ภาพดวงชะตาเมืองรัตนโกสินทร์และลีลาการตรึงของพฤหัสบดีและเสาร์ ระหว่าง 19 พฤษภาคม-23 สิงหาคม 2568
พฤหัสบดีจร (5) เดินในราศีเมถุนเล็งพระเสาร์ดวงเดิม (๗) และพฤหัสบดีดวงเดิม (๕) ที่สถิตในราศีธนู
เสาร์จร (7) เดินในราศีมีน (มีช่วงเดินผิดปกติ) ทำมุมฤทธิโยคถึงพฤหัสบดีดวงเดิม (๕) และพระเสาร์ดวงเดิมที่สถิตในราศีธนู
การทำนายทางโหรนั้นมีหลายปรากฏการณ์มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งดวงเมือง สุดแท้แต่จะหยิบยกประเด็น-หลักใดมาทำนาย
สำหรับช่วงระยะเวลาระหว่าง 19 พฤษภาคม-23 สิงหาคม 2568 มีปรากฏการณ์ใหญ่ทางโหรที่เกิดในเมืองรัตนโกสินทร์ที่กำลังทั้งสร้าง ความอึดอัดแกมตื่นเต้นเร้าใจให้คนในเมืองติดตามในระดับห้ามกะพริบตา นั่นคือปรากฏการณ์ ตรึง หรือสมาสัปต์กัน ระหว่าง พฤหัสบดีหัวหน้าประธานฝ่ายดาวดี และ พระเสาร์หัวหน้าหรือประธานดาวร้าย
อธิบายการเดินของดาวคือ ปรากฏการณ์ที่พฤหัสบดีจร (5) หัวหน้าดาวดีกำลังเดินในราศีเมถุน เล็งใส่พระเสาร์ดวงเดิมของเมือง (๗) ที่ตั้งอยู่ในราศีธนูตั้งแต่วินาทีแรกที่เมืองถือกำเนิดมา เป็นหนึ่งคู่
อีกหนึ่งคู่ คือพระเสาร์จร (7) ที่กำลังเดินอยู่ในราศีมีนทำมุมพิเศษ ซึ่งทางโหรเรียกมุมฤทธิโยคถึงพฤหัสบดีดวงเดิมของเมือง (๕) ที่ตั้งอยู่ในราศีธนู เป็นอีกหนึ่งคู่
ปรากฏการณ์นี้คือตัวอย่างทางโหรเขาเรียกว่า ตรึง หรือ สมาสัปต์ เพราะคู่อื่นๆ ก็สามารถตรึงกันได้ในแต่ละดวงชะตา
ผลของปรากฏการณ์นี้ ครูโหร อุตรภัทร์ หรือ มหาบรรเทา จันทรศร ผู้ล่วงลับ ให้หลักไว้ว่า ไม่ว่าดาวคู่ใดจะตรึงกันในดวงชะตาใด จะนำผลออกแนวร้ายชวนอึดอัด ถูกบีบหน้าเขียวหน้าเหลืองด้วยกันทั้งนั้น ยกเว้นดาวคู่มิตร
หลังจากการตรึงกันแล้ว พัฒนาการใหม่ในชีวิตเรื่องที่ดาวตรึงกันเป็นตัวแทนอยู่จะตามมา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตรึงกันแบบใหญ่เจอใหญ่ระหว่างพฤหัสบดีหัวหน้าดาวดี กับพระเสาร์หัวหน้าดาวร้าย หากปรากฏในดวงชะตาใดยิ่งดูไม่จืดในระยะนั้น เพื่อบีบให้เปลี่ยนแปลงใหญ่หลังจากปรากฏการณ์ตรึงจบลง
ครอบครัวของผู้เขียนเองเคยเจอปรากฏการณ์สมาชิกรับช่วงการตรึงกันของดาวคู่นี้ เล่นเอาหน้าเขียวหน้าเหลืองจนหน้ามืด ด้วยถูกบีบให้เดินในทางแคบทางเดียวที่ไม่ตั้งใจเลือก เพราะทางที่เลือกไว้ 29 ทาง!!! พลาดไปหมด
ระยะนั้นบ้านเหมือนคลุมด้วยม่านเทาเลยทีเดียว ได้แต่ภาวนาว่าอย่าให้พบเจออีกเลย
ส่วนเมืองรัตนโกสินทร์ที่เริ่มเจอปรากฏการณ์นี้ตั้งแต่ 19 พฤษภาคม 2568 ก็จะเห็นว่า ฝ่ายพฤหัสบดีหัวหน้าดาวดี หรือกลุ่มเทวดาประจำเมืองในความหมายหลายหลากนั้น รวมถึงผู้พิพากษา กระบวนการยุติธรรม ศาล หมอหรือบุคลากรทางสาธารณสุข ฯลฯ กำลังตรึงกำลังอย่างเข้มข้นกับพระเสาร์หัวหน้าดาวร้าย ซึ่งสำหรับดวงเมืองที่ลัคนาสถิตราศีเมษแล้ว เป็นตัวแทนการบริหารราชการแผ่นดิน หรือรัฐบาล หรือคณะรัฐมนตรี
และอีกหนึ่งความหมายที่ครูโหรยอดธง ทับทิวไม้ ให้ไว้คือ บุคคลผู้เป็นที่รู้จักกว้างขวาง และ มีชื่อเสียงของประเทศ ในกรณีนี้เป็นที่รู้ชัดกันในนามแฝง สทร.
