ไทยโพสต์ "อิสรภาพแห่งความคิด" www.thaipost.net ไม่ทันเริ่มบริหารบ้านเมือง แห่ตั้งฉายากันแล้ว จะเหนียมทำไม ก็แค่หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย แปรสถานะเป็นหัวหน้า "ครม.ครอบครัว" เห็นกันอยู่เต็มสองตานามสกุลบรรดารัฐมนตรีทั้งหลายโชว์หรา ชัดสุดต้องยกให้ชื่อนี้ "แพทองธาร ชินวัตร" ล่าสุด "ผู้ครอบครอง" ยังโผล่เข้าตึกชินฯ 3 ไปจัดนโยบายรัฐบาล ทุกวันนี้เลิกดูความเหมาะสม ความสามารถ ความถนัดของบุคคลที่จะดำรงตำแหน่งในกระทรวงต่างๆ กันแล้ว ยึดวิถี "โควตา" หนำซ้ำถ้าได้โควตาแล้วตัวเองนั่งไม่ได้ ก็ไม่เป็นไร ทำราวกับมรดกยกให้ลูก ให้พ่อ ให้น้อง สมกับเป็น "ครม.สืบสันดาน" เล่นเอา "นายกฯ อิ๊งค์" ถึงกับสะดุ้งร้อง "โห” ใช้คำแรงจัง "อยากให้มองว่าเป็นความตั้งใจได้ไหม ที่มันถ่ายทอดกันมาในคนใกล้ชิด คนรู้จัก เพราะหลายๆ อย่างที่ต้องทำต้องใช้แรงผลักดัน
อาศัยความภาคภูมิใจของคนข้างๆ คนรอบๆ ฉะนั้นคำว่าเป็นครอบครัวหรือเป็นอะไรมันไม่ใช่ข้อเสีย มันเป็นเรื่องของแรงผลักดันให้กันมากกว่า โดยเห็นว่าคนหนึ่งทำเพื่อประเทศแบบนี้ อีกคนหนึ่งในครอบครัวก็มีแรงผลักดันเช่นกัน มันเป็นแบบนั้น" แถมยังอ้อนนักร้องรุ่นใหญ่รุ่นเล็กทั้งหลายให้เพลามือลงบ้าง "สงสารนายกฯ บ้าง อย่าฟ้องอะไรเยอะเลย เป็นนายกฯ ที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์แล้ว และก็ตั้งใจทำงานเต็มที่” งานนี้โทษใครไม่ได้ นอกจากพ่อแม้ว เปิดศึกรอบด้านเรียกแขกทุกสารทิศ ผลักลูกยืนริมหน้าผา เสียวไส้ได้ทุกวินาที
๐ ทัวร์ลง! ถูกจับตามอง ตั้งแต่มีชื่อนั่ง รมว.อุตสาหกรรม โดยก่อนนายกฯ จะนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย "เอกนัฏ พร้อมพันธุ์" โดนวิพากษ์วิจารณ์ปัญหาคุณสมบัติ กรณีเป็นจำเลยในคดี กปปส. ก่อเหตุขัดขวางการเลือกตั้งและบุกรุกสถานที่ราชการ สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อปี 2557 ซึ่งพนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการ กปปส. แกนนำและแนวร่วม กปปส. รวม 39 คน โดยศาลชั้นต้นพิพากษาให้ นายเอกนัฏ จำคุก 1 ปี แต่รอลงอาญา 2 ปี และปรับ 13,333 บาท กระทั่ง 27 มิ.ย.67 ศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษายกฟ้องนายเอกนัฏ โดยฝ่ายกฎหมายของพรรครวมไทยสร้างชาติจึงยืนยันว่า หากยังไม่มีคำพิพากษาของศาลฎีกาเห็นเป็นอย่างอื่นออกมา นายเอกนัฏถือเป็นผู้บริสุทธิ์และไม่เคยต้องคำพิพากษาจำคุกมาก่อน เท่ากับในแง่ของกฎหมายเคลียร์ไปเปลาะหนึ่ง ปรากฏว่าหลังโปรดเกล้าฯ ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี เจอหนักกว่าเดิม อดีตมวลชน กปปส. รุมถล่มทิ้งอุดมการณ์ไปจับมือกับระบอบทักษิณ ทั้งที่เคยปลุกม็อบไล่จนมีคดีความ แทบไม่ต่างจากหัวหน้าและเลขาฯ ปชป. ที่โดนตราหน้าทรยศประชาชน พาประชาธิปัตย์ผสมพันธุ์เพื่อไทย ยิ่งตอกย้ำความกังขาที่ยอมไปเป็นพยานให้กับ "ทักษิณ" ในคดีความผิดมาตรา 112 หลวมตัวเดินตามเกม "นายใหญ่" มาเหนือชั้น มีแต่ได้กับได้ ส่วนคนที่ยอมซูฮกมีแต่เสียกับเสีย ทั้ง พปชร. กับ ปชป. ก็โดนย่างสดไปแล้ว คราวนี้ก็ถึงคิว รทสช.
