8 มกราคม 2567..
คุณนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุงหลายสมัย โพสต์ข้อเขียนหัวข้อ “ป่วยจริง หรือ ป่วยทิพย์ ทำให้จบเถอะ” พร้อมกับเนื้อหาบางตอนว่า..
“ที่ยังตัดใจไม่ได้ คือ ผมยังมีนิวรณ์ “อุทธัจจกุกกุจจะ” ทำให้จิตใจผมยังไม่สงบ เรื่องที่ปิดกั้นขัดขวางทำให้จิตใจผมไม่สงบคือ คุณทักษิณ ป่วยจริง หรือ ป่วยทิพย์
เพราะถ้าป่วยทิพย์ก็ถือว่าประเทศนี้เจอเรื่องใหญ่เข้าให้แล้ว จะให้ผมแก้ด้วยการเจริญกสิณหรือเจริญหลักมรณสติ ก็ดูจะเกินปัญญาผมไปมากโข
มีทางเดียวที่จะดับความฟุ้งซ่านจิตใจของผมได้ คือ ผมต้องร่วมกับกลุ่มคนบางกลุ่ม ทำความจริงให้ปรากฏ ป่วยจริง หรือ ป่วยทิพย์ เรื่องนี้ต้องจบ..”
มา..20 กันยายน 2567 คุณนิพิฏฐ์ โพสต์หัวข้อ “เบื่อ” พร้อมข้อความบางตอนว่า.. “-การต่อสู้กับการกระทำของคุณทักษิณ ชินวัตร ไม่ง่ายเลยครับ
ถ้าเราเป็นเพียง “ประชาชน” ไม่สถาปนาตัวเองขึ้นเป็น “พลเมือง” ก็ยากที่เราจะตรวจสอบ ยากที่เราจะสร้างบ้านเมืองให้เป็นประชาธิปไตยที่ดีได้
-เมื่อนายกรัฐมนตรีเป็นลูกสาวคุณทักษิณ ได้รับดีเอ็นเอ (DNA) ของคุณทักษิณมาเต็มร้อย การตรวจสอบคุณทักษิณก็ยิ่งยากขึ้นไปอีก
-ผมจะไม่ติดตามคดีของคุณทักษิณ ชินวัตร ที่ ป.ป.ช.อีกต่อไปแล้ว เพราะทำมาเยอะ มีค่าใช้จ่ายเยอะแล้ว ใช้เวลาส่วนตัวไปเยอะแล้ว ไม่รู้จะทำไปทำไม
บ้านเมืองนี้ไม่ใช่ของเราเพียงคนเดียว บ้านเมืองนี้เป็นของคุณที่กำลังอ่านอยู่ด้วย -ผมยังร่วมกิจกรรมกับน้องๆ คปท. แต่จะให้ไปติดตามการทำงานของ ป.ป.ช. ผมคงต้องยุติแล้ว
เบื่อ!! บอกตรงๆ ว่า ผมอาย ป.ป.ช. อายที่จะไปติดตามแล้ว ไม่รู้จะทำไปทำไม”
และ..ล่าสุดวันที่ 12 พฤศจิกายน คุณนิพิฏฐ์ ก็โพสต์หัวข้อ “เอาตัวให้รอด” เนื้อหาบางช่วงบางตอนมีว่า..
“เมื่อวานขณะที่ผมอยู่ที่พัทยา น้องๆ จาก คปท. โทรมาบอกว่า เรารวบรวมทีมไปตามคดีชั้น 14 รพ.ตำรวจ ที่ ป.ป.ช.กันหน่อยดีกว่า ผมบอกน้องๆ ว่า ผมต้องกลับปักษ์ใต้..
ผมถามว่า มีปัญหาอะไรหรือ น้องๆ บอกว่า “มีข่าวไม่ดี” ผมฟังแล้วก็เศร้าใจและเห็นใจน้องๆ ที่ค้นหาความจริงเรื่องชั้น 14 รพ.ตำรวจมายาวนาน
แต่ยังไม่มีคำตอบจาก ป.ป.ช. แถมมี “ข่าว” มาอีกว่า เป็นข่าวไม่ดีเสียอีก ข่าวนั้นน้องๆ จะรู้มาจากไหน และจริงหรือเปล่า ผมไม่ยืนยัน
แต่ข่าวที่ผมทราบคือ ป.ป.ช.ขอเวชระเบียนไปที่ รพ.ตำรวจ 3 ครั้งแล้ว (หลายครั้งมาก) แต่ รพ.ตำรวจไม่ส่ง…
ถ้า ป.ป.ช.จะทำอย่างจริงจัง มีทางเดียวคือ ป.ป.ช.ต้องแจ้งความดำเนินคดีกับ ผอ.รพ.ตำรวจ และ ผบ.เรือนจำ ฐานไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของ ป.ป.ช.
