ใครเคยไปจาการ์ตาของอินโดนีเซีย จะรู้ว่าปัญหาของเมืองหลวงแห่งนี้หนักหนาสาหัสมาก
ตั้งแต่เรื่องมลพิษทางอากาศ, น้ำท่วมและรถติดอย่างรุนแรง
เพื่อนบางคนเคยเล่าให้ฟังว่า ออกจากโรงแรมไปสนามบินเจอสภาวะจราจรติดขัดตกเครื่องบินบ่อยๆ บางครั้งติดอยู่บนท้องถนน ไม่ขยับไปไหนถึง 6 ชั่วโมง
ทำให้ startup อย่าง Gojek ที่ให้บริการเรียกรถมอเตอร์ไซค์มารับจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่งในยามรถราไม่ขยับกลายเป็นธุรกิจที่เฟื่องฟู
Gojek กลายเป็น startup ที่มีรายได้มหาศาล เป็นหนึ่งใน Unicorn ของธุรกิจยุคดิจิทัลของอินโดนีเซียเลยทีเดียว
ทุกวันนี้ Gojek กลายเป็นแพลตฟอร์มบนมือถือที่ให้บริการสารพัดชนิด รวมถึงการจ่ายเงินออนไลน์และใช้บริการการขนส่งทุกประเภท
ที่เล่ามายืดยาวเพื่อจะบอกว่า รัฐสภาอินโดฯ เพิ่งผ่านกฎหมายให้ย้ายเมืองหลวงจากจาการ์ตาไปอยู่บนเกาะบอร์เนียว ตั้งชื่อเมืองหลวงใหม่เป็น 'นูซานทารา' (Nusantara) ซึ่งเป็นภาษาชวาโบราณ แปลว่า หมู่เกาะ
การย้ายถิ่นฐานจากจาการ์ตาไปยังเกาะบอร์เนียวถูกเรียกว่าเป็นวาระแห่งชาติ เป็นโครงการ 10 ปี
แต่จะเริ่มย้ายสถานที่ราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในอีก 2 ปีข้างหน้า
เมืองหลวงใหม่ของอินโดนีเซียกำลังถูกสร้างขึ้นในจังหวัดกาลิมันตันตะวันออกบนเกาะบอร์เนียว ประธานาธิบดีโจโก วิโดโด เป็นคนเสนอชื่อของเมืองหลวงใหม่นี้เอง
ที่ตั้งของเมืองหลวงใหม่ห่างจากกรุงจาการ์ตาไปทางตะวันออกเฉียงเหนือราว 2,000 กม.
เมืองหลวงปัจจุบันอยู่บนเกาะชวา ตามแผนงานนี้เมื่อย้ายเมืองหลวงแล้ว จาการ์ตาก็จะยังดำรงฐานะของการเป็นศูนย์กลางทางการเงินและการค้าของประเทศ ส่วน “นุซานทารา” จะมีระบบการบริหารระดับจังหวัด เทียบเท่ากับอีก 34 จังหวัดของอินโดนีเซีย
ผู้บริหารสูงสุดของนครหลวง Nusantara ซึ่งจะมีความรับผิดชอบในฐานะเป็นหน่วยงานระดับชาติในการพัฒนาเมืองหลวงแห่งใหม่ จะต้องได้รับการแต่งตั้งภายใน 2 เดือนหลังจากที่กฎหมายถูกนำมาใช้ และองค์กรใหม่นี้จะเริ่มดำเนินการได้ภายในสิ้นปีนี้ เพื่อดำเนินการเตรียมการสำหรับการย้ายเมืองหลวงในปีต่อไป
ร่างกฎหมายฉบับล่าสุดระบุว่า "การเตรียมการ การพัฒนา และการย้ายที่ตั้งเมืองหลวงใหม่" เป็น "โครงการลำดับความสำคัญระดับประเทศ 10 ปี"
กฎหมายฉบับนี้บอกด้วยว่า บรรดาสถานทูตต่างประเทศและตัวแทนขององค์กรระหว่างประเทศคาดว่าจะร่วมกับหน่วยงานของรัฐในการย้ายสำนักงานไปยังเมืองหลวงใหม่ภายใน 10 ปีนับจากการย้ายที่ตั้ง
โดยรัฐบาลอินโดฯ จะช่วยจัดหาที่ดินให้
วิโดโดประกาศแผนการที่จะย้ายเมืองหลวงไม่นานหลังจากขึ้นดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศรอบ 2 ในปลายปี 2019 เพราะรับรู้ถึงปัญหาคาราคาซังที่แก้ด้วยวิธีการที่ทำมาหลายสิบปีไม่สำเร็จ
ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตด้านการจราจรติดขัด มลพิษ ความแออัดยัดเยียด และปัญหาน้ำท่วมชายฝั่งของจาการ์ตา
ที่สำคัญไม่น้อยไปกว่ากันก็คือ ความจำเป็นในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจใหม่ให้ห่างจากเกาะชวา
แต่การระบาดใหญ่ของโควิด-19 ทำให้แผนย้ายเมืองหลวงหยุดชะงักไปชั่วครู่
