
แล้วก็เกิดเหตุการณ์รถทัวร์มรณะขึ้นอีกครั้งจนได้ โดยครานี้เป็น รถทัวร์คณะศึกษาดูงานของเทศบาลตำบลพรเจริญ จ.บึงกาฬ มุ่งหน้าไปดูงานที่ จ.ระยอง ประสบอุบัติเหตุบริเวณทางลงเขาศาลปู่โทน ขาเข้ากบินทร์บุรี ในพื้นที่ ต.บุพราหมณ์ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 19 ราย บาดเจ็บ 32 ราย ซึ่งเป็นความสูญเสียอีกครั้งหนึ่งของชาวบึงกาฬและประเทศ ...๐
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 1 ต.ค.2567 ก็เกิดอุบัติเหตุไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษาของนักเรียนโรงเรียนวัดเขาพระยาฯ จ.อุทัยธานี บริเวณหน้าเซียร์รังสิต
ตรงข้ามซอยพหลโยธิน 72 บริเวณถนนวิภาวดี ซึ่งครานั้นก็มีนักเรียนและครูเสียชีวิตรวม 23 ราย โดย “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ก็สั่งให้ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม ถอดบทเรียน และหวังให้เป็นครั้งสุดท้าย แต่แล้วยังไม่ถึง 6 เดือนก็มาเกิดเหตุการณ์ในทำนองเดียวกันอีกในยุคของนายกฯ ประเทศที่ชื่อ “แพทองธาร” และ รมว.คมนาคมที่ชื่อ “สุริยะ” แล้ว “อุ๊งอิ๊ง” ก็สั่งเหมือนถอดเทปกันมาให้ตรวจสอบถึงต้นตอสาเหตุ แต่ในที่สุดก็เกิดอุบติเหตุที่คร่าชีวิตคนไทยอีกจนได้ ...๐
ไม่น่าแปลกแต่ประการใด เพราะ “รัฐบาล (พ่อ) เลี้ยง” นั้น หากไม่มีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคนในพรรคหรือวงศ์วานว่านเครือตระกูลนายใหญ่แล้วก็เอ้อระเหยลอยชายไปวันๆ แต่หากเป็นเรื่องของนายใหญ่นายหญิงก็จะพาเหรดขมีขมันขึ้นมาทันควัน ดูง่ายๆ เมื่อพรรคฝ่ายค้านแค่เคาะกะลาว่าด้วยการอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้วบอกว่าจะมีการพูดถึงชั้น 14 ขึ้นมา บรรดาลูกหาบขาเล็กขาใหญ่ก็ออกมาปกป้องว่าทำไม่ได้อย่างนั้นอย่างนี้ พร้อมทั้งเอาเรื่องการฟ้องร้องมาขู่อีกต่างหาก แต่พอเรื่อง “อุบัติเหตุ” เกิดขึ้น ดันเงียบเป็นเป่าสาก หรือไม่ก็พูดเป็นตัวประกอบดีเด่นว่าจะถอดบทเรียน นี่ถ้าเป็นประเทศศิวิไลซ์อย่างที่ใฝ่ฝันหาจริง ป่านนี้ “รัฐมนตรีคมนาคม” ประกาศตัวลาออกแสดงความรับผิดชอบจากเหตุการณ์เสียชีวิต 2 เหตุการณ์เกือบครึ่งร้อยแล้ว ...๐
แต่ก็ไม่แปลกกับความหน้าด้านหน้าทนของ “นักการเมืองไทย” หรอก เพราะ แค่เรื่อง “ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์” ซึ่งวิญญูชนน่าจะเข้าใจความหมายนี้ รัฐบาลแพทองธารยังต้องประชุมลับเมื่อวันอังคารที่ 25 ก.พ. และมอบให้ “ชูศักดิ์ ศิรินิล” รมต.ประจำสำนักนายกฯ ทำหนังสือสอบถามถึงศาลรัฐธรรมนูญเลย ซึ่งนายกฯ ก็ อ้างเหตุผลว่าต้องการสร้างความชัดเจน เพราะของเดิมไม่ทราบว่าขอบเขตเป็นอย่างไร แหม! เรื่องแค่นี้รัฐบาลและรัฐมนตรี รวมถึงนายกฯ จะไม่รู้ไม่ทราบหรือจะแกล้งโง่กันแน่ ที่สำคัญก็เคยมีตัวอย่างชัดๆ กันมาแล้ว ที่ “ไผ่ ลิกค์” เคยส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความในคุณสมบัติการนั่งรัฐมนตรี ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญก็มีมติเอกฉันท์ปัดตก งานนี้รัฐบาลก็ยังดันทุรังจะเสนอขึ้นไปอีก ก็ไม่รู้ว่าต้องการสร้างภาพให้คนที่หวังจะนั่งเป็นรัฐมนตรีในยุคแพทองธาร 2 เข้าใจหรือไม่อย่างไร ...๐
พูดถึงเรื่องตีความแล้วไม่เอ่ยถึง การประชุมวิป 3 ฝ่าย ที่มี “วันมูหะมัดนอร์ มะทา” ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่เป็นประธานคงไม่ได้ เพราะหลังประชุมนานกว่า 1 ชั่วโมง "วันมูหะมัดนอร์” ก็นำแถลงผลการประชุมที่น่าสนใจว่า ใน การประชุมรัฐสภาวันที่ 17 มี.ค.2568 จะพิจารณาญัตติขอให้รัฐสภาส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นญัตติค้างของ “นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ" สว. และ “วิสุทธิ์ ไชยณรุณ” สส.พรรคเพื่อไทย เพื่อหาข้อยุติ ซึ่งงานนี้ก็เชื่อว่าจะไม่ซ้ำรอยการประชุมเมื่อวันที่ 13-14 ก.พ.ที่ผ่านมาแน่นอน …๐
