“หน้าที่ของคุณคือเป็นทนาย ไม่ใช่มาด่าปูแทนลูกความ..”
คุณปู-มัณฑนา หิมะทองคำ ดาราที่ได้สามีเป็นนักการเมือง โพสต์ขึ้นต้นด้วยประโยคนี้ ก่อนที่จะร่ายต่อ..
“ฝากถึงทนายของคู่กรณี ณ ปัจจุบัน พวกคุณทำเกินหน้าที่ไปมาก คุณรับหน้าที่ว่าความให้คู่กรณีปูในฐานะทนาย แต่กลับไลฟ์สดด่าปูเสียๆ หายๆ ทุกวัน
ทำไปเพื่ออะไรคะ ไม่รู้สึกแปลกตัวเองหรอคะ สำหรับคนที่รู้กฎหมายทุกอย่าง กลับด่าคนอื่นที่ไม่เคยทำอะไรให้คุณเลยได้อย่างหน้าตาเฉย เหมือนเป็นศัตรูกัน
จรรยาบรรณของนักกฎหมายหายไปไหนหมดคะ พูดจาหยาบคาย เรียกปูมึงกู ด่าคนอื่นโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย ขาดวุฒิภาวะมากๆ ค่ะ
ถ้าไม่ให้เกียรติตัวเองก็ให้เกียรติคำว่าทนาย หรือนักกฎหมายหน่อยเถอะค่ะ”
จี๊ดค่ะ..เอ๊ยเจ็บครับ แล้วใครล่ะทนายท่านนั้น ก็อย่าได้สนใจเลยเป็นใคร แต่มาสนใจที่คุณปูพูด (เขียน) จะดีกว่า ซึ่งเป็นความจริงที่ประจักษ์..
ยุคนี้..เป็นยุค “ทนายความหิวแสง” ระบาดหนัก!
ก็..หนักขนาดที่สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และสภาทนายความฯ..
เคยร่วมกันจัด “งานเสวนาวิชาการเรื่องสิ่งที่สื่อมวลชนควรทราบ เกี่ยวกับมรรยาททนายความ” ขึ้นมาเมื่อปีก่อนนู้น!
แต่..เสวนากันแล้วก็เงียบไม่เห็นมีอะไรเปลี่ยนแปลง ทนายหิวแสงก็ยังทำตัว “หิวแสง” อยู่เป็นปกติให้ชาวบ้านชาวช่องขัดตา-รำคาญหูอยู่เหมือนเดิม..
เพิ่มเติม..เลอะเทอะ-เละเทะหนักขึ้นทุกวัน!
การนำเรื่องคู่ความมาให้สัมภาษณ์สื่อ ดูจะเป็นเทรนด์ยอดนิยมของบรรดา “ทนายความหิวแสง” แถมบางคนใช้สื่อโซเชียลนั่งประจาน-ด่าคู่กรณีของลูกความอย่างกรณีคุณปู
ซึ่งสมควรแล้วที่ดาราสาวรุ่นใหญ่จะถาม.. “จรรยาบรรณของนักกฎหมายหายไปไหนหมดคะ” แต่อีกแหละ ทนายความพวกนี้ล้วนอึด ทน หนา..
อย่าหวัง-เลิกคิดที่จะถามหา “จรรยาบรรณ-จริยธรรม-มรรยาท” จากพวกเขา!
และที่คุณเกษม สรศักดิ์เกษม ประธานกรรมการมรรยาททนายความ ได้กล่าวไว้ในงานเสวนาครั้งนู้นว่า..
