ลุ้นเศรษฐกิจปี65โตฝ่าวิกฤต

ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่จากโควิด-19 ในประเทศไทยเริ่มกลับมาเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องอีกครั้งเช่นเดียวกับหลายประเทศทั่วโลก ปัจจัยดังกล่าวส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและภาคธุรกิจในเดือน ม.ค.2565 ให้ปรับลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน และ 3 เดือน ตามลำดับ เนื่องจากผู้บริโภคส่วนใหญ่มีความกังวลต่อจำนวนการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน การยกเลิกเทสต์แอนด์โก ผลกระทบจากราคาน้ำมัน วัตถุดิบและราคาสินค้าที่สูงขึ้น ซึ่งส่งผลต่อเงินเฟ้อให้ปรับตัวสูงและมีโอกาสที่เงินเฟ้อในครึ่งปีแรกจะสูงถึง 3% ขณะที่การเมืองที่เริ่มมีเสถียรภาพลดลง ล้วนเป็นแรงกดดันให้ประชาชนต่างระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น

โดย “ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย” ระบุว่า ความเชื่อมั่นในเดือน ม.ค.2565 ที่ลดลงอีกครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นบั่นทอนความเชื่อมั่นให้ลดลงในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ด้วย โดยหากไม่มีปัจจัยรุนแรงเพิ่มอีก สถานการณ์ต่างๆ คลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี ก็มีโอกาสที่เศรษฐกิจไทยในปีนี้จะขยายตัวได้ที่ระดับ 3.5-4.5%

เช่นเดียวกับ “กระทรวงการคลัง” ที่ปีนี้ยังคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของไทยจะขยายตัวที่ระดับ 3.5-4.5% แม้ว่าจะอยู่ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ก็ตาม โดยหวังว่าหากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนร่วมมือกันในการลดการแพร่ระบาด ก็จะช่วยลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับภาคเศรษฐกิจได้

โดยแรงขับเคลื่อนสำคัญยังมาจาก “ภาคการส่งออก” ที่ยังมีแนวโน้มเติบโตได้เป็นอย่างดี ซึ่งจะส่งผลดีต่อการลงทุนของภาคเอกชนและภาคการผลิตให้ขยายตัวได้ตามไปด้วย ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวนั้นคาดว่าปีนี้จะเริ่มทยอยฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งตรงนี้จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลดีกับแรงงานในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับภาคการท่องเที่ยว โดยเฉพาะแรงงานและร้านอาหาร รวมทั้งยังมีเม็ดเงินลงทุนจากภาครัฐอีกกว่า 1.9 ล้านล้านบาท ผ่านโครงการลงทุนต่างๆ ของภาครัฐและรัฐวิสาหกิจที่เตรียมจะขับเคลื่อนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ

อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.การคลัง ระบุว่า รัฐบาลมีความตั้งใจในการดูแลเศรษฐกิจทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ที่ผ่านมามีการพิจารณาอยู่เสมอว่าจะทำอย่างไรให้การเปิดประเทศ เปิดระบบเศรษฐกิจสามารถเดินหน้าควบคู่ไปกับการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ รัฐบาลไม่ได้ให้ความสำคัญแค่การท่องเที่ยวจากต่างชาติเพียงอย่างเดียว แต่การท่องเที่ยวภายในประเทศก็เป็นส่วนสำคัญเช่นกัน ที่ผ่านมามีการออกมาตรการเสริมผ่านโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ควบคู่กับมาตรการรักษาระดับการบริโภคภายในประเทศ ที่แม้ว่าอาจจะไม่ได้ช่วยให้การบริโภคในประเทศกลับมา 100% แต่ก็ช่วยได้ในระดับหนึ่ง

ขณะที่ ความท้าทายสำคัญของเศรษฐกิจไทยในปี 2565 คงหนีไม่พ้นเรื่อง “โควิด-19” โดยเฉพาะบทบาทของสายพันธุ์โอมิครอน ที่แม้ว่าหลายฝ่ายจะประเมินว่าอาจจะไม่รุนแรงเท่ากับสายพันธุ์เดลตา แต่ก็ย่อมส่งผลกระทบกับภาพรวมการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างแน่นอน อีกทั้งยังมีประเด็นเรื่อง “การขาดแคลนแรงงาน” รวมถึง “ปัญหาอัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้น” จากราคาอาหารและพลังงานที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในปัจจุบัน

ด้านภาคเอกชน อย่าง “คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.)” ยังคงประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2565 ไว้ในกรอบ 3-4.5% ขณะที่การส่งออกคาดว่าจะขยายตัวในกรอบ 3-5% ส่วนอัตราเงินเฟ้อนั้น มองว่าช่วงครึ่งปีแรกอาจจะเร่งตัวขึ้นแตะระดับ 3% อาจส่งผลให้เศรษฐกิจไทยเติบโตลดลงกว่าที่ประมาณการได้ โดยปัจจัยที่ต้องติดตามคือ สถานการณ์ความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างรัสเซียและยูเครน ที่มีโอกาสส่งผลกระทบด้านลบต่อเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยในหลายมิติ หากสถานการณ์ลุกลามจนส่งผลให้สหรัฐ อังกฤษ และยุโรปใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อรัสเซีย ก็จะส่งผลกดดันให้การค้าโลก รวมถึงการค้าระหว่างไทยและรัสเซียได้รับผลกระทบไปด้วย

อย่างไรก็ดี ปี 2565 ยังเป็นอีกปีที่ท้าทายสำหรับภาคเศรษฐกิจของไทย ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงหลายตัวที่ยังคงส่งผลกระทบต่อการเติบโต โดยเฉพาะการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน และสถานการณ์เงินเฟ้อสูงจากราคาอาหารสดและราคาพลังงานที่ปรับเพิ่มขึ้น แม้หลายฝ่ายจะประเมินว่าเป็นเพียงสถานการณ์ชั่วคราวและจะทยอยคลี่คลายไปในที่สุด แต่ก็เป็นประเด็นที่มีผลต่อความเชื่อมั่นและความสามารถในการใช้จ่ายของประชาชนในช่วงเวลาที่กดดันในขณะนี้.

ครองขวัญ รอดหมวน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อุบัติเหตุหรือละเลย

ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา จะพบว่ามีข่าวเกี่ยวกับการลักลอบนำกากอุตสาหกรรมไปทิ้งตามสถานที่ต่างๆ หลายพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร, ลพบุรี, สุพรรณบุรี, เพชรบุรี, ชลบุรี ฯลฯ ซึ่งขยะเหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน แม้ว่าที่ผ่านมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเข้าไปตรวจสอบและแก้ไขปัญหา แต่ก็ดูเหมือนว่ายังเป็นการแก้ที่ปลายเหตุเท่านั้น

ลุ้นแจ้งเกิดให้บริการซีเพลน

จากนโยบาย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ เพิ่มประสิทธิภาพการคมนาคมขนส่งทางอากาศ ผลักดันการปฏิบัติการบินอากาศยานทางทะเล หรือ Seaplane Operations เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว

แนะSME“ปรับเปลี่ยน”เพื่อ“ไปต่อ”

สถานการณ์ของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 ยังไม่ฟื้นตัวมากนัก โดย แสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย ระบุว่า ภาพรวมของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีขณะนี้ยังน่ากังวล เพราะยังคงไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้

ดีมานด์ทองคำยังแกร่งแม้ราคาพุ่ง

จากรายงานแนวโน้มความต้องการทองคำ หรือ Gold Demand Trends จากสภาทองคำโลก (World Gold Council) สำหรับไตรมาสที่ 1 ของปี 2567 ระบุว่า ความต้องการทองคำแท่งและเหรียญทองคำสำหรับการลงทุนของประเทศไทยเพิ่มขึ้น 10%

ปลดผู้ว่าฯแบงก์ชาติมีแต่เสียกับเสีย

ปมความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลกับแบงก์ชาติเกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่รัฐบาลเศรษฐาเข้ามาบริหารประเทศ โดยจุดเริ่มต้นต้องเรียกว่าชนวนเหตุนั้น มาจากโครงการดิจิทัลวอลเล็ต

นโยบายขายฝัน

ไม่นานเกินรอ ได้ใช้แน่รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ทุกสายทุกสีก็ 20 บาท ซึ่งเมื่อปลายเดือนเมษายน 2567 ที่ผ่านมานั้น รมว.คมนาคม สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ประกาศลั่นว่า หลังจากที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้ปรับลดค่าโดยสารรถไฟฟ้าสูงสุดไม่เกิน 20 บาท