แต่.. คิดว่า ป.ป.ช.กล้าทำอย่างนั้นไหมล่ะ ผมไม่อยากคิดต่อ ผมไม่ใช่นักการเมืองแล้ว ผมเป็นเพียงผู้ประกอบวิชาชีพกฎหมายธรรมดาคนหนึ่ง
จะให้ผมตรวจสอบอะไรจนเกินหน้าเกินตานักการเมืองเขาก็ใช่ที่ ผมก็ดูแลบ้านเมืองเท่าที่ผมทำได้แล้ว
ใจผมสงบแล้ว อย่าให้ใจผมวุ่นวายอีกเลย ใครที่อ่านมาถึงตรงนี้ ผมก็เพียงอยากจะบอกว่าอย่าคิดมาก เป็นทุกข์เปล่าๆ ดูแลตัวเอง ดูแลครอบครัวให้ดี “เอาตัวให้รอดดีกว่าครับ””
ครับ..เดี๋ยวจะดับฟุ้งซ่าน เดี๋ยวก็เบื่อ และนี่บอกใจสงบแล้ว ตกลงคุณนิพิฏฐ์จะสู้กับน้องๆ คปท. หรือจะคอยบั่นทอนกำลังใจเด็กกันแน่ล่ะ?
ผมไม่ได้คิดมาก แต่คุณนิพิฏฐ์ต่างหาก..คิดอะไรอยู่?.
สันต์ สะตอแมน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
วางใจไม่ลุกไปไหน?
ความจริงก็หาใช่กงการอะไร? แต่เมื่อคุณจักรภพ เพ็ญแข อดีตคนเสื้อแดงแรงฤทธิ์ มีชื่อโผล่อยู่ในผังรายการใหม่ “TOP HEADLINE” ของช่อง “ท็อปนิวส์” ก็ย่อมเป็นธรรมดา..
วอนขอพระคืน
ช่วยเหลือเร็ว-ช้าไม่ว่ากัน แต่..คาใจว่า ฝน-ฟ้าตั้งเค้ามาหลายวันแล้ว กรมอุตุฯ ก็เตือนมาเป็นระยะ เหตุใดรัฐบาลแพทองธารถึงไม่ได้มีการเตรียมแผน-สั่งการรับมือไว้เสียแต่แรก?
เผื่อรัฐบาลยังไม่รู้!
แค่ “ก๊กอนุรักษนิยม” สิ้นคำ-ประโยคนี้ของ “น้องเต้น” คุณณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ก็นึกว่าจะได้ยินเสียงจาก “พี่ชายสุดเลิฟ” คุณจตุพร พรหมพันธุ์ ตอบรับ!
คิดถึง..'โหมโรง'
คงเดช จาตุรันต์รัศมี.. ผู้อ่านไทยโพสต์อาจไม่ค่อยคุ้นหู เขาคือ “ผู้กำกับภาพยนตร์” และเป็น “ผู้เขียนบท” มือรางวัลที่มีผลงานโดดเด่นท่านหนึ่งในวงการ!
ยังเป็นอุตสาหกรรมไม่ได้?
เศรษฐกิจไม่ดี พายุยังไม่หมุน.. แต่เพื่อนคนหนึ่งเปรยกับผมว่า..ปีนี้เป็นปีที่หนังไทยประสบความสำเร็จในการทำรายได้ระดับหลายร้อยล้านหลายเรื่อง บางเรื่องถึงพันล้าน (นับรวมรายได้จากตลาดนอกบ้าน)
ได้อภิสิทธิ์เหนือคนไทยทั้งมวล?
“ผมพอแล้ว”! คำพูดประโยคนี้ไม่เคยหลุดจากปากนักการเมือง หรือจะหลุดให้ได้ยินบ้าง ก็ประเภทตอแหล ปลิ้นปล้อน กะล่อน อย่างเช่นว่า..