อนาคต...ที่ยังนึกไม่ออก!!!

ก็ยังอยู่ในระหว่างช่วงจังหวะแห่งการ นึกไม่ออก-บอกไม่ถูก...ว่าสุดท้ายมันจะออกไปในรูปไหน รูไหน กันแน่!!! สำหรับ การเมืองไทย ที่ยังคงพลิกไป-พลิกมา พลิกซ้าย-พลิกขวา เกิดการย้ายข้าง ย้ายฝ่าย เปลี่ยนข้าง เปลี่ยนฝ่าย หลังจากที่ได้แบ่งข้าง แบ่งฝ่าย แยกข้าง แยกฝ่าย มาโดยตลอด นับแต่ช่วง ทศวรรษแห่งความมืดมน เท่าที่ผ่านมา...

------------------------------------------------

คือถ้าหากเป็น ฟุตบอลสโมสร ก็น่าจะอยู่ในช่วงระหว่างต้องหา โค้ช หรือหาตัว นักเตะ ฝีเท้าดีๆ ไม่ได้ตีนบอด ตีนสึก เข้ามาเสริมทัพโดยเร็ว พร้อมๆ กับการเปลี่ยนถ่าย ผ่องถ่าย พวกที่ใจฝ่อ ใจคอห่อเหี่ยว ไม่มีความกระหายในการทำประตู ในการเอาชนะฝ่ายตรงกันข้าม ซึ่งคงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ

ที่จะหาข้อยุติ หา จุดลงตัว กันได้ง่ายๆ เพราะบางสโมสรอาจต้องใช้เวลาเป็นเดือนๆ ปีๆ เอาเลยก็ไม่แน่ แม้แต่สโมสรยอดฮิตของแฟนบอลทั่วโลก อย่างระดับ ผีแดง-แมนยูฯ ก็เถอะ แม้จะเปลี่ยนโค้ช เปลี่ยนนักเตะ ถึงขั้นสามารถคว้าตัวจอมสับขาหลอก อย่าง ไอ้โด้-คริสเตียโน โรนัลโด มาเป็นหัวหอก หัวหงอก ก็แล้วแต่ กลับดันตีนสึก ตีนบอด ซะดื้อๆ!!! ส่งผลให้บรรดา แฟนผีแดง ทั้งหลายน้ำตาตก หัวอกยังคงกลัดหนอง อยู่จนตราบเท่าทุกวันนี้...

-----------------------------------------------

ขณะที่ หงส์แดง-ลิเวอร์พูล หรือ ลิเวอร์พรุน ที่เคยพรุนแล้ว พรุนเล่า มาโดยตลอด เมื่อซักหลายต่อหลายปีที่แล้ว แต่จะเป็นเพราะโชคดี โชคช่วย บุญหล่นทับ บุญบังเอิญ หรือจะด้วยสาเหตุใดๆ คงต้องไปสรุปกันเอาเอง แต่เมื่อได้นักเตะมัมมี่ อียิปต์ ที่จะผ่านกระบวนการดองศพ หรือกระบวนใดๆ ก็ยากจะสรุป อย่าง โมฮัมหมัด ซาลาห์ เข้ามาร่วมทีม ได้นักเตะผิวสีแห่งเซเนกัล อย่าง ซาดีโย มาเน มารับหน้าที่หัวหอก หัวหงอก ภายใต้การคุมทีมของชาวเยอรมัน ที่ค่อนข้างพิถีพิถันเอามากๆ กับรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อย่าง เจอร์เกน คล็อปป์ ทุกสิ่งทุกอย่าง...มันเลยระเบิดเถิดเทิง แบบแทบไม่หลงเหลือความเจ็บช้ำ ความปวดร้าวในอดีต ติดอยู่ในความทรงจำ ติดปลายนวมอยู่อีกเลย...

--------------------------------------------------

อันนี้นี่แหละ...ที่คงไม่ได้ผิดแผก แตกต่าง ไปจากสิ่งที่เรียกว่า การเมือง มากมายซักเท่าไหร่ เพราะไม่ว่าจะเกิดการแบ่งข้าง แบ่งฝ่าย แยกข้าง แยกฝ่าย กันในแบบไหน อย่างไร ก็ตามที แต่ภายในข้างแต่ละข้าง แต่ละฝ่าย มักหนีไม่พ้นต้องเกิดการเปลี่ยนข้าง ย้ายข้าง เปลี่ยนสโมสร เปลี่ยนสังกัด เกิดการซื้อตัว ยืมตัวและดึงตัว แบบเดียวกับบรรดานักฟุตบอลทั้งหลาย หรือแม้แต่กระทั่งโค้ชก็ตามที จะโดยอาศัย กล้วย หรืออาศัย ผลตอบแทน ใดๆ ก็แล้วแต่จะว่ากันไป แต่นั่นก็ใช่ว่าจะก่อให้เกิด จุดลงตัว เกิดข้อยุติ ในการทำทีม สร้างสรรค์ทีม ได้อย่างฉับพลัน-ทันที อย่างน้อย...ยังคงต้องใช้เวลาในการปรับตัว ปรับสภาพ ไม่ว่าระหว่างนักเตะด้วยกัน ระหว่างนักเตะกับโค้ช ไปจนถึงระหว่างโค้ชกับผู้บริหารสโมสร ฯลฯ ที่คงต้องสะสางรายละเอียดกันอีกเยอะ...