๐ วันศุกร์นี้ "ลุงป้อม" ออกแรงอีกรอบ นั่งหัวโต๊ะคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ แต่งตั้งกรรมการเพิ่มเติม หลัง "ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า" ยกก๊วนลาออก 6 คน ทำให้ชุดปัจจุบันที่มีอยู่ 19 คน เหลือ 13 คน โดยบิ๊กป้อมจะดันมือขวาที่เหลืออยู่ "ไพบูลย์ นิติตะวัน" ขยับจากรองหัวหน้าพรรคมานั่งเลขาธิการพรรคแทนผู้กอง "ร.อ.ธรรมนัส" เฉลยว่าได้ไขก๊อกจากการเป็นกรรมการบริหารพรรค พร้อมกับนายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร นายอรรถกร ศิริลัทยากร สส.ฉะเชิงเทรา นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา สส.ราชบุรี นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ และนายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ สส.นราธิวาส ตั้งแต่วันที่ 20 ส.ค. 67 ซึ่งเป็นวันที่ผู้กองประกาศอิสรภาพตัดขาดจากบิ๊กป้อม แต่ยังไม่แน่พอที่จะยอมทิ้งความเป็นสมาชิกพรรค เพราะเท่ากับหลุดจาก สส.ทันที เจ้าตัวคุยว่ากำลังดูข้อกฎหมายว่าจะออกจากพรรคอย่างไรแบบถูกกฎหมาย โดยยังคงสถานภาพเป็น สส.อยู่ ตอบเลยว่ายาก ตราบใดที่ลุงป้อมไม่ตะเพิดพ้นพรรค ก็อยู่กันไปแบบนี้ สถานะทางนิตินัยเป็นฝ่ายค้าน ส่วนพฤตินัยรัฐบาลจ๋า ในฐานะ "ผู้ครอบครอง" 3 รัฐมนตรี เจ้ากระทรวงเกษตรฯ ตัวจริงเสียงจริง อลเวงแท้การเมืองไทย.
ลี้คิมฮวง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บันทึกหน้า 4
ขอรำลึกถึงจิตวิญญาณแห่งประชาธิปไตย วีรชน 14 ตุลาคม 2516 ..เจ้าฝันถึงโลกสีใด?!? ผ่านไป 51 ปี จากวันนั้นจนถึงวันนี้
บันทึกหน้า 4
เปิดฉากชำระแค้น! จุดเริ่มต้นสู่จุดจบพรรคเพื่อไทย "ไพบูลย์ นิติตะวัน" เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ มือขวา "บิ๊กป้อม" จั่วหัวมาหลายวัน ได้รู้พร้อมกันทั้งประเทศแล้ว "ธีรยุทธ สุวรรณเกษร"
บันทึกหน้า 4
คำว่า “สนิมเหล็กเกิดแต่เนื้อในตน” นั้น เหมาะสมอย่างยิ่งกับสถานการณ์ของรัฐนาวา “แพทองธาร ชินวัตร” ในเพลานี้ และที่สำคัญ เป็นการ “ตบหน้า” พรรคเพื่อไทยอีกครั้ง ที่มักพร่ำบ่นเสมอๆ ว่ามีบุคลากรคุณภาพคับแก้ว
บันทึกหน้า 4
จากกระแสข่าว นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เข้าพบ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 6 ต.ค.ที่ผ่านมา เสี่ยหนู-อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย
บันทึกหน้า 4
การเมืองเมื่อวันจันทร์ โฟกัสกันไปที่ข่าวลือการพบกันของ 2 ผู้นำจิตวิญญาณพรรคร่วมรัฐบาล หลังแพร่สะพัดว่า เมื่อค่ำวันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคมที่ผ่านมา 'เสี่ยหนู' อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย
บันทึกหน้า 4
บันทึกในวันครบรอบ 48 ปี 6 ตุลาคม ทั้งคนเดือนตุลา และคน "โหน" เดือนตุลา ยังคงคึกคักบนเวทีเสวนารำลึกเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ที่้น่าสนใจเห็นจะเป็นวาทะของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าคณะก้าวหน้า ที่บอกว่า กรณีคดีตากใบ ที่ใกล้หมดอายุความ แต่ยังตามจับทหารและตำรวจระดับสูง 7 คนไม่ได้ ถือเป็น "วัฒนธรรมผู้พ้นผิดลอยนวล"