บันทึกหน้า 4

ต้องบอกว่ารัฐบาล (พ่อ) เลี้ยงของนายกฯ แพทองโพยนั้น มักจะเจริญรอยตามรัฐบาลลุงตู่อยู่เนืองๆ เรียกได้ว่าเป็น พฤติกรรมเกลียดตัวกินไข่ก็ว่าได้ เพราะนอกจากเรื่องการดึงพรรคลุงมาร่วมรัฐบาลแล้ว แม้แต่การเลือกวันพุธในการเดินทางไปปฏิบัติภารกิจต่างจังหวัดก็ยังเหมือนๆ กัน อีกต่างหาก ...

แต่ที่ชาวบ้านร้านถิ่นเขาสงสัยกันหนักหนาคือ การลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชานั้น เหตุการณ์มันเกิดที่ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี แต่ “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะกลับเลือกไปอำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ก็ไม่รู้ว่า กลัวเสียหน้า เพราะก่อนหน้านี้อนุทิน ชาญวีรกูลรองนายกฯ และ รมว.มหาดไทยได้ลงพื้นที่มาก่อน หรือไม่อย่างไร ...

แล้วที่ชาวบ้านเขาข้องใจอย่างมากกับ “นายกฯ อิ๊งค์” นายกฯ ไทย คือการลงพื้นที่เรื่องแรกที่มีกล่าวอ้างถึง แทนที่จะแสดงจุดยืนเรื่องดินแดนและอธิปไตยของบ้านเกิดเมืองนอน กลับไปซักไซ้ไล่เลียงเรื่องวันเวลาเปิด-ปิดด่าน พร้อม สั่งให้พื้นที่ไปประสานฝั่งเขมรเพื่อให้เปิด-ปิดด่านตรงกันด้วย โดยอ้างเรื่องการค้าขายที่เป็นผลประโยชน์ประชาชนในพื้นที่ ทั้งที่ “พล.ท.บุญสิน พาดกลาง” แม่ทัพภาคที่ 2 ชี้แจงว่ามีการเปิด-ปิดที่ไม่ตรงกัน เพราะมีนัยบางอย่าง เหมือนลักษณะของการเมืองเล็กน้อย แต่ดูเหมือนนายกฯ อิ๊งค์จะไม่เข้าใจแต่ประการใด ...

งานนี้คงต้องให้ดู ตัวอย่างที่กองกำลังบูรพาโดย ..ปฏิวัติ เฟื่องประภัสสร์ รองผู้บัญชาการกองกำลังบูรพาหารือทหารกัมพูชาขยายเวลาเปิด-ปิดจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึกให้แค่นักเรียนกัมพูชาข้ามมาไทย ช่วงเช้า 06.00-08.00 น. ช่วงเย็น 17.00-18.00 น. ส่วนมาตรการอื่นๆ ยังคงเดิม เปิดด่าน 08.00-16.00 น. เพราะเรื่องดังกล่าวถือเป็นเรื่องใหญ่ จะมา เอาการค้าขายทั้งที่เป็นผลประโยชน์ระยะสั้นมาแลกกับการธำรงไว้ซึ่งดินแดนและอธิปไตย รวมถึงศักดิ์ศรีประเทศไม่ได้ ตราบใดที่ “กัมพูชา” ยังกระเหี้ยนกระหือรือในการตีกินพื้นที่ประเทศ ก็ไม่รู้ว่าแนวคิดของ “แพทองธาร” ที่เสนอมานั้น ออกมาเองหรือมีการปรึกษาหารือกับ “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกฯ และ รมว.กลาโหมแล้วหรือยัง หรือโพล่งออกมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยกันแน่ ...

หันมาส่องเรื่องการเมืองว่าด้วยการปรับคณะรัฐมนตรีกันบ้าง เพราะ หลังจากคุณพ่อ สทร.” ทักษิณ ชินวัตร ปูดทวงกระทรวงออกมา แล้วคุณหนูอิ๊งค์ก็ระบุตามมาว่ามีแนวคิดปรับเก้าอี้เช่นกัน แต่หลังจาก “เสี่ยหนู” ยืนยันโควตาตอนจับมือตั้งรัฐบาล หรือ “ปฏิญญาช็อกมินต์” นั้น ก็เรียกว่าแต่ละคนกลับเงียบหายเข้ากลีบเมฆกันเลยทีเดียว ...

ต่างจากพรรครวมไทยสร้างชาติของ “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” ที่ต้องบอกว่าพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกกันอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดก็เกิด ปฏิกิริยาสาวไส้ให้กากินกันหนักข้อเข้าไปอีก หลังจาก 21 สส. ส่งหนังสือถึงนายกฯ เพื่อขอปรับเก้าอี้ในส่วนของ รทสช. โดยล่าสุด “สุชาติ ชมกลิ่น” รมช.พาณิชย์ ในฐานะรองหัวหน้าพรรค รทสช. ก็ออกมาแฉเหตุไม่รับสาย “เอกนัฏ พร้อมพันธุ์” รมว.อุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรค รทสช. เพราะโทรมาชวนให้จับมือกันขับหัวหน้าดีกว่า แต่สงสัย “เลขาฯ ขิง” จะยังมั่นใจในความเชื่อใจของ “พีระพันธุ์” อยู่ เพราะล่าสุดได้โพสต์ภาพผ่านเฟซบุ๊กไปนั่งกินก๋วยเตี๋ยวกับ “คุณพี” และ “โฆษกชงหวาน” อย่าง “อัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์” พร้อมระบุว่า “รทสช.ไปต่อ หัวหน้าชื่อพีระพันธุ์ เลขาฯ ชื่อเอกนัฏ โฆษกชื่ออัครเดช เหมือนเดิม” ...

