
เริ่มแล้วสำหรับ “โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4” ที่คอนเซ็ปต์ยังเป็นเหมือนเดิม คือ รัฐบาลจะสนับสนุนวงเงินค่าอาหาร เครื่องดื่ม สินค้าทั่วไป และบริการนวดสปา ทำผม ทำเล็บ บริการขนส่งสาธารณะ ยกเว้นสลากกินแบ่ง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ และสินค้าหรือบริการที่กระทรวงการคลังกำหนด จากภาครัฐในอัตรา 50% ทั้งนี้ไม่เกิน 150 บาทต่อคนต่อวัน แต่รอบนี้ที่เปลี่ยนแปลงไปคือ วงเงินที่ประชาชนจะได้รับตลอดระยะเวลาโครงการ ตั้งแต่ 1 ก.พ.-30 เม.ย.2565 อยู่ที่ไม่เกิน 1,200 บาทต่อคน จากเดิม 1,500 บาทต่อคน
วงเงินใช้จ่ายที่ลดลงนั้นกระทรวงการคลังได้เคยชี้แจงว่า เนื่องจากมีการพิจารณาถึงดัชนีทางเศรษฐกิจที่ส่วนใหญ่มีการฟื้นตัวเป็นลำดับ กิจกรรมทางเศรษฐกิจดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประชาชนมีความเชื่อมั่นในการบริโภค ออกมาใช้จ่ายกันมากขึ้น สะท้อนว่าเศรษฐกิจค่อยๆ ดีขึ้น
แต่ดัชนีราคาสินค้าบริโภคมีการปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะราคาอาหารและพลังงาน รัฐบาลจึงจำเป็นต้องเข้ามาช่วยเหลือผ่านโครงการคนละครึ่ง เฟส 4 เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน
ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับสิทธิจากโครงการคนละครึ่ง เฟส 3 จำนวน 27.98 ล้านคนนั้น จะต้อง “ยืนยันสิทธิ” เพื่อเข้าร่วมโครงการในเฟส 4 ผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.2565 เป็นต้นไป และเมื่อกดยืนยันสิทธิเรียบร้อยแล้ว จะต้องเริ่มใช้สิทธิภายในวันที่ 28 ก.พ.2565 เวลา 22.59 น. หากพ้นกำหนดระยะเวลาดังกล่าวจะถูกตัดสิทธิ และสิทธิที่เหลืออาจจะนำมาพิจารณาเปิดให้ลงทะเบียนอีกครั้ง แต่หากยังประสงค์ที่จะเข้าร่วมโครงการอยู่ จะต้องลงทะเบียนเช่นเดียวกับประชาชนทั่วไป
โดยมีขั้นตอนการยืนยันสิทธิ ดังนี้ 1.กดแถบแบนเนอร์ (Banner) โครงการคนละครึ่ง ที่ปรากฏในหน้า g-Wallet ของแอปพลิเคชันเป๋าตัง ตั้งแต่ เวลา 06.00-22.00 น.ของทุกวัน 2.ระบบจะแสดงหน้าต่างเงื่อนไขการเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 โดยขอให้ประชาชนอ่านเงื่อนไขการเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 เมื่ออ่านเสร็จเรียบร้อยแล้วและยอมรับตามเงื่อนไขสามารถกดที่แถบ “ยอมรับเงื่อนไขและการใช้สิทธิ”
ส่วนประชาชนทั่วไปที่ยังไม่ได้เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง เฟส 3 สามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ.2565 จนกว่าจะครบจำนวนประมาณ 1 ล้านสิทธิ และหากผ่านเกณฑ์จะสามารถใช้สิทธิวงเงินในโครงการคนละครึ่ง เฟส 4 ได้ตั้งแต่วันที่ 17 ก.พ.-30 เม.ย.2565 โดยช่องทางการลงทะเบียนสำหรับประชาชนทั่วไปแบ่งเป็น 2 กรณี คือ 1.กรณีเป็นประชาชนที่เคยได้รับสิทธิมาตรการ/โครงการอื่นของรัฐที่มีการใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง หรือผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com และ 2.กรณีประชาชนที่ไม่มีแอปพลิเคชันเป๋าตัง สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com
อย่างไรก็ดี โครงการคนละครึ่ง เฟส 4 นั้น รัฐบาลได้สั่งเดินหน้าพร้อมๆ กับอีก 2 โครงการ คือ โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 4 ไม่เกิน 200 บาทต่อคนต่อเดือน และโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้กลุ่มเปราะบาง 2.25 ล้านคน ไม่เกิน 200 บาทต่อคนต่อเดือน ตั้งแต่ 1 ก.พ.-30 เม.ย.2565 รวมทั้งสิ้น 600 บาทต่อคน ซึ่งรัฐบาลประเมินว่าทั้ง 3 โครงการจะช่วยรักษากำลังซื้อในระบบ จากการเติมเม็ดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจในปีนี้ จำนวน 79,023 ล้านบาท และจะช่วยให้จีดีพีในปี 2565 เพิ่มขึ้น 0.21% จากคาดการณ์ว่าจะขยายตัวในช่วง 3.5-4.5% โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ 4%
