โอกาส...สำคัญเสมอ

ไม่ค่อยได้เสียบดอกไม้ชื่นชมใครมานาน แต่พอเห็นหลายฝ่ายร่วมด้วยช่วยกันช่วยเหลือ "หมู่เปาเปียว"ส.ต.ต.พิจักษณ์ ทองใสเกลี้ยง ผบ.หมู่ ฝ่ายทะเบียนประวัติอาชญากร7 กองทะเบียนประวัติอาชญากร สำนักงานกองพิสูจน์หลักฐานกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

จนสามารถได้เข้าโรงเรียนเตรียมทหาร เหล่าตำรวจ ตามที่ "หมู่เปาเปียว" สอบติด

ต้องปรบมือดังๆให้ทุกคนที่เกี่ยวข้อง นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีพลังงาน,      ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี,พล.ต.อ.วินัย ทองสอง ก.ตร. ผู้ทรงคุณวุฒิ และพล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สพฐ.ตร.

อย่าเพิ่งงง อย่าเพิ่งสงสัย อย่าเพิ่งคิดว่าทุกคนที่ช่วยเหลือใช้เส้น ใช้ทางลัด หรือกระทำการใดๆที่ฝ่าฝืนกฎ ฝ่าฝืนกติกา

เรื่องของเรื่องที่ต้องมาเสียบดอกไม้ให้ทุกฝ่ายที่ช่วยเหลือ ก็เพราะชีวิต "หมู่เปาเปียว" เหมือนที่หลายคนเปรียบเปรย"ชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร"

"หมู่เปาเปียว" เป็นตำรวจชั้นประทวนอยู่ที่กองทะเบียนประวัติอาชญากร ได้ไปสอบโรงเรียนเตรียมทหารเหล่าตำรวจ จาก 1,000 คน สอบได้อันดับที่ 23 ได้เข้าเรียนโรงเรียนเตรียมทหาร เหล่าตำรวจ

ต้องใช้เอกสารของพ่อแม่แท้ๆมายืนยันตัวตน ถึงจะสามารถเข้าเรียนได้ตามกฎ ตามระเบียบราชการ แต่ "หมู่เปาเปียว" ไม่มีเอกสาร ไม่มีลายเซ็นของพ่อแม่แท้ๆ เพราะอยู่กับพ่อแม่บุญธรรม

ทำให้ไม่สามารถเข้ามอบตัวโรงเรียนเตรียททหารเหล่าตำรวจได้

หมู่เปาเปียว เล่าว่า ได้รู้ว่าแม่แท้ๆจำคุกอยู่ในเรือนจำ แม่บุญธรรมเป็นเจ้าหน้าที่ในทัณฑสถานหญิง เมื่อแม่แท้ๆคลอดผมออกมาแล้ว ก็เลี้ยงดูตอนในนั้น กระทั่งอายุ 1 ขวบกว่าๆ แม่แท้ๆพ้นโทษ และไม่มีที่อยู่เป็นหลักเป็นแหล่ง แม่บุญธรรมจึงได้บอกให้ผมและแม่แท้ๆไปอาศัยอยู่ที่บ้านพักข้าราชการก่อน แต่อยู่ได้ไม่นานวันต่อมาแม่บอกว่าจะไปหาเพื่อน แล้วเดี๋ยวกลับมา จากนั้นแม่ก็ไม่กลับมาอีกเลย

หลังจากประกาศผลรอบแรก ผมได้ไปรายงานตัวที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจทำการยื่นเอกสาร ตอนแรกคิดว่าอาจจะไม่มีอะไร จนคณะกรรมการที่ตรวจเอกสารพิจารณา แจ้งว่าต้องใช้เอกสารของพ่อแม่โดยกำเนิด ไม่ใช่เอกสารของพ่อแม่บุญธรรมที่เลี้ยงเรามา ผมก็เลยเริ่มกังวล ตอนนั้นก็ยังตามหาแม่ไม่เจอ แต่ทราบว่ายังมีชีวิตอยู่ แต่ของพ่อไม่ทราบว่าเป็นใคร และไม่ปรากฏในสูติบัตรและไม่รู้ว่าอยู่ไหน เลยได้โทรไปสอบถามแม่บุญธรรมต่อหน้าคณะกรรมการ ซึ่งทางคุณแม่บุญธรรมได้คุยกับคณะกรรมการ คุณแม่บุญธรรมเกิดความกังวลใจเช่นกัน