ด้วยเพราะดาวสองดวงนี้ต่างอยู่ในฐานะประธานทั้งคู่คือ ประธานดาวดีและประธานดาวร้าย เรื่องที่ตรึง-ประลองกำลังจึงใหญ่ระดับลั่นสนั่นเมือง แถมในเมืองก็เกิดบรรยากาศชวนอึดอัด อึกอักสิ้นดี
เริ่มตั้งแต่เรื่องที่มีผลออกมาแล้ว คำสั่งศาลให้อดีตนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร จ่ายค่าละเมิดโครงการรับจำนำข้าว 10,028 ล้านบาท ที่ย่อมสร้างความอัดอั้นตันใจให้ฝ่ายถูกสั่ง ชนิดไม่มีทางเลือกอื่นให้เดินเลยยกเว้นเบี้ยวไม่จ่าย
ฝ่ายกระทรวงการคลังที่ต้องตามทวงเงินน่าจะอยู่ในสถานะพะอืดพะอมจะทวงก็ลำบากใจ ครั้นจะไม่ทวงก็อาจเจอ ม.157 ละเว้นปฏิบัติหน้าที่
ตามด้วยเรื่องคุณสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขใช้พลังพระเสาร์ (รัฐมนตรี) วีโตมติแพทยสภาเรื่องลงโทษจริยธรรมแพทย์คดีชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งเรียกแขกฝ่ายพฤหัสบดี-หมอได้พรึ่บ
ซึ่งก็ต้องรอดูว่าวันที่ 12 มิถุนายนนี้ แพทยสภาจะได้เสียงสองในสามของสมาชิกทั้งหมด 70 คนยืนยันมติกลับได้หรือไม่
เหตุการณ์นี้ไม่ตรึงกำลังกันก็ไม่รู้จะเรียกอะไรแล้ว
นอกจากนี้ยังมีประเด็นวันที่ 13 มิถุนายน 2568 ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองรับไต่สวนคดีชั้น 14 เองอีก
ยังมีเรื่อง ครม.มีมติไปแล้วให้ตัด-โยกงบประมาณ 2568 เพื่อแจกเงินหมื่นจะขัดรัฐธรรมนูญ ม.144 หรือไม่ ก็รอ ป.ป.ช.พิจารณาอยู่ ซึ่งประเด็นนี้เป็นที่น่าหวาดเสียว เพราะ ครม.ที่ร่วมมติมีสิทธิ์โดนยกชุด ข่าวแว่วๆ ว่าดูเหมือนจะมีคนเดียวที่ไม่อยู่ประชุมพิจารณา คือคุณอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ฯลฯ
ทีนี้มาดูกำลังของแต่ละฝ่ายว่าเข้มขนาดไหน
ดูๆ แล้วทั้งฝ่ายพฤหัสบดีและฝ่ายพระเสาร์ต่างมีกำลังหนุนเพียบ เพราะพฤหัสบดีจร (5) ก็เล็งใส่พฤหัสบดีดวงเดิม (๕) คือกลุ่มในข่ายเทวดาประจำเมืองเดิมหนุน ส่วนพระเสาร์จร (7) ก็ทำมุมถึงพระเสาร์ดวงเดิม (๗) ซึ่งรวมทั้ง ครม.คนอื่นหนุนด้วย
ครั้นเมื่อชั่งน้ำหนักอื่นประกอบแล้ว ฝ่ายพฤหัสบดีจร (5) ดูเหมือนจะได้เปรียบ แม้สถิตราศีเมถุนมาตรฐานจะด้อยปุๆ ปะๆ แบบพลังอ่อน (ประเกษตร) แต่บุญเก่าก็เสริม (อุจจาวิลาส)
อีกทั้งราศีเมถุนที่พฤหัสบดีจรอยู่ระยะนี้กำลังเป็นดินแดนแห่งสิริมงคลของเมือง (พระพุธกำลังเป็นศรีจรของเมือง-ราศีเมถุนเป็นบ้านหรือเรือนของพระพุธ)
ขณะที่พระเสาร์จร (7) ที่กำลังเดินอยู่ในราศีมีน ที่เป็นบ้านเดิมของพฤหัสบดี (พฤหัสบดีเป็นเจ้าบ้านหรือเกษตรราศีมีน) จึงน่าจะเสียเปรียบ-เพลี่ยงพล้ำให้อีกฝ่าย เพราะต้องสู้ในดินแดนของฝ่ายตรงข้าม
ส่วนการคาดหมายผลกระทบจากการตรึงครั้งนี้ ฝ่าย พระเสาร์น่าจะเสียเปรียบ ทำให้มีการเปลี่ยนแปลง
