
หน้าร้อนปีนี้ถือว่ามาเร็วกว่าปกติ และยังร้อนมากจนเกิดพีก หรือการช้ไฟฟ้าสูวสุดขึ้นเมื่อ ตั้แต่ต้นปี และมาล่าสุดเมื่อวันที่7 มี.ค.2567 ที่ผ่านมา โดยเวลา 19.47 น. พีกขึ้นไปถึง32,704 เมกะวัตต์ และคาดปริมาณการใช้ไฟฟ้าในช่วงฤดูร้อนจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยกรมอุตุนิยมวิทยาคาดว่าอุณหภูมิเฉลี่ยอาจจะสูงถึง 45 องศาเซลเซียสซึ่งจะทำให้มีการใช้ไฟฟ้าโดยเฉพาะเครื่องปรับอากาศเพิ่มมากขึ้น ซึ่งในปีที่ผ่านมาได้เกิดพีก เมื่อวันที่ 6 พ.ค. 2566 เวลา 21.41 น. ที่ 34,826 เมกะวัตต์
จากการใช้ไฟฟ้าสูงสุดที่เกิดขึ้นนั้นส่งผลให้กระทรวงพลังงาน โดย พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยหรือ กฟผ. ตรวจสอบและดูแลระบบการผลิตไฟฟ้าให้เพียงพอต่อความต้องการใช้งานทั้งในภาคครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรม เพื่อมิให้กระทบต่อประชาชนและการดำเนินธุรกิจ
นอกจากนี้ กระทรวงพลังงานได้เตรียมออกนโยบาย 5 ป. ได้แก่ ปิด ปรับ ปลด เปลี่ยน ปลูก ประกอบด้วย ปิด : การปิดไฟหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าที่ไม่ได้ใช้งาน, ปรับ : ปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศที่ 26 องศา, ปลด : ปลดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกครั้งหลังการใช้งาน, เปลี่ยน : หากมีการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้า ให้เลือกใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีฉลากเบอร์ 5 และ ปลูก : ปลูกต้นไม้เพิ่มขึ้นเพื่อลดอุณหภูมิภายในบ้าน
ขณะที่การไฟฟ้านครหลวง หรือ กฟน. ก็ได้ออกแนะนำการประหยัดไฟฟ้าหน้าร้อน อาทิ ถอดปลั๊กทุกครั้งหลังเลิกใช้งาน,เลือกใช้หลอดไฟ LED เนื่องจากช่วยประหยัดพลังงานได้สูงที่สุดถึง 80% ใช้พลังงานน้อย แต่ให้ความสว่างมาก,หมั่นล้างแผ่นกรองอากาศแอร์ให้สะอาดอยู่เสมอ, ซักผ้า ควรให้ปริมาณพอดีกับความจุของถัง เลือกระดับน้ำพอดีกับปริมาณผ้า ใช้อุณหภูมิปกติ,จัดระเบียบให้ตู้เย็น ไม่ให้ของแน่นเกินไป ไม่เปิดตู้เย็นบ่อย ๆ ไม่เปิดทิ้งไว้นาน ๆ
เช่นเดียวกับ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือ PEA ขอความร่วมมือประชาชนช่วยกันปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อช่วยให้ใช้ไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย โดยเริ่มจากหมั่นดูแล บำรุงรักษาเครื่องใช้ไฟฟ้าให้พร้อมใช้งานและปลอดภัยอยู่เสมอล้างเครื่องปรับอากาศให้ปลอดจากฝุ่นละออง ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้ามีส่วนสำคัญที่ทำให้ประหยัดค่าไฟฟ้าตามมาตรการ ปิด-ปรับ-ปลด-เปลี่ยน
คือปิดไฟดวงที่ไม่ใช้ , ปรับลดอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศมาอยู่ที่ระดับ 26 องศาเซลเซียส
-ปลดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ใช้งาน ,เปลี่ยนไปใช้เครื่องปรับอากาศที่มีค่าประสิทธิภาพสูง เปลี่ยนมาใช้หลอดไฟ LED แทนการใช้หลอดแบบไส้และเลือกใช้อุปกรณ์ประหยัดไฟฟ้า
และควรใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าอย่างระมัดระวัง เพื่อป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร รวมทั้งปิดสวิตซ์และดึงปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าออกทุกครั้งเมื่อไม่ได้ใช้งาน หมั่นตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้าให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ถ้าชำรุดต้องซ่อมแซมทันทีเพื่อป้องกันการเกิดไฟฟ้าลัดวงจรและติดตั้งสายดิน พร้อมเครื่องตัดไฟรั่วเพื่อป้องกันอันตรายจากกระแสไฟฟ้า
นอกจากนี้ กฟน.ยังแนะนำวิธีคลายร้อนวิอื่นๆอย่าง เป็นการเลือกเสื้อผ้าที่สวมใส่โดยเน้นใส่เสื้อผ้าสีอ่อนที่ไม่ดูดซับแสง และเลือกเนื้อผ้าที่ระบายความร้อนได้ดี เช่น ผ้าลินิน ผ้าฝ้าย อีกทั้งการเลือกเสื้อผ้าทรงสบาย ๆ ไม่รัดรูปเกินไปก็จะช่วยให้อากาศถ่ายเทได้ดี การเลี่ยงอาหารรสจัดเพื่อป้องกันอาการร้อนในและท้องร่วง รวมถึงการปลูกต้นไม้รอบบริเวณบ้านก็ถือเป็นอีกตัวช่วยหนึ่งในการดับร้อนที่สามารถลดอุณหภูมิลงได้ 1-3 องศาเซลเซียสเช่นกัน.
