การเมืองกดดันเศรษฐกิจ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองภาพรวมเศรษฐกิจปัจจุบันหลังผ่านวิกฤตต้มยำกุ้ง 28 ปี โดยนับจากวันที่ 2 ก.ค.2540 มาจนถึงปัจจุบันวันที่ 2 ก.ค.2568 นับเป็น 28 ปีครบรอบการประกาศลอยตัวค่าเงินบาท ซึ่งเป็นผลพวงมาจากความไม่สมดุลของเศรษฐกิจภายในประเทศ และการผูกค่าเงินบาทไว้กับตะกร้าเงิน

ขณะที่บริบทเศรษฐกิจปี 2568 ได้ปรับเปลี่ยนไปมากจากช่วงวิกฤตต้มยำกุ้งปี 2540 ทั้งในมิติของทุนสำรองระหว่างประเทศที่อยู่ในระดับสูง และสูงกว่าหนี้ต่างประเทศระยะสั้นถึง 3 เท่า ระบบธนาคารพาณิชย์มีความเข้มแข็ง เงินสำรองอยู่ในระดับสูง และมีกลไกเร่งจัดการปัญหาหนี้เสีย เพราะได้บทเรียนจากช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง

อย่างไรก็ดี โจทย์เศรษฐกิจปี 2568 มี 3 เรื่องสำคัญ คือ ความกังวลต่อทิศทางแข็งค่าของเงินบาท แม้ความผันผวนของเงินบาทปี 2568 จะน้อยกว่าช่วงปี 2540, แนวโน้มเศรษฐกิจไทยชะลอตัวจากผลของ Tariffs สหรัฐ เศรษฐกิจโลกที่เสี่ยง และปัญหาเชิงโครงสร้างของไทย และกระสุนทางการคลังเผชิญข้อจำกัดมากขึ้น

ขณะที่ KKP Research ยังคงประเมินว่า เศรษฐกิจไทยจะไม่ได้รับประโยชน์จากการปรับตัวดีขึ้นของเศรษฐกิจโลกตามสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่ปรับตัวดีขึ้นมากนัก เนื่องจากเศรษฐกิจในประเทศยังคงเผชิญแรงกดดันหลายด้าน ทั้งปัจจัยเชิงโครงสร้างระยะยาว และปัจจัยลบในปี 2568 ที่สำคัญคือ การชะลอตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะจีน การผลิตภาคอุตสาหกรรมที่มีโอกาสกลับมาชะลอลงในช่วงครึ่งหลังของปี การบริโภคในประเทศที่ยังคงอ่อนแอตามสินเชื่อที่หดตัว ตลอดจนความไม่แน่นอนทางการเมืองที่รุนแรงขึ้น ส่งผลให้ KKP Research ปรับลดคาดการณ์ GDP ปี 2025 เหลือ 1.6% จาก 1.7% และปี 2026 เหลือ 1.5%

ด้าน กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่และเลขานุการบริษัท ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL มองว่า ในช่วงที่ผ่านมาธนาคารได้มีการปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2568 เติบโตที่ 2% และมีแนวโน้มไปในทางต่ำ (Down side) จากช่วงปลายปีก่อนที่คาดการณ์ไว้ประมาณ 3% เนื่องจากปัจจัยขับเคลื่อนหลัก ไม่ว่าจะเป็นการส่งออกที่จะได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีตอบโต้ของทรัมป์หลังจากครบกำหนดไว้ 3 เดือน ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงภาคการท่องเที่ยวที่จำนวนนักท่องเที่ยวจีนชะลอลง นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ลักพาตัวในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และล่าสุดความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศเอง ซึ่งหากมองกรณีเลวร้าย (Worst Case) จีดีพีอาจโตเพียง 1.5% ก็เป็นได้

"ประมาณปลายปีที่แล้ว เราคาดการณ์จีดีพีไทยปีนี้เติบโตที่ 3% จากการขับเคลื่อนของภาคการส่งออก, ท่องเที่ยว การลงทุนโดยตรง และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล แต่เมื่อผ่านมาได้ระยะหนึ่งก็เห็นว่าแรงต้านเยอะ การส่งออกอาจจะดีในช่วงต้นปี จากการเร่งนำเข้าสินค้าของผู้ประกอบการสหรัฐ แต่หลังจากนี้ก็คงชะลอลง ขณะที่การท่องเที่ยวก็ไม่เป็นไปตามคาด หลังจากเกิดเหตุลักพาตัวนักท่องเที่ยวชาวจีนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ นักท่องเที่ยวจีนจากที่เคยบวก 20% กลายเป็นติดลบ 2-3% แล้ว ซึ่งมองว่าจะกลับมาโดยเร็วคงยาก นักท่องเที่ยวต่างชาติได้ 35.5 ล้านคนก็ดีแล้ว"