ขณะที่ “ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” ได้เคยประเมินว่าแนวโน้มธุรกิจร้านอาหารในปี 2565 ยังเป็นปีที่ต้องระมัดระวัง เนื่องจากตลาดยังมีปัจจัยเสี่ยงจากการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนและสายพันธุ์อื่นที่อาจเกิดขึ้นได้ รวมถึงกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ยังไม่กลับมาฟื้นตัวดี
แต่!! ธุรกิจร้านอาหารก็ยังคงมีปัจจัยบวกสำคัญจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ที่จะเข้ามาช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายและเพิ่มกำลังซื้อของผู้บริโภค อาทิ “โครงการคนละครึ่ง เฟส 4” โดยเฉพาะร้านอาหารข้างทาง (Street Food) ที่มีหน้าร้าน จะยังขยายตัวได้ต่อเนื่องและได้รับความนิยมจากผู้บริโภคจากปัจจัยหนุนดังกล่าว เนื่องจากเป็นเมนูพื้นฐานที่เข้าถึงได้ง่าย ราคาไม่สูง ทำให้คาดว่าธุรกิจร้านอาหารข้างทางที่มีหน้าร้านในปี 2565 จะมีมูลค่าอยู่ที่ 1.84-1.86 แสนล้านบาท หรือขยายตัว 2-3%.
ครองขวัญ รอดหมวน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เสริมสร้างธรรมาภิบาลองค์กร
ธรรมาภิบาลที่เข้มแข็งเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างความไว้วางใจและดึงดูดการลงทุน ในช่วงเวลาที่นักลงทุนทั่วโลกให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและความโปร่งใสมากขึ้น ท่ามกลางกระแสการตรวจสอบกรณีทุจริตทางธุรกิจที่เกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วเอเชีย
ค้าปลีก-ร้านอาหารยังเติบโตในปี69?
เข้าสู่เดือนสุดท้ายของปี 2568 กันแล้ว แน่นอนว่าธุรกิจในปีหน้ายังคงมีโจทย์ท้าทายอีกหลายอย่างกำลังรออยู่ และตลอดปี 2568 นี้เอง ภาคธุรกิจต่างๆ ก็ไม่ง่าย! เพราะต้องเผชิญกับปัจจัยที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นตลอด
เจาะลึกเทรนด์อีคอมเมิร์ซไทย
ปัจจุบันตลาดอีคอมเมิร์ซไทยถูกขับเคลื่อนด้วยการแข่งขันของ 3 แพลตฟอร์มหลัก คือ Shopee 89%, TikTok Shop 71% และ Lazada 66% โดย 87% ของผู้บริโภคชาวไทยซื้อสินค้าออนไลน์เป็นประจำทุกสัปดาห์หรือทุกเดือน
เสริมความมั่นคงสุขภาพไทย
อุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ของไทยกำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่จังหวะใหม่ที่น่าสนใจ และสำคัญต่อความมั่นคงด้านสาธารณสุขของประเทศอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อความต้องการเครื่องช่วยหายใจชนิด CPAP/BiPAP
อัปเกรดมาตรฐานความปลอดภัย
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จับมือหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และพันธมิตรด้านอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เปิดตัวความพร้อมโครงการ “Trusted Thailand” อย่างเป็นทางการ
ดาต้าเซ็นเตอร์เพิ่มโอกาสธุรกิจไทย
ในโลกที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญ ธุรกิจที่ต้องการเติบโตอย่างมั่นคงจำเป็นต้องปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นการใช้ระบบดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า