"เมื่อได้มีการประสานกับท่านวินัยแล้วก็ได้เข้าพบท่าน และสอบถามข้อมูลเบื้องต้น ท่านวินัยแจ้งไปทางท่านพล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชา ท่านไตรรงค์ก็ให้ผมเข้าพบ เมื่อท่านได้ทราบเรื่องก็ได้ประสานต่อไปยังท่านดร.หิมาลัยท่านรับรู้และให้การช่วยเหลือ โดยนำเรียนไปถึงท่านพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน ท่านพีระพันธุ์ก็มีความเมตตาที่จะให้ความช่วยเหลือ ท่านรองนายกฯท่านดูแลเรื่องกระทรวงยุติธรรมและติดต่อไปทางกรมราชทัณฑ์และรับรองมา ภายในระยะเวลา 1 สัปดาห์”

สุดท้าย "หมู่เปาเปียว" ก็ได้โอกาสจากทุกฝ่ายที่หยิบยื่นช่วยเหลือ จนได้เข้าเรียนโรงเรียนเตรียมทหารเหล่าตำรวจ

นี่แหละถึงอยากบอก โอกาสไม่ได้มีกันบ่อยๆ เมื่อมีโอกาสแล้วก็ต้องคว้าเอาไว้ และอย่าทำให้โอกาสนั้นสูญเปล่า.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

วัดใจผู้มีอำนาจ

เห็น "อดีตตำรวจเก่า" ร่วมกับ "นักวิชาการ" ภายใต้ชื่อ 3 สมาคมที่เกี่ยวข้องกับงานตำรวจ ทั้ง สมาคมตำรวจ สมาคมโรงเรียนนายร้อยตำรวจ และชมรมพนักงานสอบสวน นั่งเรียงหน้ากระดานแถลงข่าวเมื่อวันพฤหัส 16 พ.ค.ที่ผ่านมา

หลุดโผแก้มลิง

ในที่สุดการแต่งตั้งตำรวจระดับ "นายพล" วาระเดือนเมษายน ก็ไม่มีรายการสอดไส้ ไม่มีรายการสอดแทรก แต่งตั้ง "รองผบ.ตร." หรือ "ผู้ช่วย ผบ.ตร." แทนตำแหน่งว่าง ปูทางให้ก้าวไปเป็นคู่แคนดิเดต "ผบ.ตร." ช่วงปลายปี

แบ่งงานเจ็บจี๊ด!

เห็นคำสั่ง ตร.ที่ 176/2567 เรื่องกำหนดลักษณะงานและการมอบอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบให้รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จเรตำรวจแห่งชาติ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และรองจเรตำรวจแห่งชาติ (เพิ่มเติม)

'รอง ผบ.ตร.' ขาดแคลน

นี่ซิ...วงการ "สีกากี" ไม่ทันที่ บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. จะเก็บของออกจากห้องทำงานหมด หลัง บิ๊กต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทน ผบ.ตร. เซ็นคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน

ปิดฉาก'ผบ.ต่อศักดิ์'

ชัดเจนแบบไม่ต้องเดา ไม่ต้องคาดการณ์ การแต่งตั้ง "นายพล" วาระประจำปี 2567 ปลายปีนี้ ผู้ที่มีอำนาจจัดทำบัญชีแต่งตั้งครั้งนี้ ไม่ใช่ บิ๊กต่อ-พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. อย่างแน่นอน!!!

ทิศทางสีกากีเปลี่ยน!

พอทุกอย่างลงตัว คลื่นลมสงบ สถานการณ์เริ่มคลี่คลาย หมายเรียกหมายจับ เริ่มขับเคลื่อนไปตามกระบวนการยุติธรรม ทิศทาง "สีกากี" ก็เลยชัดเจน แจ่มแจ้ง