ฉะนั้นยืนยันอีกครั้งว่า ไม่ว่าจะหัวหน้าดาวดี-ร้ายจะตรึงกำลังกันแค่ไหน น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงใหญ่ในฝั่งรัฐบาลที่คุณแพทองธาร ชินวัตรเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ ที่น่าจะมากกว่าการปรับ ครม. เพราะผลของการตรึงของดาวสองดวงนี้ ใหญ่เจอใหญ่ทั้งทีไม่น่าจะธรรมดา
มากกว่าการปรับ ครม.นั้น เป็นไปได้ตั้งแต่นายกรัฐมนตรีต้องคำพิพากษาศาลเช่นคุณเศรษฐา ทวีสิน เคยเจอ-ลาออก-ยุบสภา-ปฏิวัติ-กบฏ
ส่วนใกล้ๆ นี้ลางบีบให้ฝั่งรัฐบาลต้องเดินในทางที่ไม่อยากเดิน จะเริ่มออกอาการตั้งแต่ 2 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป (พระศุกร์ 6 กาลกิณีจรเริ่มทับลัคนาและพระอาทิตย์ดวงเดิม ๑ ดาวตัวแทนการเมืองและผู้นำ)
แล้วจะกดดันเข้มข้นต่อเป็นระยะๆ เพราะจะมีดาวคู่อื่นขนาดย่อมกว่าทยอยตรึงกันในดวงเมืองผสมโรงซ้ำเข้ามาอีกสามคู่ จนกว่าจะ 24 สิงหาคม 2568 ไปแล้ว ปรากฏการณ์ใหญ่เจอใหญ่คือ พฤหัสบดีตรึงพระเสาร์จึงจะจบลง
หลังจากนั้นหน้าตารัฐบาล-รัฐมนตรีจะเป็นอย่างไรหนอ?.*
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ถึงแม้จะไม่ปรารถนา...แต่ว่าบางครั้งยังจำเป็น
ในสังคมประชาธิปไตย การจะได้รัฐบาล ต้องผ่านครรลองของการเลือกตั้ง ไม่ใช่รัฐประหาร ในเมื่อประเทศไทยเป็นประเทศที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
เทศนาปาฏิหาริย์!!!
ด้วยเหตุเพราะอ่านหนังสือซะหมดบ้าน!!! อย่างที่เคยบอกๆ เอาไว้แล้ว ก็เลยต้องหันไปคว้าหนังสือเก่า ว่าด้วยเรื่อง จาริกบุญ-จารึกธรรม ของ พระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยุตฺโต)
จับตา 'เรือฟริเกต' ลำที่ 2
เกือบครบ 1 เดือนพอดีตั้งแต่เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. 2568 ที่ ผบ.ต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. มีหนังสือบันทึกข้อความ เรื่องประกาศลำดับอาวุโสข้าราชการตำรวจ
ไทม์ไลน์ระยะจุดระเบิดสู่ระยะคลี่คลายทางการเมืองรอบนี้
ในที่สุดความผันผวนจัดทางการเมืองที่มาพร้อมกับ ความอึดอัด กลืนไม่เข้าคายไม่ออก คล้ายๆ การเมืองถูกตรึง ที่เคยทำนายไว้ว่า จะเกิดระหว่าง 19 พฤษภาคม-23 สิงหาคม 2568 อันจะทำให้มีการเปลี่ยนแปลงที่ สูงกว่าปรับคณะรัฐมนตรี
พ่อเคยทำไทยแตกแยก...ลูกก็มาทำอีกแล้ว
พ่อเคยทำให้ประเทศไทยเข้าสู่ภาวะของความขัดแย้ง เกิดกีฬาสีระหว่างเสื้อเหลืองกับเสื้อแดง มีความรุนแรงถึงกับทำร้ายกัน เข่นฆ่ากัน ตายนับสิบ เจ็บนับร้อย
ว่าด้วย‘นักวิเคราะห์ข่าวต่างประเทศ’
เคยมี เพื่อนซี้ เป็นชาวเขมรอยู่รายหนึ่ง...ชื่อว่า เขียว กัณหฤทธิ์ ที่เคยเป็นถึงรัฐมนตรีกระทรวงข่าวสารของกัมพูชา ในรัฐบาลของอดีตนายกฯ ฮวยเซ็ง นี่แหละ