
ไทยโพสต์ "อิสรภาพแห่งความคิด" www.thaipost.net ใกล้จบเสียที! "สถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์" ประธานคณะกรรมการคัดเลือกประธานกรรมการ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย เคาะ 28 ก.พ. เลือก "ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ" คนใหม่ ภายหลัง ดร.ปรเมธี วิมลศิริ ครบวาระเดือน ก.ย.67 และพ้นตำแหน่งไปเมื่อ 9 ม.ค.68 เนื่องจากรักษาการครบ 120 วัน โดยกระทรวงการคลังส่งชื่อ "สมชัย สัจจพงษ์" อดีตปลัดกระทรวงการคลัง ชิงดำกับ "อาจารย์สุรพล นิติไกรพจน์" ดูชื่อชั้นแล้วไม่น่ามีปัญหา ถ้ารัฐบาลไม่ดันทุรังเข็น "กิตติรัตน์ ณ ระนอง" นั่งเก้าอี้นี้ ป่านนี้คงมีประธาน ธปท. คนที่ 5 ทำหน้าที่แล้ว
ไม่ต้องเสียเวลายืดเยื้อกว่า 4 เดือน ถึงแม้นายสมชัยแม้จะเคยดำรงตำแหน่งปลัดคลังยุครัฐบาลบิ๊กตู่ ด้วยสายสัมพันธ์เพื่อนร่วมรุ่น วปอ.รุ่น 50 แต่หลุดเก้าอี้เพราะทำงานไม่เข้าตานายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ซึ่งเป็นรองนายกฯ คุมเศรษฐกิจในขณะนั้น จนถูกโยกไปอยู่สภาพัฒน์ ทำให้เจ้าตัวยื่นใบลาออก แว่วมาว่างานนี้ "หมอเลี้ยบ" กุนซือบ้านพิษณุโลกส่งเข้าประกวด
๐ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โหวตลับ 5 ต่อ 2 เสียง ตั้ง "สุชาติ ตระกูลเกษมสุข" เป็นประธาน ป.ป.ช.คนใหม่ แทนนายวิทยา อาคมพิทักษ์ ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง 9 ปี วันที่ 30 ธ.ค.2567 พอเห็นชื่อแล้วทุกคนน่าจะคุ้นหู เพราะเคยเป็นข่าวเกรียวกราวหลัง "โจ๊กอัคนี" พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. จนตรอก หอบหนังสือคัดค้านการทำหน้าที่ของนายสุชาติในคดีเอี่ยวเว็บพนันเครือข่ายมินนี่ โดยกล่าวหาหลายเรื่องโดยเฉพาะประเด็นที่โยงใยกับ "บิ๊กป้อม" เล่นเอานายเก่าเละไปด้วย ร้อนถึงเลขาธิการ ป.ป.ช. "สาโรจน์ พึงรำพรรณ" รีบออกมาแจงว่า ไม่มีปัญหา การถูกร้องเรียนกล่าวหาเป็นเรื่องปกติ ตราบใดไม่มีการพิพากษาของศาลไม่ถือว่าเป็นผู้ที่กระทำความผิด ฟังแบบนี้ก็ฉลุย ว่าที่ประธานจะทำหน้าที่ได้อีกกว่า 4 ปี หากนับจากการทำหน้าที่กรรมการ ป.ป.ช. มาตั้งแต่ 10 ก.ค.2563 "แน่นอน ผมก็ต้องรู้จักคนบ้าง แต่ถ้าจะไปมองว่า คุณรู้จักกันแล้วแบบนี้จะมาช่วยเหลือกัน ก็ต้องถามตรงนี้ก่อนว่า แล้วที่มาของบุคคลที่จะเข้าไปทำหน้าที่ในองค์กรอิสระจะให้มีที่มาจากไหน โมเดลที่คิดว่าต้องขาวบริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่รู้จักใครเลย เราก็จะได้คนที่ไม่มีงานทำมาทำงาน ส่วนเรื่องคอนเน็กชัน ทุกคนมันมีรุ่น มีพวก มันมีทุกคน เพียงแต่เราอยู่ในระดับที่ว่าจะไม่คบกับใครเลยก็ไม่ได้ แต่คบมากมันก็ไม่ดี ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองก็มี...แต่ผมก็มั่นใจพอสมควรว่าประวัติผมไม่มีอะไร ไม่อย่างนั้นคงไม่กล้ามา" เจ้าตัวเคยพูดไว้ใน "แทบลอยด์" หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ฉบับวันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม 2563
