วันหยุด...ไม่มีชดเชย

กลับไปเยือนเมืองจีนอีกครั้งเมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา หลังจากไปมาครั้งสุดท้าย เมื่อ 10 ปีที่แล้ว

ด้วยข้อจำกัดต่างๆ นานา ทำให้ลงตัวกันวันที่ 3-7 เมษายน เป้าหมายคือ "ซีอาน" เพราะสัญญิงสัญญากับตัวเองไว้ว่า จะต้องไปเยือนสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้สักครั้งในชีวิตอันเหลือน้อยแล้ว

ปรากฏว่า 4-6 เมษายน ถือเป็นเทศกาลวันเช็งเม้งของคนจีน และไม่นึกไม่คิดเลยว่า เทศกาลเช็งเม้งของบ้านเขากับบ้านเรานั้น แตกต่างกัน

บ้านเราช่วง เช็งเม้งจะไม่เกินวันที่ 5 เมษายน ถนนทุกสายจะมุ่งไปตามสุสานแดนสุขาวดีในจังหวัดต่างๆ อาทิ ชลบุรี สระบุรี สมุทรปราการ ลูกหลานจะไปกราบไหว้บรรพบุรุษผู้ล่วงลับ แล้วก็นั่งปาร์ตี้รับประทานข้าวตรงหน้าสุสานของบ้านใครบ้านมัน เป็นวัฒนธรรมที่เห็นเป็นปกติ

แต่บ้านเขา เช็งเม้งเป็นวันหยุดพักผ่อน ที่เขาจะพากันออกไปเที่ยวค่ะ เพราะหยุดงาน โรงเรียนก็ปิด ดังนั้นสถานที่ท่องเที่ยวทุกแห่งจะแน่นเอี้ยดไปด้วยผู้คน ซึ่งก็หมายความว่า คณะของมนุษย์ป้ากว่าจะฝ่าคลื่นมนุษย์เข้าไปชมสุสานจิ๋นซีได้ แทบจะเป็นลม แทรกตัวแล้ว เข้าแถวแล้ว กว่าจะยื่นหน้าไปเห็นกองทัพทหารดินเผาได้ เล่นเอาเหงื่อตก แต่ละจุดที่ไปก็ต้องใช้เวลาในการรอนานเป็นพิเศษ

สืบเสาะด้วยความสงสัยว่า ทำไมเช็งเม้งไม่กลับไปบ้านกราบไหว้บรรพบุรุษผู้ล่วงลับ นักศึกษาไทยที่ไปต่อโทที่่ซีอานบอกว่า ประเทศจีนไม่มีศาสนา และไม่เชื่อเรื่องไหว้คนตายอีกต่อไปแล้ว ฉะนั้นวันเช็งเม้งก็คือวันหยุดเหมือนวันอื่นๆ เที่ยว กิน สนุกสนาน พาลูกหลานออกไปทัศนศึกษา อะไรแบบนี้เป็นต้น

น้องนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยศิลปากรที่พาเราเที่ยว เห็นมนุษย์ป้าเหนื่อยหนักมากกับการเบียดเสียดผู้คน ขนาดจะเข้าไปชมเทศกาลดอกโบตั๋นในส่วนดอกไม้นานาชาติที่ใหญ่โตแบบสวนหลวง ร.9 บ้านเรา ยังต้องเข้าคิวรอเป็นชั่วโมง นางก็เลยปลอบประโลมว่า พรุ่งนี้เราไม่ต้องเจอคนเยอะอีกแล้ว เพราะวันหยุดจบแล้ว

มนุษย์ป้าสงสัยขึ้นมาทันทีว่า วันที่ 7 ก็วันอาทิตย์นี่นา ทำไมไม่หยุดต่อรึ?!?

คำอธิบายทำให้อึ้ง ทึ่งกันเลยทีเดียว คือ กฎกติกามารยาทวันหยุดของจีนคือ เป๊ะๆ วันไหน ก็จบลงวันนั้น แม้วันต่อไปเป็นวันเสาร์หรือวันอาทิตย์ ทุกคนก็ต้องเริ่มนับหนึ่งกลับไปทำงาน และใช้ชีวิตปกติ เด็กๆ ก็ต้องไปโรงเรียนนะคะ ไม่มีหรอกนะ วันหยุดชดเชยทั้งหลายแบบบ้านเรา ซ้ำบางแห่งก็จะเอาวันหยุดที่พวกเขาได้หยุดไป กลับมานับให้คุณทำงานให้ครบอีกต่างหาก ด้วยการเพิ่มวันทำงานเสาร์-อาทิตย์ต่อไปกันเลย แม้แต่เด็กๆ ก็ไม่ได้รับการยกเว้น เรียกว่าหยุดไป 3 วัน ก็ต้องชดเชยด้วยกันเรียนวันเสาร์หรืออาทิตย์ก็ได้ แล้วแต่ครูจะกำหนดให้ครบ 3 วันที่ขาดหายไป

ฟังเรื่องราวนี้แล้ว แปลว่าคนจีนไม่มีวันหยุดเลยในแต่ละปี ..ก็แปลกดีนะ ยิ่งหันมาเปรียบเทียบกับบ้านเรา ก็เป็นที่ประจักษ์ว่า ทำไมเขาพัฒนาไปไกลมากมายในวันนี้!!.

"ป้าเอง" 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ไม่ใช่เวลา..จับผิด!!

ความทุกข์ของคนที่จังหวัดสงขลา ไม่ว่าจะมากจะน้อยแล้วแต่เขตอำเภอ และพื้นที่แต่ละแห่ง ล้วนไม่ได้แตกต่างกันสักเท่าไร เพราะชีวิตประจำวันที่เคยเดินทางสัญจร ไปไหนมาไหนตามอำเภอใจนั้น ถูกจำกัดโดยปริยาย ซึ่งหมายความว่า ต่างได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า

“น้ำใจของคนไทย" ความงดงามที่ทำให้สังคมน่าอยู่

ประโยคนี้ใครไม่เห็นด้วย..ยกมือขึ้น!! ถ้าใครยังมองไม่เห็น แค่หรี่ตาข้างเดียวก็ได้ แล้วมองเหตุการณ์น้ำท่วมภาคใต้ในช่วงนี้ รับรองว่าจะเห็นแจ่มแจ้งถึงพลังแห่งความช่วยเหลือจากทุกทิศทางหลั่งไหลไปไม่ขาดสาย

ความเป็น..จีน..ที่เปลี่ยนไป

เวลาที่คิดจะไปเที่ยวเมืองจีน สิ่งแรกที่คิดถึงจนเป็นความกังวลของมนุษย์ป้าเอง เห็นจะไม่พ้นเรื่องของ "ห้องสุขา" ที่เรียกขานตามภาษาถิ่นของเขาว่า "สีโส่วเจียน" เพราะเอกลักษณ์อันไม่อาจลืมเลือนของที่นั่นคือ ความสะอาดที่ยากจะหาเจอ

เรื่องของ..มิวเซียม

เมื่อเดือนที่แล้วมีโอกาสไปเที่ยวมิวเซียม ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรียค่ะ ได้ความรู้และอรรถรสของการชมสถานที่สำคัญและน่าจดจำ ไม่ว่าจะเป็น Kunsthistorisches Museum Wien (พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ศิลปะเวียนนา) ที่ได้ชื่อว่าสะสมสมบัติของชาติไว้มากที่สุดแห่งหนึ่ง หรือจะเป็นร้านกาแฟที่้ได้ชื่อว่าสวยที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง