
ใกล้เข้ามาแล้วสำหรับเทศกาลสงกรานต์ หรือวันขึ้นปีใหม่ของไทยที่มีวันหยุดติดต่อกันหลายวันนั้น หมายความว่าพี่น้องผู้ใช้แรงงานที่มาหางานทำในกรุงเทพฯ จะหลั่งไหลเดินทางกลับภูมิลำเนากันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง ดังนั้นการให้บริการขนส่งสาธารณะจึงเป็นปัจจัยสำคัญในการเดินทาง บริษัท ขนส่ง จำกัด หรือ บขส. จึงได้ประชุมแผนปฏิบัติการเดินรถวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ ปี 2567 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมความพร้อมอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้กับประชาชน
โดย ระพิพรรณ วรรณพินทุ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายบริหารการเดินรถ บขส. ให้ข้อมูลว่า ในเทศกาลสงกรานต์ที่จะถึงนี้มีวันหยุดติดต่อกัน 5 วัน บขส.คาดการณ์ว่าจะมีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นจากเทศกาลสงกรานต์ 2566 ประมาณ 10% ดังนั้นจึงได้ประสานขออนุญาตกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ให้ผู้ประกอบการนำรถโดยสารไม่ประจำทาง (รถ 30) มาวิ่งเสริมในเส้นทางต่างๆ ประมาณ 900 คัน
และเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้ประชาชน บขส.ได้ขอใช้พื้นที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ (ประตู 2) เป็นที่จอดรถของ บขส. สำหรับผู้โดยสารที่จองตั๋วล่วงหน้าเส้นทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) และภาคตะวันออก ทุกมาตรฐาน ตั้งแต่เที่ยวเวลา 18.00-22.00 น.ของการเดินทางในวันที่ 9-11 เม.ย.2567
นอกจากนี้ยังได้จัดรถชัตเติลบัส (Shuttle Bus) ให้บริการรับ-ส่งฟรีจากสถานีขนส่งฯ หมอชิต 2 ไปยังสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ และขอความร่วมมือไปยังผู้ประกอบการรถร่วมฯ ติดป้ายแสดงราคาค่าโดยสารที่หน้าช่องขายตั๋วให้ชัดเจน โดยเฉพาะราคารถเสริม เพื่อแจ้งให้ผู้โดยสารทราบและป้องกันการฉวยโอกาสขึ้นราคาค่าโดยสาร
อย่างไรก็ตาม บขส.ได้พัฒนาและปรับปรุงพื้นที่ในสถานีขนส่งฯ หมอชิต 2 ให้พร้อมรองรับการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ รวมทั้งได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.), ขสมก., ขบ., กองบังคับการตำรวจจราจร ในการสนับสนุนพื้นที่ จัดรถเมล์ ขสมก. รถแท็กซี่ และเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกด้านความปลอดภัยและการจราจรโดยรอบสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพทั้ง 5 แห่ง
เพื่อความปลอดภัย ได้เน้นย้ำให้ บขส.และผู้ประกอบการรถร่วมฯ เตรียมความพร้อมก่อนการเดินทาง โดยตรวจเช็กรถโดยสารให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ควบคุมความเร็วบนรถโดยสารไม่เกิน 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง จัดพนักงานขับรถ 2 คนในเส้นทางสายยาวที่ใช้เวลาเดินทางเกิน 6 ชั่วโมง และพนักงานขับรถต้องได้รับการตรวจสภาพความพร้อมของร่างกายและจิตใจก่อนปฏิบัติหน้าที่ ปลอดแอลกอฮอล์และสารเสพติด รวมทั้งมีการตรวจสมุดประจำรถ
ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมได้มอบหมายให้หน่วยงานในสังกัด ดำเนินการรณรงค์ประชาสัมพันธ์เรื่องความปลอดภัยในการเดินทาง และเผยแพร่ในช่องทางต่างๆ หรือการนำซอฟต์พาวเวอร์ที่น่าสนใจมาปรับใช้ รวมทั้งสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อสร้างความตระหนักรู้และเฝ้าระวังความปลอดภัยในการเดินทางช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งจะมีการรณรงค์ “ไม่ขับเร็ว-คาดเข็มขัดนิรภัย-สวมหมวกนิรภัย-ดื่มไม่ขับ-รักษาวินัยจราจร-ง่วงไม่ขับ-ไม่ขับย้อนศร”
พร้อมทั้งเน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานถอดบทเรียนเดิม เพื่อนำมาใช้ให้มีประสิทธิภาพเชิงบวกสูงสุด พร้อมให้ สำนักงานนโยบายและแผนการจราจรและขนส่ง หรือ สนข. เสนอเส้นทางสายรอง เพื่อเป็นทางเลือกรองรับการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาล ลดปัญหาจราจรของเส้นทางหลัก และประสานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นถึงการตั้งด่านตรวจ พิจารณากำหนดจุดตั้งด่าน และให้กระจายบุคลากรในบริเวณที่มีความเหมาะสมและปลอดภัย เนื่องจากบางจุดอาจเป็นจุดเสี่ยงที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ.
กัลยา ยืนยง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เสริมสร้างธรรมาภิบาลองค์กร
ธรรมาภิบาลที่เข้มแข็งเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างความไว้วางใจและดึงดูดการลงทุน ในช่วงเวลาที่นักลงทุนทั่วโลกให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและความโปร่งใสมากขึ้น ท่ามกลางกระแสการตรวจสอบกรณีทุจริตทางธุรกิจที่เกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วเอเชีย
ค้าปลีก-ร้านอาหารยังเติบโตในปี69?
เข้าสู่เดือนสุดท้ายของปี 2568 กันแล้ว แน่นอนว่าธุรกิจในปีหน้ายังคงมีโจทย์ท้าทายอีกหลายอย่างกำลังรออยู่ และตลอดปี 2568 นี้เอง ภาคธุรกิจต่างๆ ก็ไม่ง่าย! เพราะต้องเผชิญกับปัจจัยที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นตลอด
เจาะลึกเทรนด์อีคอมเมิร์ซไทย
ปัจจุบันตลาดอีคอมเมิร์ซไทยถูกขับเคลื่อนด้วยการแข่งขันของ 3 แพลตฟอร์มหลัก คือ Shopee 89%, TikTok Shop 71% และ Lazada 66% โดย 87% ของผู้บริโภคชาวไทยซื้อสินค้าออนไลน์เป็นประจำทุกสัปดาห์หรือทุกเดือน
เสริมความมั่นคงสุขภาพไทย
อุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ของไทยกำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่จังหวะใหม่ที่น่าสนใจ และสำคัญต่อความมั่นคงด้านสาธารณสุขของประเทศอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อความต้องการเครื่องช่วยหายใจชนิด CPAP/BiPAP
อัปเกรดมาตรฐานความปลอดภัย
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จับมือหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และพันธมิตรด้านอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เปิดตัวความพร้อมโครงการ “Trusted Thailand” อย่างเป็นทางการ
ดาต้าเซ็นเตอร์เพิ่มโอกาสธุรกิจไทย
ในโลกที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญ ธุรกิจที่ต้องการเติบโตอย่างมั่นคงจำเป็นต้องปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นการใช้ระบบดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า