อย่างไรก็ตามการปรับเปบลี่ยนพฤติรรมการใช้ไฟฟ้าเป้นเพียงส่วนหนึ่งของการประหยัดพลังงาน สิ่งสำคัญแม้รัฐบาลจะตรึงค่าไฟฟ้าไว้ก็ต้องใช้ไฟอย่างประหยัดสิ่งที่ถูกตรึงไว้ในอนาคตต้องชดใช้ และรัฐบาลโดยเฉพาะกระทรวงพลังงานควรที่จะรณรงค์ให้มีการใช้พลังงานอย่างรู้คุณค่าและประหยัดอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ ไม่ใช่ร้อนที่ก็รณรงค์กันเช้าชามเย็นชาม
อย่าลืมประเทศไทยเป็นผู้นำเข้าพลังงานจากต่างประเทศในแต่ละปีต้องเสียเงินตราไปจำนวนมาก
บุญช่วย ค้ายาดี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ปีใหม่เป้าลดอุบัติเหตุ 5%
ช่วงเทศกาลปีใหม่ถือเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่ประชาชนจำนวนมากออกเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยว ส่งผลให้ปริมาณการใช้รถใช้ถนนเพิ่มสูงขึ้นเป็นเท่าตัว และมักตามมาด้วยความเสี่ยงด้านอุบัติเหตุทางถนน
เมื่อสุขภาพคือความลักชัวรีแบบใหม่
ในยุคที่ผู้คนต่างก็ให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพ ทำให้เทรนด์นี้ยังคงมาแรงต่อเนื่อง ซึ่งก็มีข้อมูลที่น่าสนใจจากวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) กับข้อมูลสุดอินไซต์ “ภูมิทัศน์การดูแลสุขภาพของคนไทย” รับเทรนด์เศรษฐกิจอายุยืน
องค์กรต้องกล้าเปลี่ยนผ่าน
ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลกและแรงกดดันด้านความยั่งยืนที่เข้มข้นขึ้น ทำให้ภาคธุรกิจต้องปรับตัวรองรับกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ซึ่ง สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA)
แรงงานคืนถิ่น:ทางเลือกที่เป็นโอกาส
‘การเคลื่อนย้ายแรงงาน’ จากภูมิลำเนาเข้าสู่จังหวัดเศรษฐกิจเป็นปรากฏการณ์สำคัญที่ส่งผลต่อโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคมของประเทศมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มคนทำงานตอนต้น ซึ่งเป็นกำลังแรงงานสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนา อย่างไรก็ตาม
ดันไทย-ญี่ปุ่นปักธงอุตสาหกรรม
ในภูมิทัศน์เศรษฐกิจโลกปัจจุบันที่ขับเคลื่อนด้วยการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว และเป้าหมายด้านความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม ความสามารถของประเทศในการปรับตัวและสร้างพันธมิตรที่แข็งแกร่งในอุตสาหกรรมแห่งอนาคตถือเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง ประเทศไทยในฐานะฐานการผลิตหลักในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องยกระดับโครงสร้างอุตสาหกรรมไปสู่ยุคใหม่ที่เน้นมูลค่าสูงและมาตรฐานที่เข้มงวด
ถอดบทเรียนน้ำท่วมใหญ่ภาคใต้
จากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ที่จังหวัดสงขลา สร้างความเสียหายเป็นวงกว้างทั้งพื้นที่เมืองและชนบท ส่งผลให้หลายหน่วยงานภาครัฐต้องเร่งวางมาตรการป้องกันอย่างเร่งด่วน ทั้งการฟื้นฟูถนน–สะพานที่ถูกตัดขาด การขุดลอกคูคลอง