--------------------------------------------------------

ด้วยเหตุนี้...การดึงตัว ยืมตัว หรือซื้อตัว แรมบ้า ให้เปลี่ยนข้าง ย้ายข้าง กลายมาเป็น แรมโบ้ เปลี่ยนให้เสื้อแดงตัวพ่ออย่าง อานนท์ หันมาใส่เสื้อเหลืองกันแทนที่ เปลี่ยนคนแก่ คนชรา อย่าง พี่หวิล แห่งพรรคประชาธิกัด ให้กลายสภาพ กลายพันธุ์ กลายเป็นคนรุ่นใหม่ แห่งพรรคก้าวไกล ได้อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ก็คงต้องเชื่อ หรือกระทั่งการดึงตัว ผู้กองแป้ง หรือ ผู้กองธรรมนัส จากผู้เคยผลิต ผู้เคยรับจ้างขนส่งแป้งมันตราปลามังกร ให้ขึ้นชั้น ยกระดับ กลายมาเป็นหัวหอก-หัวหงอกในการทำประตูของทีมสโมสรรัฐบาล ก่อนที่จะเกิดความขัดอก ขัดใจ กันในเรื่องค่าตัว หรือเรื่องใดๆ ก็แล้วแต่ จนต้องนำไปสู่การเปลี่ยนข้าง ย้ายข้าง กลายมาเป็น หอกข้างแคร่ ของรัฐบาลไปแทนที่ ฯลฯ อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้นี่แหละ ที่มันคงต้องใช้เวลา รอเวลา ที่จะนำไปสู่ข้อยุติ นำไปสู่จุดลงตัว กันอีกเยอะ...

---------------------------------------------------------

ดังนั้น...ในระหว่างที่เกิดการเปลี่ยนข้าง สลับข้าง ย้ายข้าง ในลักษณะเช่นนี้ มันจึงยังไม่อาจสรุปได้ชัดเจน ว่าใครจะชนะ ใครแพ้ ใครมีสิทธิ์คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาลนี้ ฤดูกาลหน้า หรือยังคงต้อง นึกไม่ออก-บอกไม่ถูก กันไปอีกนาน อันเนื่องมาจากต่างฝ่าย ต่างก็มี ค่าตัว ไปด้วยกันทั้งสิ้น และพร้อมเสมอที่จะย้ายข้าง ย้ายฝ่าย เปลี่ยนข้าง เปลี่ยนฝ่าย ขึ้นอยู่กับว่าใคร หรือทีมหนึ่ง ทีมใด สามารถเสนอ ข้อเสนอที่เอ็งมิอาจปฏิเสธ ได้มาก-น้อยไปกว่ากัน ส่วนสิ่งที่เคยเรียกขานเอาไว้แบบหะรูหะราว่า อุดมการณ์-อุดมคติ อันเป็นสิ่งที่ออกจะเป็นอุปสรรค ขัดขวาง ต่อการเปลี่ยนข้าง ย้ายข้าง เปลี่ยนฝ่าย สลับฝ่าย เอาไป-เอามาแล้ว มันคงเป็นสิ่งที่แทบไม่ได้มีอยู่จริง แถมเป็นสิ่งที่พะรุงพะรังเอามากๆ ชนิดที่บรรดานักเตะไม่ว่าสโมสรไหนๆ ก็แล้วแต่ ไม่ได้คิดจะยึดมั่น ยึดถือใดๆ ต่อไปอีกแล้ว...

-----------------------------------------------------------

แต่ก็นั่นแหละ...แม้ว่าสิ่งที่เรียกว่า อุดมการณ์-อุดมคติ ระหว่างบรรดา นักฟุตบอล กับ นักการเมือง มันชักจะคล้ายกัน เหมียนน์น์น์กันยิ่งเข้าไปทุกที แต่มันก็ยังเป็นอะไรที่มี ความสำคัญ เอามากๆ สำหรับการชี้วัด ตัดสิน ทิศทางความเป็นไปในอนาคต โดยเฉพาะสำหรับชาติ-บ้านเมือง ที่อาจต่างอยู่บ้างจากสโมสรฟุตบอลโดยทั่วไป ด้วยเหตุเพราะมันไม่อาจซื้อๆ ขายๆ ได้แบบคล่องเนื้อ-คล่องตัว จนไม่ต่างอะไรไปจาก ของเล่น ของพวกเศรษฐีแขก เศรษฐีอาหรับ หรือเศรษฐีรัสเซีย ฯลฯ อะไรทำนองนั้น หรือด้วยเหตุเพราะสิ่งที่ว่านี้...มันยังคงเป็นตัวกำหนด ว่าชาติ-บ้านเมืองนั้นๆ จะดีขึ้น-หรือเลวลง จะเป็นไปในทางที่สร้างสรรค์ หรือเสื่อมโทรม เสื่อมทรุด จะพัฒนาไปบนเส้นทางประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือพัฒนาไปสู่เส้นทางความเป็น...ประธานาธิบดีกันแน่!!!

-----------------------------------------------------------

ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้...จาก Carl schurz... “Ideals are like stars; you will not succeed in touching them with your hands. But like the seafaring men on the desert of water, you choose them as your guides and following them reach your destiny. – อุดมคตินั้นเปรียบเหมือนดวงดาว ท่านอาจแตะต้องมันไม่ได้ด้วยมือ แต่เช่นเดียวกับคนเดินเรือในท้องมหาสมุทร ที่สามารถใช้ดวงดาวนำทางและแล่นเรือไปสู่จุดหมายปลายทางได้...”

------------------------------------------------------------

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ว่ากันไปเรื่อยๆ!!!

เห็นว่า...ตั้งแต่สัปดาห์หน้า วันที่ 1 มิ.ย. บรรดา ขาเฮ และ ขาหื่น ทั้งหลาย

ว่าด้วย...อนาคตของ “บิ๊กตู่”

หมู่นี้รู้สึกว่า...เสียงด่า เสียงทอ ท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ของหมู่เฮา น่าจะซาๆ ไปพอสมควร จะด้วยเหตุเพราะใครต่อใครหันไปสนใจเรื่องอื่น