การปฏิวัติ...มีที่มาจากความเบื่อหน่าย!!!

มาอีกแล้วว์ว์ว์...ข่าวคราวเรื่องท่านเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์โอมิครอน ยี่ห้อ BA.1-2-3 ที่ทำให้จำนวนตัวเลข ผู้ติดเชื้อ ในประเทศต่างๆ พุ่งปรู๊ดๆ ปร๊าดๆ  พรวดๆ พราดๆ ชนิดก่อให้เกิดความวิตก กังวลกันอีกจนได้ ไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา ที่ล่าสุด...ช่วงวันอาทิตย์ (20 ก.พ.) ปาเข้าไประดับเฉียดๆ 2 หมื่น ไม่ต่างไปจาก 2-3 วันก่อนหน้านี้

-------------------------------------

และเท่าที่ฟังๆ จาก หมอ-ยง หรือนายแพทย์ ยง ภู่วรวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยาของบ้านเรา ที่น่าเชื่อได้ ไว้ใจได้ เห็นว่าโอกาส ติดเชื้อ กันเป็นวันละแสนๆ คน ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่อง เป็ง-ปาย-ม่าย-ล่าย แต่อย่างใด เพราะหลายต่อหลายประเทศที่มีจำนวนประชากรน้อยกว่า ยังปาเข้าไปวันละเป็นหมื่นๆ ไปแล้วในทุกวันนี้

ส่วนเมื่อติดแล้ว...จะเอาไงกันต่อไป จะถือเป็นเรื่องชิลๆ ไม่ต้องไปกลุ้มอก-กลุ้มใจอะไรกันมากมาย หรือจะถือเป็น ภาระ ไม่ว่าในแง่ส่วนตัว ระบบสาธารณสุข หรือรัฐบาลทั้งรัฐบาล อันนั้น...คงต้องไปวิเคราะห์ เจาะลึก ในรายละเอียดเอาเองก็แล้วกัน...

  --------------------------------------

แต่คงต้องยอมรับนั่นแหละว่า...นับตั้งแต่การมาถึง มาเยือน ของท่านเชื้อไวรัสโควิดตัวนี้ ก็เล่นเอา เหนื่อย กันไปทั้งโลก อย่างมิอาจปฏิเสธใดๆ ได้เลย ทั้งยืดเยื้อ ยืดยาว คาราคาซังมาเป็นนับเป็นปีๆ ระดับปาเข้าไปถึง 2 ปี หวิดๆ 3 ปีเข้าไปแล้ว แต่ก็ยังคงออกฤทธิ์ ออกเดช ออกอาละวาด ไม่ว่าในแง่ สุขภาพ หรือในแง่ อารมณ์-ความรู้สึก ของผู้คน จนมึนซ์ซ์ซ์กันไปเป็นแถบๆ ต้องคอยฉีดวัคซีนเข็ม 1 เข็ม 2 เข็ม 3 เผลอๆ...อาจไปไกลถึงเข็ม 4 เข็ม 5 เอาเลยก็ไม่แน่!!! ชนิดเล่นเอา พรุน ไปทั่วทั้งแขน ต้องสวมหน้ากากปิดหน้า-ปิดตา จนแทบไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ไผเป็นไผ ไปแทบจะทั่วทั้งโลก ไม่ก็ต้องเจอกับพวกที่ไม่คิดจะสวมหน้ากาก ไม่คิดจะฉีดวัคซีน ที่ออกมาต่อต้านรัฐบาล หรือออกมาสร้างความ เวียนหัว ให้กับผู้บริโภคข่าวสาร ข้อมูล จนแทบไม่รู้ว่าอะไรเท็จ อะไรจริง ไปแล้วในทุกวันนี้...ฯลฯลฯ...

 -------------------------------------------

และด้วย ความเหนื่อย ที่มันเริ่มๆจะกลายเป็น ความเบื่อ หนักยิ่งเข้าไปทุกที...อันนี้นี่แหละ ที่คงต้องคอยจับตาให้มากๆ เข้าไว้ เพราะอย่างที่นักคิด-นักเขียน นักปราชญ์ชาวเยอรมัน เจ้าของรางวัลโนเบลไพรซ์ อย่างนาย Heinrich Boll ท่านเคยพูด เคยเอ่ยเป็นวาทะ เอาไว้นานแล้วนั่นแหละว่า "พื้นฐานแห่งการปฏิวัติ...มีที่มาจากความเบื่อหน่าย" อะไรประมาณนั้น คือความรู้สึกที่อยากจะเห็นการเปลี่ยนแปลง ออกไปจากสภาพเดิมๆ จากบรรยากาศเดิมๆ โดยที่แม้ยังไม่อาจสรุปได้ชัดเจนเอาเลยว่า โดยสภาพใหม่ๆ หรือสภาวะใหม่ๆ ที่จะอุบัติขึ้นมาหลังจากนั้น มันจะช่วยให้เกิดการ ดีขึ้น หรือ เลวลง หรือไม่? ประการใด???

