ท่าดีอย่าทีเหลว

ต้องบอกว่าเห็นแล้วถูกอก ถูกใจ เป็นการปรับ เป็นการแก้ปัญหาที่ถูกจุดอีกครั้งของ “สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” ในงานด้านการบริหารงานบุคคล ที่เสนอคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) แก้ไขคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งฯ โดยการเข้าสู่ตำแหน่งสายงานปฏิบัติการป้องกันปราบปราม สืบสวน สอบสวน จราจร และบริหารงานป้องกันปราบปราม ตั้งแต่ระดับ สารวัตร (สว.)  ถึง ผู้กำกับการ (ผกก.)

ต้องเคยดำรงตำแหน่งระดับรองลงไปในสายงานสอบสวนทุกระดับ!!!

จน ก.ตร.มีมติอนุมัติแก้ไขคุณสมบัติดังกล่าวตามที่เสนอเป็นที่เรียบร้อย

เพราะการทำงานของตำรวจสายปฏิบัติการหัวใจสำคัญคือ “งานสอบสวน” แต่ “ตำรวจ” ส่วนใหญ่ โดยเฉพาะพวกมีเส้น มีสาย มีนายคอยช่วยเหลือ มักไม่ค่อยมีใครอยากอยู่งานสอบสวน ซึ่งเป็นงานเอกสาร งานเขียนสำนวน ต้องนั่งหลังขดหลังแข็งพิมพ์สำนวนคดี

ไม่เท่ ไม่บู๊ เหมือนสายงานอื่นๆ

ถ้าถามใจ “ตำรวจ” ร้อยคน หากให้เลือกสายงานเกือบทั้งหมดน่าจะขอไปอยู่งานสืบสวน งานป้องกันปราบปราม หรืองานจราจร งานสอบสวนน่าจะมีพวกใจรักจริงๆ และอยากมาอยู่ไม่น่าจะถึง 10%

การเพิ่มกฎ เพิ่มกติกา เพิ่มคุณสมบัติในการแต่งตั้ง  สว.-ผกก. หากใครมีตำแหน่งสูงขึ้น ต้องผ่านงานสอบสวนแต่ละระดับนั้นมาก่อน เป็นนโยบายที่มาถูกทาง

ยิ่งมามีออปชันให้ผู้ที่มีคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่งไม่ครบถ้วน จะต้องผ่านการทดสอบความรู้เพิ่มเพื่อทดแทนประสบการณ์งานสอบสวน

ก็ถือเป็นทางเลือกให้ “ตำรวจ” ที่ดี โดยเฉพาะทั้ง 2 ทางนั้นมุ่งเป้าไปที่การแก้ปัญหาการขาดความรู้ ความสามารถ เกี่ยวกับงานสอบสวน เกี่ยวกับคดี ที่เมื่อมาเป็นหัวหน้าหน่วย หัวหน้าโรงพัก หัวหน้าสายงานในแต่ระดับ ต้องสัมผัสกับประชาชนตรงๆ แล้ว

เหมาะสมลงตัวทุกประการ!!!           

เพียงแต่ว่าเมื่อ “นโยบาย” ดีแล้ว “ปฏิบัติ” ก็ต้องดีตามไปด้วย โดยเฉพาะ “ผู้บังคับบัญชา” พวก “นาย” ทั้งหลาย อย่ามาซิกแซ็ก อย่ามาทำลายแนวทางดีๆ เสียเอง

เมื่อกำหนดให้ทดสอบความรู้ ซึ่งตามไทม์ไลน์กำหนดทำสอบความรู้กันไว้ถึง 3 ครั้ง คือครั้งที่ 1 ทดสอบในวันอาทิตย์ที่ 27 ก.พ.65 ครั้งที่ 2 และ 3 ทดสอบในวันอาทิตย์ที่ 22 พ.ค.65 และวันอาทิตย์ที่ 21 ส.ค.65 ก็ต้องสอบกันจริงๆ จังๆ ใครไม่ผ่านก็ต้องไม่ผ่าน ไม่ใช่แค่ทดสอบกันเป็นพิธีกรรมเท่านั้น

เช่นเดียวกับการมาอยู่ในตำแหน่ง “สอบสวน” ก็ต้องทำสำนวน ทำคดีกันจริงๆ ไม่ใช่แค่มีชื่อเป็นพนักงานสอบสวน แต่ตัวไปช่วยราชการอยู่สำนักงานผู้บังคับบัญชา หรือไปติดตามนาย ต้องมีสำนวนเพียงพอเป็นประจักษ์ เป็นค่าเฉลี่ยสำนวนคดีโรงพักนั้นๆ ต่อพนักงานสอบสวนทั้งหมด  ถึงจะเหมาะสม

ไม่ใช่แค่แปะชื่ออยู่ "สอบสวน" เอาคุณสมบัติเพื่อเลื่อนตำแหน่ง หรือเอาเงินประจำตำแหน่ง แต่สำนวนไม่ทำ เหมือนที่กำลังถูกวิจารณ์กันอยู่ในตอนนี้

นโยบายดีๆ จะบ้อท่า...น่าเสียดาย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เก้าอี้ 'ผบ.ตร.' เปลี่ยน!

มีสัญญาณที่น่าสนใจ ที่น่าจับตา ภายในรั้ว "กรมปทุมวัน" หลังจากนายกรัฐมนตรี มีคำสั่งเด้งแพ็กคู่ 2 นายพล ทั้ง บิ๊กต่อ-พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และบิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี

แฉมาตายหมู่!

ช่วงนี้ขออนุญาตไม่รับนัดใคร ไม่ขอไปไหนไกลเกิน 2 ลี้ เดี๋ยวลุกจากเก้าอี้แถวหน้าเวทีมหกรรมแห่งการแฉ "แวดวงสีกากี" แล้วจะเสียม้า เสียที่ ไม่ได้ยินเรื่องราวเต็มสองหู ไม่ได้เห็นด้วยตาแบบชัดๆ

กวาดขยะใต้พรหม

ก็เข้าใจอยู่แหละ ท่าที "ตำรวจ" จากผลพวง 2 ปมร้อน 2 ประเด็นใหญ่ ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ทั้งเรื่อง "ฝรั่งเตะหมอภูเก็ต" และ "วันกะเทยผ่านศึก"

หยุดพูดไม่หยุดคดี

ไม่เสียแรงได้รับฉายาจากสื่อสายอาชญากรรมว่า "มือปราบสายธรรมะ" พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล แม่ทัพใหญ่สีกากี สามารถสงบศึก "น้ำลาย" ระหว่าง 2 บิ๊กตำรวจ ได้ภายใน 3 วัน

แมวเก้าชีวิต?

ประเด็นร้อนๆ ในแวดวง "สีกากี" อันเป็นผลพวงมาจากคดีเว็บพนันฟุตบอลเครือข่ายมินนี่ ที่ล่าสุดลามมาถึง "บิ๊กสีกากี" เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง

เสียงพนักงานสอบสวน

เมื่อช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ได้เห็นเพจ "พนักงานสอบสวนหญิง" โพสต์ข้อความที่น่าสนใจ ที่ผู้ใหญ่ ผู้บังคับบัญชา น่าจะรับรู้ รับฟัง เลยต้องขออนุญาตนำโพสต์ดังกล่าวมาเผยแพร่ต่อ