งานนี้คงต้องติดตามกันต่อไปว่า รทสช.ได้ไปต่อนั้น จะไปพร้อมรัฐบาลนี้หรือไม่อย่างไร เพราะกระแสล่าสุดก็มีชื่อจตุพร บุรุษพัฒน์หรือปลัดตุ๋มปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ได้ยื่นใบลาออกจากตำแหน่ง เพื่อเตรียมไปนั่งเป็นหัวหน้าพรรคโอกาสใหม่และรับตำแหน่ง รมว.พลังงานในการปรับ ครม.แล้วจ้า ...

ทิ้งท้ายด้วยข่าวการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 นัดแรก ที่ต้องบอกว่า “ร้อนฉ่า” อย่างยิ่ง และต้อง ปรบมือให้กับชาดา ไทยเศรษฐ์สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย ที่ยังคงความเป็นคนลูกทุ่งใจนักเลงไม่เปลี่ยนแปลง เมื่อสอบถามเรื่องคาหัวใจคนไทยทั้งประเทศกับธนาคารแห่งประเทศไทย ว่า “อยากให้ธนาคารแห่งประเทศไทยตอบตรงนี้ สมองของผมจะได้หายโง่ ว่าใครดูแลธนาคาร ใครมีอำนาจในการตั้งค่าธรรมเนียม เพราะแม้กระทั่งเงินของภาครัฐก็ต้องเสียดอกเบี้ย” ก็ไม่รู้ว่าแบงก์ชาติจะตอบอย่างไร แต่ที่แน่ๆ ความจริงที่ ชาวบ้านตาดำๆ เจอ ก็เหมือนกับที่ชาดาสงสัยนั่นแลว่าค่าธรรมเนียม-ดอกเบี้ยกู้สูงลิบลิ่ว แต่ดอกเบี้ยฝากกลับเตี้ยติดดิน โดย ธปท.ไม่เคยที่จะใส่ใจแต่ประการใดเลย ...

 

.ศักดิ์

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

บันทึกหน้า 4

เหนือ "ทักษิณ" ยังมีฮุน เซน! ชาวโลกรู้กันดีอิทธิฤทธิ์หน้าเหลี่ยมไม่เป็นสองรองใคร เพทุบายสารพัดจนระบอบทักษิณคืนชีพ ไม่คิดว่าจะมีวันนี้ เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด จนต้องเอ่ยปากถึงขั้นช็อก

บันทึกหน้า 4

ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าเป็นเวรเป็นกรรมของประเทศไทยดีหรือไม่ เพราะไม่ใช่มีแต่ “ไทยแลนด์โอนลี” ประเทศเดียวที่โดนพิษของ “ทรัมป์ 2.0” ในเรื่องภาษีการค้าด้วย โดยตัวเลขที่รู้ๆ กันอยู่คือ 36%

บันทึกหน้า 4

ช็อกไปตามๆ กัน เมื่อ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ เผยแพร่ภาพจดหมายระบุว่า สหรัฐจะตั้งกำแพงภาษีต่างตอบแทนต่อสินค้านำเข้าจากประเทศไทยในอัตรา 36% เริ่มตั้งแต่ 1 ส.ค.2568

บันทึกหน้า 4

เฉลยออกมาแล้ว หลังพยายามเก็บงำตั้งแต่การประชุม ครม.นัดพิเศษเมื่อวันที่ 3 ก.ค. หลัง ปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ระบุว่า อำนาจรักษาราชการแทนนายกฯ ยุบสภาไม่ได้ สวนทางกับความเห็นของ วิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกฯ ที่บอกว่ายุบสภาได้

บันทึกหน้า 4

เริ่มต้นด้วยบันทึกเชิงกลัดกลุ้มใจ ..ประเทศไทย!!ยังไงต่อไป?!? เพราะเป็นคำถามยอดนิยมในทุกช่องโซเชียล เมื่อวันที่ "อุ๊งอิ๊ง" ต้อง “หยุดปฏิบัติหน้าที่” ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ..ตอบตรงไปตรงมา ..ก็ทนๆ กันไป เพราะการปรับ ครม.สดๆ ร้อนๆ "นอมินี" จากกลุ่มอำนาจเดิมก็ยังคงลอยหน้าลอยตาเข้ามาด้วยการจัดโครงสร้างเดิมๆ

บันทึกหน้า 4

ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา! ดันทุรังหามกันต่อไป ถึงเชิงตะกอนเมื่อไหร่ได้เผาจริง "แพทองธาร ชินวัตร" กลับเข้าทำเนียบรัฐบาลอีกครั้ง ในฐานะ "รมว.วัฒนธรรม" คนใหม่ หลังเข้าร่วมประชุม ครม.นัดพิเศษ ก็ดอดขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า เก็บของเพิ่มเติมจากเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ถือฤกษ์ 09.29 น. เข้ากระทรวง วธ. วันศุกร์นี้ ปิดหูปิดตาไม่สนเสียงเตือนดังลั่นทั้งประเทศ