นอกจากนี้ยังระบุว่า ความไม่แน่นอนทางการเมืองจะทำให้ธุรกิจเกิดความลังเลในการตัดสินใจลงทุนของภาคเอกชน ทำให้ความกระฉับกระเฉงในการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลหายไป แรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจจากภาครัฐก็มีน้อยลง ทำให้เราปรับประมาณการเศรษฐกิจโตที่ 2%+Downside สำหรับปีนี้ แต่ตอนนี้ก็ยังเร็วไปที่จะมีการทบทวนเป้าหมายใหม่คงต้องรอให้ปัจจัยต่างๆ ชัดเจนขึ้น

เช่นเดียวกับ อมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย มองว่า เศรษฐกิจ​ไทยปีงูเผชิญแรงกดรอบด้านเดือดดาลเหมือนงูไฟ ทั้งอสังหาริมทรัพย์ซบเซา นักท่องเที่ยวหาย​ การบริโภคแผ่ว​ ตลาดยานยนต์ซึม​ กำลังซื้ออ่อนแอ​ สินเชื่อหดตัว อัตราดอกเบี้ยสูง เงินบาทแข็งกระทบส่งออก​ การเมือง​สั่นคลอน​ ปัจจัยต่างประเทศร้อนแรง​ ในฉากทัศน์นี้ กรณีฐาน (Base case) คาด GDP ปีนี้โตแค่ 1.8% เข้าข่ายเศรษฐกิจชะงักงัน และอาจเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิค หาก GDP หดตัวต่อเนื่องสองไตรมาสติดใน Q3 และ Q4 โดยเฉพาะหากปัจจัยลบหนักกว่าคาด เช่น สงครามน้ำมัน ราคาน้ำมันพุ่ง หรือการเมืองไทยยืดเยื้อ ยิ่งกดดันเศรษฐกิจให้ขยายตัวต่ำสุดเหลือเพียง 1.4% กรณีดีที่สุด (Upside) หากส่งออกฟื้น มาตรการกระตุ้นกระจายตัวได้จริง การเมืองไม่ป่วน และน้ำมันลดราคา GDP มีโอกาสโตได้สูงสุดราว 2.3%

พร้อมทั้งมองว่า ไม่ว่าฉากทัศน์ไหน จะรุ่ง​ รอด​ หรือริ่ง​ สัญญาณชัดคือเศรษฐกิจไทยยังเสี่ยงโตต่ำต่อเนื่องไปถึงปีหน้า หากยังไม่เร่งแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างอย่างจริงจังและยั่งยืน ซึ่งจะทำให้ไทยสูญเสียความน่าสนใจในการลงทุนจากต่างชาติ”.

 

บุญช่วย ค้ายาดี

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เสริมสร้างธรรมาภิบาลองค์กร

ธรรมาภิบาลที่เข้มแข็งเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างความไว้วางใจและดึงดูดการลงทุน ในช่วงเวลาที่นักลงทุนทั่วโลกให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและความโปร่งใสมากขึ้น ท่ามกลางกระแสการตรวจสอบกรณีทุจริตทางธุรกิจที่เกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วเอเชีย

ค้าปลีก-ร้านอาหารยังเติบโตในปี69?

เข้าสู่เดือนสุดท้ายของปี 2568 กันแล้ว แน่นอนว่าธุรกิจในปีหน้ายังคงมีโจทย์ท้าทายอีกหลายอย่างกำลังรออยู่ และตลอดปี 2568 นี้เอง ภาคธุรกิจต่างๆ ก็ไม่ง่าย! เพราะต้องเผชิญกับปัจจัยที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นตลอด

เจาะลึกเทรนด์อีคอมเมิร์ซไทย

ปัจจุบันตลาดอีคอมเมิร์ซไทยถูกขับเคลื่อนด้วยการแข่งขันของ 3 แพลตฟอร์มหลัก คือ Shopee 89%, TikTok Shop 71% และ Lazada 66% โดย 87% ของผู้บริโภคชาวไทยซื้อสินค้าออนไลน์เป็นประจำทุกสัปดาห์หรือทุกเดือน

เสริมความมั่นคงสุขภาพไทย

อุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ของไทยกำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่จังหวะใหม่ที่น่าสนใจ และสำคัญต่อความมั่นคงด้านสาธารณสุขของประเทศอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อความต้องการเครื่องช่วยหายใจชนิด CPAP/BiPAP

อัปเกรดมาตรฐานความปลอดภัย

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จับมือหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และพันธมิตรด้านอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เปิดตัวความพร้อมโครงการ “Trusted Thailand” อย่างเป็นทางการ

ดาต้าเซ็นเตอร์เพิ่มโอกาสธุรกิจไทย

ในโลกที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญ ธุรกิจที่ต้องการเติบโตอย่างมั่นคงจำเป็นต้องปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นการใช้ระบบดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า