การประชุมพิจารณาของคณะกรรมการพิเศษของสภาผู้แทนราษฎร เรื่องนี้ได้รับความสนใจจากประชาชนอย่างกว้างขวาง มีการถ่ายทอดสดบน YouTube ในช่วงดึกของคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา
สะท้อนว่าฝ่ายนิติบัญญัติมีความกระตือรือร้นที่จะเร่งแผนการย้ายเมืองหลวงให้เริ่มต้นในครึ่งแรกของปี 2024 อีก 2 ปีข้างหน้า...หรือก่อนที่ประธานาธิบดีวิโดโดลงจากตำแหน่งในปลายปีนั้น
เพราะตามเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญอินโดฯ ประธานาธิบดีไม่สามารถดำรงตำแหน่งนี้เป็นสมัยที่ 3 ได้ กฎหมายกำหนดให้งบประมาณของรัฐบาลบางส่วนสำหรับการย้ายเมืองหลวงครั้งนี้
โดยแบ่งค่าใช้จ่ายออกเป็น 10 ปี และเปิดทางให้ร่วมทุนกับภาคเอกชนในการดำเนินกิจกรรมบางอย่างได้
ก่อนหน้านี้รัฐบาลเคยประเมินว่าโครงการจะมีมูลค่า 466 ล้านล้านรูเปียห์ (32.5 พันล้านดอลลาร์ หรือกว่า 1 ล้านล้านบาท) แต่ถึงวันนี้ยังไม่มีตัวเลขประเมินใหม่สำหรับค่าใช้จ่ายใหม่ล่าสุด
ประเทศในอาเซียนที่ย้ายเมืองหลวงมาแล้ว มีเช่น
ฟิลิปปินส์ย้ายจาก Quezon City ไป Manila เมื่อปี 1948
มาเลเซียย้ายจาก Kuala Lumpur ไป Putrajaya ในปี 1995
และเมียนมาย้ายจาก Rangoon ไปที่ Naypidaw เมื่อปี 2005
รัฐบาลไทยหลายชุดที่ผ่านมาก็มีการเสนอแผนการย้ายเมืองหลวงจากกรุงเทพฯ เช่นกัน
ไม่ว่าจะเป็นสระบุรี, นครนายกฯ หรือฉะเชิงเทรา
ถึงวันนี้ยังไม่มีการตัดสินใจแต่อย่างใด ทั้งๆ ที่ปัญหาน้ำท่วม, สิ่งแวดล้อมและรถราติดขัดของกรุงเทพฯ ก็ไม่ต่างไปจากจาการ์ตาเท่าไหร่นัก
หรือเราควรจะถามผู้สมัครตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.ครั้งหน้านี้ว่าจะมีความคิดเรื่องย้ายเมืองหลวงอย่างไรบ้าง?
เพราะไม่ว่าใครจะมาเป็นผู้ว่าฯ กทม. ก็ไม่น่าจะสามารถแก้ปัญหาใหญ่ๆ เหล่านี้ได้อยู่ดี.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แจกเงินผ่านดิจิทัลวอลเล็ต: ปีศาจอยู่ในรายละเอียด!
นโยบายแจกเงินหมื่นผ่านดิจิทัลวอลเล็ตถึงวันนี้ก็ยังเป็น “ลูกผีลูกคน” อยู่
เชื่อไหม:อิสราเอลกับ อิหร่านเคยรักกัน?
อิสราเอลกับอิหร่านเปิดศึกสงครามที่สร้างความสั่นสะเทือนไปทั่วโลกวันนี้ มีคำถามว่าทั้ง 2 ชาตินี้กลายเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันอย่างรุนแรงเช่นนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่ และมีเหตุผลแห่งความบาดหมางกันอย่างไร
วิกฤตพม่าจากมุมมองของจีน
ถ้าถามว่าทำไมจีนจึงมีความกังวลกับสงครามในเมียนมาอย่างมาก ดูจากภาพนี้ก็จะเข้าใจ
จีน-อินเดีย: 'สันติภาพร้อน' ที่ทำให้ร่วมแก้วิกฤตพม่าไม่ได้
วิกฤตพม่าทำให้ผมคิดถึงความความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับอินเดียวันนี้ เพราะหากสองยักษ์แห่งเอเชียทำงานร่วมกัน ไทยก็อาจจะเป็นมือประสานให้เกิดกระบวนการเจรจาในพม่าได้
บทเรียนสีหนุวิลล์สำหรับไทย
ความสัมพันธ์อันใกล้ชิดของจีนกับกัมพูชามาในหลายรูปแบบ...และหนึ่งในนั้นคือการสร้างสีหนุวิลล์เป็นศูนย์กลางด้านความบันเทิง หรือที่เรียกว่า Entertainment Complex
อิหร่าน-อิสราเอล: ทุกฉากทัศน์ล้วนเสี่ยงสูง
คณะรัฐมนตรีสงครามหรือ War Cabinet ของอิสราเอลประชุมกันเคร่งเครียดมาหลายรอบ...สรุปได้เพียงว่าจะต้องตอบโต้อิหร่านแน่...แต่ไม่ระบุว่าเมื่อไหร่และด้วยยุทธการแบบใด