-----------------------------------------------

หรือพูดง่ายๆ ว่า...ไม่ว่าใครจะ ติดเชื้อ-ไม่ติดเชื้อ แต่ด้วยการมาถึง มาเยือน ของท่านเชื้อไวรัสโควิดรายนี้ ดูๆท่านจะนำเอา ความเปลี่ยนแปลง ในแต่ละเรื่อง แต่ละอย่าง มาสู่มวลมนุษย์ในแต่ละสังคมแบบชนิดทั่วทั้งโลก โดยตั้งใจ-ไม่ตั้งใจหรือไม่ เพียงใด ก็ตามที และโดยต้องขึ้นอยู่กับมวลมนุษย์ในแต่ละสังคมนั่นเอง ว่าจะหาทาง รับมือ กันไปในลักษณะไหนถึงจะทำให้ความเปลี่ยนแปลงนั้นๆ เป็นไปในทางที่ ดีขึ้น ไม่งั้นก็อาจเป็นไปในทางที่ เลวลง แต่โอกาสที่จะ อยู่ๆ กันไป ในแบบเดิมๆ หรือแบบเบื่อๆ-อยากๆ แต่ก็ยังพออยู่ๆกันไปได้นั้น น่าจะมีความเป็นไปได้ลดน้อยถอยลงกันไปตามลำดับ...

--------------------------------------

คือยังไงๆ...โดยอิทธิฤทธิ์ อิทธิเดช ของท่านเชื้อไวรัสโควิดตัวนี้ ย่อมต้องมากกว่า เหนือกว่า ท่านนายกฯ บิ๊กตู่ของหมู่เฮาอย่างมิอาจเทียบได้อยู่แล้วแน่ๆ!!! เพราะสำหรับท่านนายกฯ บิ๊กตู่ นั้น ถึง อยู่ยาวว์ว์ว์ มา 7 ปีเกือบ 8 ปีเข้าไปแล้ว ก็ยังไม่ถึงกับต้องอ้วกแตก รากเขียว-รากเหลือง มากมายจนเกินไป ยังพอฮึมๆ ฮัมๆ บทเพลง... “เราจะทำตามสัญญา-ขอเวลาอีกไม่นาน” หรือกระทั่งบทเพลง... “ขอ...อย่ายอมแพ้แอ๊ๆๆๆ” ไปตามรสนิยมของใคร-ของมัน หรือตามความขยันขันแข็งของบรรดา องครักษ์เสื้อแพร ทั้งหลาย...

-------------------------------------

แต่ภายใต้ ความเบื่อหน่าย ที่ท่านเชื้อไวรัสโควิด หรืออาจรวมถึงท่านนายกฯ บิ๊กตู่ อีกด้วยหรือไม่? ก็แล้วแต่จะคิด ได้มีส่วนนำมาสู่สังคมโดยตั้งใจ-หรือไม่ตั้งใจ ก็แล้วแต่ มันชักทำให้คงต้องพยายามจับตาให้มากๆ เข้าไว้ ว่ามันจะเริ่มไปไกลถึงระดับมาตรฐาน ที่นักคิด-นักเขียนชาวเยอรมัน ได้เอ่ยเอาไว้เป็นสูตร เป็นทฤษฎีหรือไม่? และอย่างไร??? เพราะถ้าหากมันเริ่มไปไกลถึงขั้นนั้น หรือชักจะเป็นไปในแนวนั้น การหาทางทำให้ ความเปลี่ยนแปลง ใดๆ เป็นไปในทางที่ ดีขึ้น ไม่ใช่เป็นไปในทางที่ เลวลง ย่อมเป็นเรื่องที่สุดแสนจะละเอียด ประณีตและลึกซึ้ง ที่คงต้องอาศัยไม่เพียงเฉพาะ นักไวรัสวิทยา แต่เพียงเท่านั้น เผลอๆ...อาจต้องหันไปอาศัยนักสังคมวิทยา นักจิตวิทยา นักมานุษยวิทยา หรือกระทั่งนักศาสนวิทยา ฯลฯ ไปโน่นเลย...

-------------------------------

ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้...จาก High Roads of Literature”... Wit and sense, virtues and human knowledge-all that might make this dull world a business of delight. - ปัญญา ไหวพริบ สติสัมปชัญญะ คุณธรรมและความรู้ กล่าวโดยย่อก็คือ สิ่งทั้งหลาย-ทั้งปวงที่จะช่วยเอื้ออำนวยให้โลกอันน่าเบื่อ กลายเป็นสถานที่อันน่าภิรมย์ชมชื่น...”

-------------------------------------------------------

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ว่ากันไปเรื่อยๆ!!!

เห็นว่า...ตั้งแต่สัปดาห์หน้า วันที่ 1 มิ.ย. บรรดา ขาเฮ และ ขาหื่น ทั้งหลาย

ว่าด้วย...อนาคตของ “บิ๊กตู่”

หมู่นี้รู้สึกว่า...เสียงด่า เสียงทอ ท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ของหมู่เฮา น่าจะซาๆ ไปพอสมควร จะด้วยเหตุเพราะใครต่อใครหันไปสนใจเรื่องอื่น