Quick Big Win ทำสั้นให้ได้ผล

หลังแถลงนโยบายกับสภา บรรดารัฐมนตรีที่กำกับดูแลเศรษฐกิจหลายกระทรวงก็เดินหน้าลุยทันที อย่างกระทรวงพาณิชย์ ศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ป้ายแดง ได้มอบ 7 นโยบายในการขับเคลื่อนภารกิจของกระทรวงพาณิชย์ในระยะสั้นที่จะต้องดำเนินการเร่งด่วนใน 4 เดือน ภายใต้แนวทาง “Quick Big Win” ที่เน้นความร่วมมือกับทุกฝ่าย โดยทำสั้น ให้ได้ผล และกระจายตัวให้ทุกคนได้ประโยชน์ และมุ่งให้เกิดผลสัมฤทธิ์ทางเศรษฐกิจโดยเร็ว พร้อมสร้างรากฐานที่มั่นคงและยั่งยืนต่อไปในระยะยาว 

พร้อมระบุว่า การทำงานจะเน้นความร่วมมือกับทุกภาคส่วน เพราะเดินคนเดียวไม่ได้ ในกระทรวงพาณิชย์ก็ต้องร่วมมือกัน ทั้งกรม กองต่างๆ โดยการทำงานทุกอย่างจะเน้นความโปร่งใสและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศและพี่น้องประชาชน แม้ว่าอายุรัฐบาลจะสั้น แต่พาณิชย์ก็จะยังคงอยู่ โดยอยู่มา 105 ปีแล้ว จะอยู่ไปอีกเป็น 100 ปี เราจะใช้เวลาที่มีทำตามเป้าหมาย Quick Big Win ให้ได้ภายใน 4 เดือนนี้ เพื่อวางรากฐานเอาไว้

สำหรับ 7 นโยบายเร่งด่วนที่ต้องทำคือ 1.เดินหน้าลุยเจรจาภาษีสหรัฐ และการเจรจาการค้า จะเร่งสรุป Agreement of Reciprocal Tax (ART) กับสหรัฐภายในเดือน ธ.ค.2568 ก่อนที่จะนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาและนำเข้าสู่รัฐสภา และจะเร่งปรับปรุงกฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า (Rules of Origin) และการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (C/O) ให้เป็นระบบดิจิทัลเต็มรูปแบบ เพื่อป้องกันสินค้าสวมสิทธิ์และเพิ่มความโปร่งใส โดยปัจจุบันได้ผลชัดเจน

2.เร่งช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการ ใน 7 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบ โดยจัดมหกรรมธงฟ้าลดค่าครองชีพให้กับประชาชน ช่วยเพิ่มรายได้และช่องทางการตลาดให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการ ส่วนผู้ส่งออกจะหาตลาดอื่นเพื่อกระจายความเสี่ยง และสนับสนุนด้านโลจิสติกส์ที่จะใช้ส่งออกสินค้าไปทางอื่นที่ไม่ใช่ทางชายแดน

3.เร่งผลักดัน FTA และการบุกตลาดใหม่ ที่มีศักยภาพ โดยจะใช้เครือข่ายทูตพาณิชย์ 58 แห่งทั่วโลก หาตลาดให้กับสินค้าและบริการไทย เช่น ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แอฟริกาใต้ อินเดีย และเวียดนาม และจะจัดคณะผู้แทนการค้าไปเจรจากับผู้นำเข้า และเชิญผู้นำเข้า ผู้ซื้อรายสำคัญมาเยือนไทย

4.ดูแลค่าครองชีพประชาชน จะจัดมหกรรมธงฟ้า 1,300 ครั้งต่อปี และจัดลดราคาสินค้าช่วงเทศกาล พร้อมร่วมมือกับโรงพยาบาลเอกชนกว่า 100 แห่งที่ลงนาม MOU กับกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยราคายาก่อนชำระเงิน เพื่อให้ประชาชนมีทางเลือกในการซื้อยาภายนอกโรงพยาบาล คาดช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายกว่า 32,400 ล้านบาทต่อปี ทำให้โรงพยาบาลรัฐลดความแออัดลง โรงพยาบาลเอกชนก็จะมีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น และยังจะควบคุมโครงสร้างต้นทุนเวชภัณฑ์ อาทิ ผ้าก๊อซ สำลี แผ่นแปะแผล ถุงมือยาง ชุดตรวจ ATK ลดค่าครองชีพอีก 1,100 ล้านบาท