เอ่ยถึงรัฐสภาแล้วไม่พูดถึง “สภาสูง” ก็กระไรอยู่ เพราะมีเรื่องร้อนแรงตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าด้วย คดีฮั้วเลือก สว. ที่ “กรมสอบสวนคดีพิเศษ” หรือดีเอสไอ จ้องจะเข้ามาทำเป็นคดีพิเศษ ซึ่งแม้ล่าสุดคณะกรรมการคดีพิเศษ หรือ กคพ. จะเลื่อนการประชุมออกไปเป็นวันที่ 6 มี.ค.ก็ตามที แต่ดูโหงวเฮ้งแล้วก็บอกว่า “มวยล้มต้มคนดู” แน่นอน งานนี้เลยต้องบอกว่าสงสารบรรดา สว.สำรองที่กระดี๊กระด๊าเป็นพิเศษ ที่ถึงขั้นไปมอบดอกไม้ให้กำลังใจ “พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” รมว.ยุติธรรม พร้อมทั้ง “พ.ต.ต. ยุทธนา แพรดำ” อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่สำคัญหาก กคพ.รับคดีดังกล่าวจริงและตรวจสอบพบว่า 138 สว.มีการกระทำฮั้วเลือกขึ้นมา มันจะลามไปถึงการเทกระจาดเลือก สว.ทั้ง 200 คนกันใหม่เลยนะจ๊ะ ไม่ใช่จะเลือก สว.สำรองขึ้นมาแทนที่ การออกตัวรวดเร็วแบบกามนิตหนุ่มระวังหัวทิ่มเอาเด้อ ...๐
ทิ้งท้ายด้วยผลประชุม “คณะกรรมการนโยบายการเงิน” (กนง.) ซึ่งในที่สุดก็หั่นดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เหลือ 2% ต่อปี หลังประเมินเศรษฐกิจไทยปี 2568 มีแนวโน้มขยายตัวต่ำเหลือ 2.5% โดยรีบปัดว่ายังไม่ได้รับหนังสือทางการจาก ครม. ที่บี้ทำนโยบายการเงินให้สอดคล้องเงินเฟ้อ-การคลัง ...๐
ท.ศักดิ์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บันทึกหน้า 4
ถึงคิว "พรรคส้ม" หลังประชาธิปัตย์ประเดิมเปิด 100 รายชื่อปาร์ตี้ลิสต์เป็นพรรคแรก ถึงแม้จะเป็นการเรียงตามตัวอักษร ไม่ใช่เรียงลำดับที่แท้จริงก็ตาม พอเดากันได้ว่า 3 อันดับแรก น่าจะเป็น 3 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
บันทึกหน้า 4
ต้องบอกว่าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ณ วันนี้ยังคงร้อนแรงอยู่อย่างต่อเนื่อง ก็อย่างที่เคยบอกไว้แล้วว่า หาก “ระบอบฮุน เซน” ไม่ตายจากดินแดนเขมร ก็ยากหาความสงบลงได้
บันทึกหน้า 4
ปี่กลองเลือกตั้งดังสนั่น หลังสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดให้วันอาทิตย์ที่ 8 ก.พ.2569 เป็นวันเลือกตั้ง สส. ส่วนวันที่ 27-31 ธ.ค.2568 เป็นวันรับสมัคร สส.แบ่งเขตเลือกตั้ง 28-31 ธ.ค.2568 วันรับสมัค สส.บัญชีรายชื่อ ส่วนการทำประชามติเรื่องยกเลิกMOU 43 และ MOU 44 คงไม่มีแล้ว โดย นายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล
บันทึกหน้า 4
ขอเข้าโหมดเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ หลังคำสั่งยุบสภาเมื่อ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้สนามการเมืองที่อุ่นๆ กลายเป็นเตาแก๊สเปิดไฟแรงในพริบตา เลือกตั้งต้นปี 2569 ยังไม่ทันมาถึง แต่เกมช่วงชิงอำนาจเริ่มเดือดเกินองศา
บันทึกหน้า 4
บันทึกตอกย้ำบรรทัดแรกว่า "ไทยนี้รักสงบ!!" จากวันแรกที่มีสยามประเทศ ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศผู้รุกรานเชิงจักรวรรดินิยม ไม่เคยสร้างอาณานิคมในต่างแดน เราจะลุกขึ้นสู้เพื่อป้องกันตนเอง หรือตอบโต้ เพื่อการรักษาดินแดนของตัวเองเท่านั้น
บันทึกหน้า 4
ยังไม่ถึงเวลา! วันศุกร์นี้ "รัฐบาลอนุทิน" ยังคาดเข็ดขัดนิรภัยต่อ แม้ "นายกฯ หนู" จะบอกว่าพร้อมยุบสภาทุกเมื่อ เตรียมพระราชกฤษฎีการอไว้แล้ว ถึงจะเลื่อนเร็วขึ้นจากไทม์ไลน์เดิม 31 ม.ค. 69 แต่ไม่ใช่ 12 ธ.ค.