“คดีมรรยาททนายความ ผู้ได้รับความเสียหายจากเรื่องนี้ส่วนใหญ่เป็นประชาชน..ซึ่งประชาชนสามารถร้องเรียนต่อประธานกรรมการมรรยาทได้โดยตรง
ทั้งนี้ ข้อบังคับสภาทนายความ 2529 ข้อ 17 ระบุว่า ห้ามประกาศโฆษณา หรือยอมให้ผู้อื่นประกาศโฆษณาใดๆ
เช่น ทนายความแถลงข่าว เอาเรื่องข้อมูลในคดีมาแถลงข่าวด้วยวัตถุประสงค์ใดก็ตาม แต่ทนายความก็มีที่อยากโตเร็ว อยากมีชื่อเสียง
ดังนั้น การรับเป็นทนายความไม่มีเหตุใดเลยต้องนั่งแถลงข่าว การว่าความต้องไปศาล ต้องสู้กันในศาล ต้องตั้งคำถามว่าการแถลงข่าวเพื่อชื่อเสียงหรือไม่
อยากดังหรือเป็นยาจกก็ห้ามแถลง และห้ามนำเรื่องในคดีลึกๆ มาเล่าให้คนฟัง การนั่งแถลงแบบนั้น เพื่ออวดศักดา อวดฝีมือ แสดงว่ามีค่าตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ เรียกค่าทนายได้
แบบนี้้เป็นเจตนาไม่ค่อยดี ถ้าเป็นทนายมีความประพฤติดีควรหลีกเลี่ยงตรงนี้ กรณีสื่อได้รับเชิญจากทนายไปแถลงข่าว แนะนำว่าสื่ออย่าไป
ปิดประตูตรงนี้เพราะไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อสังคมเลย เพราะเป็นเรื่องของคู่กรณีที่มีได้มีเสียกัน ถ้าสื่อไม่ไปก็จะไม่เกิดปัญหา”
เนี่ย..ผมเห็นด้วย แต่ก็น่าเห็นใจสื่อ หากคู่ความ-คู่กรณีเป็นคนทั่วไป สื่อก็ไม่ค่อยจะให้ความสนใจอยู่แล้ว แต่พอเป็นคนดัง-คนบันเทิง..
นักข่าวก็หูผึ่ง ตาลีตาเหลือก ทนายไม่เชิญก็ต้องรีบไป ด้วยวันๆ หาข่าว (ทำ) กันแทบไม่ได้!
ผมว่า แทนที่จะขอร้องสื่อ สภาทนายความควรจะเข้ม-เด็ดขาดกับกฎ-ระเบียบที่มีอยู่จะดีกว่า-ได้ผลกว่า..
ไม่งั้น “ทนายหิวแสง” ก็ยังคงเพ่นพ่านอยู่ต่อไป!.
สันต์ สะตอแมน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ผลของกรรมชั่ว
มีคุณธรรมสูงขึ้นมาทันที.. นอกจาก “บอสพอล” วรัตน์พล วรัทย์วรกุล เจ้าของอาณาจักรธุรกิจดิไอคอน กรุ๊ป จะได้โพสต์..
ไม่มีสัจจะในหมู่โจร!
ไม่พูดก็ไม่เห็นมีใครว่า.. แต่ที่คุณสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย บอกกับนักข่าวว่า การเรียกประชุม สส.ประจำสัปดาห์ ไม่ได้มีการหารือเรื่องใดเป็นพิเศษ เป็นการประชุมวาระปกติ
'พายัพ'..ตัวเร่ง'พายับ'!
“เหมือนคนอ่านอารมณ์ประชาชนไม่ออก อ่านการเมืองไม่ขาด..”
เบื่อ..น่ารำคาญ?
ทำไมพรรคเพื่อไทย ใช้เด็กฝึกงานมาเป็นผู้นำประเทศ?
การเมืองในสมาคมผู้กำกับฯ
เหตุผล.. ที่คณะกรรมการคัดเลือกหนังไทยที่มีความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ในแวดวงอุตสาหกรรมภาพยนตร์
พ่อค้าความขัดแย้ง?
คุณตู่-จตุพร พรหมพันธุ์ ประกาศชัดถ้อยชัดคำ.. “รัฐบาลนี้จะล้มได้ จะจุดม็อบติดได้ ไม่ใช่แกนนำม็อบ แต่คือรัฐบาล ที่จะเป็นไม้ขีดไฟ เป็นน้ำมันเสียเอง”!