5.รักษาเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตร หาตลาดใหม่ ทั้งลูกค้าเดิม ลูกค้าใหม่ กำหนดมาตรการดูแลการนำเข้า สินค้าไม่ได้มาตรฐานห้ามนำเข้า ส่วนระยะยาวจะเร่งพัฒนาพันธุ์ข้าว เพิ่มผลผลิตต่อไร่ ผลักดันปลูกพืชอื่นที่มีมูลค่าสูง โดยข้าวที่เป็นสินค้าสำคัญ จะเร่งช่วยลดต้นทุนผ่านโครงการธงเขียว ลดราคาปุ๋ยเคมีและปัจจัยเกษตร ช่วยดึงดูดผลผลิตช่วงออกมากด้วยการชะลอการขาย ทั้งให้สินเชื่อ สนับสนุนสินเชื่อ และเพิ่มสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการ ขณะเดียวกันจะเร่งผลักดันการส่งออก

 6.เสริมแกร่งผู้ประกอบการ SME จะช่วยขยายตลาดใหม่ พัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ เพิ่มช่องทางและโอกาสทางการค้าผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซไทยและต่างประเทศ เพิ่มมูลค่าสินค้า และ 7.ปรับกฎระเบียบและใช้เทคโนโลยี จะเร่งปรุงแก้ไขกฎหมาย กฎกระทรวง และระเบียบ เพื่อลดอุปสรรคในการดำเนินงานของภาคเอกชน การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาพัฒนางานบริการเพื่ออำนวยความสะดวก และการใช้ AI มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ทั้งเพิ่มความแม่นยำและความรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้เราคงต้องจับตาดูว่าการทำงานรัฐบาลผสมที่รวมทั้งนักการเมือง, นักวิชาการ, ข้าราชการ และผู้บริหารจากภาคเอกชนจากหลากหลายสาขา เพื่อแก้ไขปัญหาของชาติ จะสามารถนำพาประเทศผ่านพ้นวิกฤตและฟื้นฟูเศรษฐกิจภายใต้แรงกดดันและความท้าทายสารพัดเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นมาตรการภาษีนำเข้าจากสหรัฐ, สงครามการค้าที่ทวีความรุนแรงขึ้น, การแข็งค่าของเงินบาท และปัญหาการค้าชายแดน การแข่งขันระดับโลกด้านเทคโนโลยี พลังงาน และสิ่งแวดล้อมทวีความรุนแรงขึ้น กำลังรุมเร้า ยังไม่รวมถึงความคาดหวังของภาคเอกชนอย่าง ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เกรียงไกร เธียรนุกุล ที่คาดหวังว่ารัฐบาลจะทำงานอย่างมีเอกภาพและมีนโยบายที่ต่อเนื่อง เพื่อรับมือกับวิกฤตเหล่านี้ได้อย่างทันท่วงที.

 

บุญช่วย ค้ายาดี 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

โชว์บทบาทกองทุนน้ำมันฯ

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประเทศไทยต้องเผชิญกับความผันผวนของราคาพลังงานในตลาดโลก ทั้งจากปัจจัยเศรษฐกิจ ภูมิรัฐศาสตร์ และการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดที่เร่งตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ใครปรับตัวเร็ว อยู่รอด

ภาพรวมเศรษฐกิจประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมายังคงอยู่ในภาวะชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีปัจจัยลบมาจากแรงกดดันจากปัจจัยภายนอก ทั้งความผันผวนของเศรษฐกิจโลก ราคาพลังงานที่สูงขึ้น

ปรับแผนกิจกรรมท่องเที่ยวทั่วไทย

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประกาศปรับกำหนดการและรูปแบบการจัดกิจกรรมท่องเที่ยวสำคัญทั่วประเทศในช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2568 เพื่อแสดงออกถึงความเคารพและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ภายหลังจากมีประกาศสำนักพระราชวัง เรื่องการเสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2568

ทำไมCPNเลือกลงทุน‘เซ็นทรัล กระบี่’

หากพูดถึงจังหวัด ‘กระบี่’ นับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวของทั้งชาวไทยและต่างชาติ โดยในช่วงที่ผ่านมาได้มีการขยายอากาศยานนานาชาติกระบี่

ธุรกิจไทยเตรียมรับมือภาษีที่เข้มข้นขึ้น

ประเทศไทยกำลังอยู่ในจุดเปลี่ยนผ่านที่สำคัญในการยกระดับระบบภาษี ให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของมาตรฐานภาษีโลก ซึ่งเกิดจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีดิจิทัล

พลังงานจะสร้างเม็ดเงินลงทุน

ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจโลกยังคงเปราะบางจากความไม่แน่นอนด้านพลังงาน ราคาน้ำมันที่ผันผวน และแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อ การบริหารจัดการพลังงานจึงกลายเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่รัฐบาลต้องใช้เพื่อพยุงกำลังซื้อของประชาชนและกระตุ้นระบบเศรษฐกิจให้เดินหน้าอย่างยั่งยืน