๐ หลังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางมีคำพิพากษาจำคุก 2 ปี ในคดีที่ บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด เป็นโจทก์ฟ้อง "ศ.กิตติคุณ พิรงรอง รามสูต" กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เป็นจำเลย ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 กรณีจำเลยออกหนังสือแจ้งไปยังผู้รับอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์ ทำให้ผู้ได้รับอนุญาตเข้าใจว่า โจทก์เป็นผู้ทำผิดกฎหมาย ปรากฏว่า "ศิริกัญญา ตันสกุล" สส.พรรคประชาชน แสดงความเห็นเรื่องนี้ตอนหนึ่งว่า “จากจำนวนคณะกรรมการ กสทช.เดิมมี 7 คน มีเสียงฝั่งประธานประมาณ 3 และเสียงข้างมากในฝ่ายศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.พิรงรอง อีก 4 คน แต่ตอนนี้กลายเป็นเหลือ 3 ต่อ 3 เท่ากัน ซึ่งอาจทำให้การตัดสินใจต่างๆ มีความหมายมากขึ้น ไม่ได้ง่ายดายเหมือนที่ผ่านมา”...แหมพูดแบบนี้ แสดงว่ารู้จริง เพราะเป็นที่รู้กัน กสทช.ชุดปัจจุบัน แบ่งออกเป็น 2 ขั้วใหญ่ คือสายของประธาน กสทช. มีด้วยกันสามคนคือ "พล.ต.อ.ณัฐธร เพราะสุนทร" อดีตบิ๊ก สตม. "ต่อพงศ์ เสลานนท์" กสทช.ผู้พิการทางสายตา และ "ศ.คลินิก นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์" ประธาน กสทช. อดีตแพทย์ประจำตัว "บิ๊กป้อม" ส่วนอีกฝั่งคือ "พล.อ.ท.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ" "ดร.พิรงรอง" "รศ.ดร.ศุภัช ศุภชลาศัย" "รศ.ดร.สมภพ ภูริวิกรัยพงศ์" ซึ่งที่ผ่านมาการทำงานของ กสทช.ขัดแข้งขัดขา แทงหลังกันตลอด และทำให้เกิดการแบ่งกลุ่มกันเองของเจ้าหน้าที่ว่าจะเลือกอยู่กับขั้วไหน จนบางครั้งปัญหาบานปลายถึงขั้นมีการฟ้องร้องคดีกันเองจนวุ่นวาย เรียกว่าศึกชิงอำนาจที่ซอยสายลมรุนแรงมาก ดูได้จากบันทึกรายงานการประชุม อนุกรรมการ กสทช. ที่เป็นจุดตายในคดี ที่ทำให้ศาลตัดสินว่า ดร.พิรงรอง มีความผิดก็พอจะเห็นได้...
ลี้คิมฮวง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บันทึกหน้า 4
ในที่สุด “ลิเกการเมือง” ว่าด้วยศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจก็จบอย่างเป็นทางการแล้ว โดย มติที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรจำนวน 488 เสียง ก็ลงมติเห็นด้วยในการไม่ไว้วางใจ 162 เสียง ไว้วางใจ 319 เสียง งดออกเสียง 7 เสียง ไม่ลงคะแนนไม่มี ซึ่งก็เรียบร้อยตามที่ “นายใหญ่” สั่งมานั่นเอง ...๐
บันทึกหน้า 4
การอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผ่านไปแล้ว บรรยากาศการอภิปรายมีประท้วงกันบ้าง คำว่า "กี้่กี้" ดังสนั่นสภาและโซเชียลมีเดีย ถือเป็นสีสันการเมือง
บันทึกหน้า 4
อีกไฮไลต์สำคัญของศึกซักฟอก แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ที่สังคมจับคือ เจ้าพ่อดีลอย่าง บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะมาเปิดข้อมูลทางการเมืองเรื่องดีลต่างๆ ในรอบ 20 ปี สร้างแรงสั่นสะเทือนหรือไม่
บันทึกหน้า 4
บันทึกวันนี้ขอเริ่มต้นด้วยคำถามปิดกันให้แซ่ดในโลกโซเชียล ..วันนี้คุณเผากางเกงช้างทิ้งหรือยัง?!? เพราะหลังจากเห็น "พรีเซนเตอร์" แต่ละนายแต่ละนางกลางทำเนียบรัฐบาลแล้ว รู้สึกสิ้นเกียรติ สิ้นศักดิ์ศรีความเป็นกางเกงยอดนิยมสไตล์สบายๆ มาดเก๋มีเอกลักษณ์ที่เป็นเสน่ห์สะท้อนความเป็นไทยไปแทบจะอยากเอาไปทิ้งกันเลยทีเดียว..ใช่ไหม?!?
บันทึกหน้า 4
องครักษ์พิทักษ์นายพรึ่บ! เพื่อแม้วเปิดตัว 20 ตัวตึง รับหน้าที่ประท้วง เห็นชื่อชั้นไม่ธรรมดา อย่าง “หัวเขียง” ประยุทธ์ ศิริพานิชย์ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สุทิน คลังแสง อดิศร เพียงเกษ อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รวมถึงอดีตแกนนำเสื้อแดงตัวจี๊ด ก่อแก้ว พิกุลทอง
บันทึกหน้า 4
ในที่สุดศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี พ่วงด้วยบุคคลในครอบครัวก็ได้ฤกษ์กดปุ่มอย่างเป็นทางการเสียที เมื่อวิป 3 ฝ่ายได้ข้อตกลงร่วมกันเคาะสูตรซักฟอกออกมาเป็น 28+7 ชั่วโมง