ไทยกับ “โควิด เวฟ 5”

ในช่วงโค้งสุดท้ายปลายปี 2564 สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทยเริ่มคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น จากจำนวนผู้ติดเชื้อที่ปรับตัวลดลงมาอย่างมาก ขณะที่สถานการณ์ด้านเศรษฐกิจก็เริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้นเช่นเดียวกัน หลังจากรัฐบาลได้ทยอยผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด (ล็อกดาวน์) อย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีการเปิดประเทศ ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจส่วนใหญ่เริ่มกลับมาดำเนินการได้อีกครั้ง ซึ่งปัจจัยบวกดังกล่าวทำให้หลายฝ่ายเชื่อว่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยในปี 2565 กลับมาเติบโตได้ดีขึ้นจากช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ที่เศรษฐกิจโดนกดดันจากการระบาดของโควิด-19

แต่!! จนแล้วจนรอด เศรษฐกิจไทยก็ยังต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนจากการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ที่อาจส่งผลกระทบกับแนวโน้มการเติบโตให้ต่ำกว่าที่หลายฝ่ายได้ประเมินไว้

ล่าสุดพบว่า โควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนได้กระจายตัวไปแล้วกว่า 55 จังหวัดทั่วประเทศ โดย นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ออกมาระบุว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ของไทยเข้าสู่ระลอกที่ 5 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งประเมินไว้ว่ารอบนี้การระบาดในเด็กจะมีสูงขึ้น เนื่องจากเด็กยังไม่ได้รับวัคซีน แต่อาการในเด็กจะไม่รุนแรง หากไม่มีโรคประจำตัว ส่วนการรักษานั้นสำรวจแล้วมีเตียงรองรับวันละ 52,300 เตียงทั่วประเทศ เฉพาะกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเตียงว่าง 25,828 เตียง

ซึ่งหากการระบาดเป็นไปตามฉากทัศน์ที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ประเมินว่าอาจจะมีผู้ติดเชื้อสูงสุดถึงวันละ 30,000 ราย กรมการแพทย์จะมีเตียงเพียงพอในการรักษา!

นอกจากนี้ “องค์การอนามัยโลกประจำภูมิภาคยุโรป” ได้ออกมาเตือนว่า จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกอาจนำมาซึ่งผลกระทบด้านลบ ยิ่งโอมิครอนระบาดเร็วเท่าไหร่ การกระจายตัวและแบ่งตัวเพิ่มขึ้น ก็มีความเป็นไปได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ที่จะพบการกลายพันธุ์ใหม่ๆ ที่มีความอันตรายยิ่งกว่าปรากฏขึ้นตามมาอีกด้วย

ปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวสร้างความกังวลให้กับภาคธุรกิจอยู่ไม่น้อย “สมาคมผู้ค้าปลีกไทย” ยอมรับว่ามีความกังวลต่อแนวโน้มของจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้น พร้อมทั้งเสนอแนวทางให้ความร่วมมือ เพื่อร่วมกับภาครัฐในการรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ด้วยการช่วยเหลือให้ประชาชนเข้าถึงวัคซีนได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึงมากขึ้น

 “ญนน์ โภคทรัพย์” ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย ระบุว่า มีความเป็นไปได้มากว่าจำนวนผู้ติดเชื้อจะเพิ่มสูงขึ้นถึงวันละ 30,000 คน ซึ่งไทยน่าจะผ่านความท้าทายนี้ไปได้ไม่ยาก โดยเศรษฐกิจไทยกำลังจะฟื้นตัวจากวิกฤต ดังนั้นทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันผลักดันไม่ให้ไทยเข้าสู่วิกฤตอีกครั้ง เพราะคงไม่สามารถกลับมาเจอกับบาดแผลที่จะซ้ำตรงที่เดิมได้อีกแล้ว

ทั้งนี้ สมาคมผู้ค้าปลีกไทยมีข้อเสนอแนะให้รัฐบาลเร่งดำเนินการอย่างต่อเนื่องดังต่อไปนี้ 1.รัฐต้องมีมาตรการเชิงรุกสำหรับพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดให้มีการควบคุมอย่างเคร่งรัด หากมีการระบาดในแต่ละพื้นที่ รัฐควรปิดเฉพาะพื้นที่ที่เป็นคลัสเตอร์เท่านั้น 2.การยกระดับการเตรียมพร้อมของระบบสาธารณสุข โดยเร่งกระจายวัคซีน เพื่อให้วัคซีนกระจายถึงประชาชนให้มากที่สุด และเร็วที่สุด รวมถึงเสริมชุดตรวจ ATK ที่มีคุณภาพสูง ในราคาที่ภาคเอกชนและประชาชนสามารถเข้าถึงได้ อีกทั้งเตรียมยารักษาโควิด-19 ให้พร้อม และสำรองเตียงสำหรับผู้ป่วยหนัก

3.อัดฉีดเม็ดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ผ่านโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ของภาครัฐที่มีผลลัพธ์ที่ดี 4.ช่วยภาคเอกชนและประชาชนลดค่าใช้จ่าย โดยช่วยลดค่าน้ำ ค่าไฟ ลดเงินสมทบประกันสังคม ภาษีป้าย รวมถึงดอกเบี้ยเงินกู้จากสถาบันการเงิน และพิจารณาลดค่าใช้จ่ายของผู้ประกอบการทั้งที่เกี่ยวข้องกับโควิดทางตรงและทางอ้อม

อย่างไรก็ดี ยังเป็นประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่ารัฐบาลจะเตรียมพร้อมรับมือกับการระบาดระลอกที่ 5 อย่างไร และผลกระทบจากการระบาดของโอมิครอนจะสร้างความเสียหายให้กับภาพรวมเศรษฐกิจมากน้อยแค่ไหน ในขณะที่เศรษฐกิจไทยที่หลายฝ่ายประเมินว่าเข้าสู่ภาพของการทยอยฟื้นตัวในปัจจุบัน จะมีทิศทางเป็นอย่างไรภายใต้แรงกดดันดังกล่าว.

ครองขวัญ รอดหมวน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เสริมสร้างธรรมาภิบาลองค์กร

ธรรมาภิบาลที่เข้มแข็งเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างความไว้วางใจและดึงดูดการลงทุน ในช่วงเวลาที่นักลงทุนทั่วโลกให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและความโปร่งใสมากขึ้น ท่ามกลางกระแสการตรวจสอบกรณีทุจริตทางธุรกิจที่เกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วเอเชีย

ค้าปลีก-ร้านอาหารยังเติบโตในปี69?

เข้าสู่เดือนสุดท้ายของปี 2568 กันแล้ว แน่นอนว่าธุรกิจในปีหน้ายังคงมีโจทย์ท้าทายอีกหลายอย่างกำลังรออยู่ และตลอดปี 2568 นี้เอง ภาคธุรกิจต่างๆ ก็ไม่ง่าย! เพราะต้องเผชิญกับปัจจัยที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นตลอด

เจาะลึกเทรนด์อีคอมเมิร์ซไทย

ปัจจุบันตลาดอีคอมเมิร์ซไทยถูกขับเคลื่อนด้วยการแข่งขันของ 3 แพลตฟอร์มหลัก คือ Shopee 89%, TikTok Shop 71% และ Lazada 66% โดย 87% ของผู้บริโภคชาวไทยซื้อสินค้าออนไลน์เป็นประจำทุกสัปดาห์หรือทุกเดือน

เสริมความมั่นคงสุขภาพไทย

อุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ของไทยกำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่จังหวะใหม่ที่น่าสนใจ และสำคัญต่อความมั่นคงด้านสาธารณสุขของประเทศอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อความต้องการเครื่องช่วยหายใจชนิด CPAP/BiPAP

อัปเกรดมาตรฐานความปลอดภัย

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จับมือหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และพันธมิตรด้านอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เปิดตัวความพร้อมโครงการ “Trusted Thailand” อย่างเป็นทางการ

ดาต้าเซ็นเตอร์เพิ่มโอกาสธุรกิจไทย

ในโลกที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญ ธุรกิจที่ต้องการเติบโตอย่างมั่นคงจำเป็นต้องปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นการใช้ระบบดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า