐบาลบอกว่าให้พวกเราตบกระเป๋าดูว่ามีเงินในกระเป๋าอยู่หรือเปล่า แล้วจะรู้ว่าเศรษฐกิจของไทยมีวิกฤตหรือไม่ ก็ต้องถามว่าคุณไปตบกระเป๋าใครล่ะ กระเป๋าบางคนก็มีเงินเพิ่มขึ้น กระเป๋าบางคนก็เหมือนเดิม พอกินพอใช้ไม่เดือดร้อน แต่ก็มีกระเป๋าบางคนที่แฟบลงไป คนของรัฐบาลก็ต้องวิเคราะห์หาสาเหตุของคนกระเป๋าแฟบให้เจอ แล้วแก้ให้ถูกทาง ไม่ใช่มาประกาศเป็นแผ่นเสียงตกร่องว่าเศรษฐกิจไทยอยู่ในสภาวะวิกฤต จำเป็นต้องกู้มาแจก เร็วๆ นี้เองผู้บริหารของธนาคารโลกเขาบอกชัดๆ ว่าเศรษฐกิจไทยไม่ได้อยู่ในภาวะวิกฤต แต่ถ้าหากมีการกู้เงิน 5 แสนล้านมาแจกนั่นแหละ เศรษฐกิจไทยจะมีวิกฤต เพราะจะเป็นการก่อหนี้ที่ต้องใช้กันไปอีกหลายปี โดยที่การกู้เงินมานั้น ช่วยให้ GDP โตไม่เกิน 1% พรรคที่คิดใหญ่และทำเป็น หัดฟังผู้รู้เขาหน่อยก็ดีนะ อย่าคิดผิดและทำไม่ถูกเลยนะคะ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ดร.เสรี ชำแหละดิจิทัล 10,000
ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสาร โพสต์เฟซบุ๊กว่า แจกเงินดิจิทัล 10,000 แก่คนไทยอายุ 16 ปีขึ้นไปที่รายได้น้อยกว่า 840,000 หรือเงินเก็บไม่เกิน 500,000 บาท ยังมีคำถามมากมาย
'ดร.เสรี' ข้องใจ! ใครสั่งสอนคนยุคใหม่
ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสาร โพสต์เฟซบุ๊กว่า คนบางคนนี่ก็ตรรกะแปลกๆ
จะมาจากแหล่งไหน....ก็ไม่สบายใจทั้งนั้น
ก่อนการเลือกตั้ง เมื่อมีการหยั่งเสียงคะแนนนิยมว่าก้าวไกลมีคะแนนชนะเพื่อไทย ความร้อนรนกลัวแพ้ บนเวทีปราศรัยของพรรคเพื่อไทยก็มีการประกาศทันทีว่าจะแจกเงินดิจิทัล
ความแตกต่างระหว่าง'มนุษย์'กับ'สัตว์เดียรัจฉาน'
คำพูด บทสนทนา ในบทละครเรื่องพระเจ้า Richard ที่ 3 ของคุณปู่ William Shakespeare ที่กลายมาเป็นคำคม เป็นวาทะ อันถูกนำไปเอ่ยอ้างคราวแล้ว คราวเล่า คือคำพูดประโยคที่ว่า
ประวัติศาสตร์สีกากี
ต้องบันทึกเป็นประวัติศาสตร์อีกหน้าของ "กรมปทุมวัน" ที่มีการเซ็นคำสั่งให้ นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ระดับ "รอง ผบ.ตร." ออกจากราชการไว้ก่อน ผลพวงจากการต้องคดีฟอกเงินเว็บพนันออนไลน์
สุขสันต์วันเกิดเมืองยาวหนึ่งปี
ดวงชะตาเมืองรัตนโกสินทร์ที่ถือกำเนิดจากพิธีวางเสาหลักเมือง หรือพระราชพิธีพระนครฐาน สมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัช