มีตำรวจชั้นผู้น้อย ตำรวจชั้นประทวน ยกหูโทรมาถาม โทรมาเล่าความรู้สึกอึดอัด รู้สึกมึนงง กับนโยบายการแต่งตั้งตำรวจระดับ รองสารวัตร(รองสว.)และผู้บังคับหมู่ (ผบ.หมู่) วาระประจำปี 2564 ที่อยู่ระหว่างการดำเนินการในขณะนี้ของผู้บังคับบัญชา
จะยึดนโยบายแบบไหนกันแน่???
หลังโซเชียลแชร์จดหมายของนางบุญล้อม วงศ์ชัยนันท์ ชาวบ้าน ต.หนองแปลน อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ เขียนถึง ผบ.ตร. อยากขอให้พิจารณาย้ายลูกชาย คือ ส.ต.ท.จีรศักดิ์ สมเนตร ผบ.หมู่งานปราบปราม สภ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ กลับภูมิลำเนา เพื่อมาดูแลตัวเองที่ป่วยมีโรคประจำตัว ต้องพักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน
จนชาวโซเชียลต่างสงสาร ต่างเห็นใจคุณแม่บุญล้อมที่อยากให้ลูกชายได้ย้ายกลับมาดูแลยามเจ็บไข้ได้ป่วย และอยากให้ “ผู้บังคับบัญชาตำรวจ” ช่วยทำตามความประสงค์ของคุณแม่
กระทั่งพอได้ฟัง พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ออกมาให้สัมภาษณ์ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ช่อง PPTV บอก...
“ที่ผ่านมาเหตุผลเรื่องครอบครัว ทั้งความต้องการเรื่องดูแลครอบครัว พ่อ แม่ที่ป่วย ดูแลภรรยาหรือลูกเล็ก เป็นเหตุผลแรก ๆ ที่นายตำรวจใช้ยื่นเรื่องโยกย้ายทุกปี จึงไม่สามารถใช้ในการพิจารณาได้ เพราะต้องดูตามความเหมาะสมเรื่องกำลังพลในพื้นที่ด้วย ซึ่งการพิจารณาการโยกย้ายนั้นผู้บังคับบัญชาชั้นต้นในสายงานที่สังกัดอยู่จะเป็นผู้ประเมินคนแรก หากสังกัดอยู่ในสถานีตำรวจภูธร ผู้กำกับสถานีตำรวจนั้นๆ ต้องพิจารณาว่าหากมีการโยกย้ายแล้วจะขาดเจ้าหน้าที่ในส่วนงานใดหรือไม่ ก่อนส่งเรื่องให้ผู้การจังหวัดพิจารณาต่อ ซึ่งส่วนใหญ่หากเห็นตรงกันว่าเหมาะสมที่จะโยกย้ายก็จะอนุมัติตามคำร้องขอ แต่หากพบว่าโยกย้ายแล้วอาจไม่มีเจ้าหน้าที่ทำงานในส่วนงานที่ย้ายออก ก็จะไม่ได้โยกย้ายตามคำขอ”
ตำรวจหลายคน”งง” ตำรวจหลายคน”สับสน” ตำรวจหลายคน”สงสัย” คำสัมภาษณ์ของโฆษก ตร. ที่บอกตำรวจที่ขอโยกย้ายกลับบ้านไม่สามารถใช้ในการพิจารณาได้ ต้องดูความเหมาะสมเรื่องกำลังพล
เหตุใดนโยบาย “โฆษก ตร.” ถึงตรงข้ามกับคำสั่ง “ผบ.ตร.”!!!!
ถ้าจำกันได้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ทำบันทึกเรื่องการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจตำแหน่งระดับรอง สว.และ ผบ.หมู่ ประจำปี 2564 ส่งถึง จเรตำรวจแห่งชาติ, รอง ผบ.ตร., ผู้ช่วย ผบ.ตร.หรือตำแหน่งเทียบเท่า, ผบช.หรือตำแหน่งเทียบเท่า, ผบก.ในสังกัด สง.ผบ.ตร.หรือตำแหน่งเทียบเท่า เมื่อปลายเดือนธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา
ในหนังสือคำสั่งดังกล่าวข้อที่ 10 “ผบ.ปั๊ด” ระบุ...
“ให้หน่วยพิจารณาให้ความสำคัญกับการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจในกรณีร้องขอกลับภูมิลำเนาหรืออุปการะครอบครัว โดยเฉพาะข้าราชการตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ควรได้รับการพิจารณาแต่งตั้งเป็นลำดับแรก ทั้งนี้ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้ข้าราชการตำรวจในการจะปฏิบัติหน้าที่และเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนให้กับครอบครัว สำหรับหน่วยซึ่งมีพื้นที่พิเศษหรือเสี่ยงภัยให้พิจารณาแต่งตั้งข้าราชการตำรวจสับเปลี่ยนหมุนเวียนเพื่อฟื้นฟูกำลังพลตามความจำเป็น โดยให้กระทบต่อข้าราชการตำรวจรายอื่นให้น้อยที่สุด”
สรุปคือการร้องขอกลับภูมิลำเนา การร้องขออุปการะครอบครัว สำคัญหรือไม่สำคัญ หรือต้องมีเส้นมีสาย มีตั๋วช้าง ตั๋วม้า ถึงย้ายได้
‘ผบ.ปั๊ด” ต้องชัดเจน อย่าแค่เขียนไว้สวยหรูป้องกันโดนฟ้องร้อง แต่การกระทำตรงกันข้าม “ลูกน้อง” จะเสื่อมศรัทธา หมดกำลังใจทำงาน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ปิดฉาก'ผบ.ต่อศักดิ์'
ชัดเจนแบบไม่ต้องเดา ไม่ต้องคาดการณ์ การแต่งตั้ง "นายพล" วาระประจำปี 2567 ปลายปีนี้ ผู้ที่มีอำนาจจัดทำบัญชีแต่งตั้งครั้งนี้ ไม่ใช่ บิ๊กต่อ-พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. อย่างแน่นอน!!!
ทิศทางสีกากีเปลี่ยน!
พอทุกอย่างลงตัว คลื่นลมสงบ สถานการณ์เริ่มคลี่คลาย หมายเรียกหมายจับ เริ่มขับเคลื่อนไปตามกระบวนการยุติธรรม ทิศทาง "สีกากี" ก็เลยชัดเจน แจ่มแจ้ง
บ่อนกับตำรวจ
เห็นท่าทีขึงขัง เอาจริงเอาจัง ในการปราบปรามการพนันทั้งแบบ "ออนไลน์" และแบบ "บ่อนพนัน" ของ บิ๊กต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาการแทน ผบ.ตร. ถึงขนาดมีนโยบายชัดเจน
เก้าอี้ 'ผบ.ตร.' เปลี่ยน!
มีสัญญาณที่น่าสนใจ ที่น่าจับตา ภายในรั้ว "กรมปทุมวัน" หลังจากนายกรัฐมนตรี มีคำสั่งเด้งแพ็กคู่ 2 นายพล ทั้ง บิ๊กต่อ-พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และบิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี
แฉมาตายหมู่!
ช่วงนี้ขออนุญาตไม่รับนัดใคร ไม่ขอไปไหนไกลเกิน 2 ลี้ เดี๋ยวลุกจากเก้าอี้แถวหน้าเวทีมหกรรมแห่งการแฉ "แวดวงสีกากี" แล้วจะเสียม้า เสียที่ ไม่ได้ยินเรื่องราวเต็มสองหู ไม่ได้เห็นด้วยตาแบบชัดๆ
กวาดขยะใต้พรหม
ก็เข้าใจอยู่แหละ ท่าที "ตำรวจ" จากผลพวง 2 ปมร้อน 2 ประเด็นใหญ่ ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ทั้งเรื่อง "ฝรั่งเตะหมอภูเก็ต" และ "วันกะเทยผ่านศึก"