ความเหมือนเดิมภายใต้ความเปลี่ยนแปลง

เห็นแวบๆ...จาก เฟซบุ๊ก ของอาเฮีย สุทธิชัย หยุ่น ของหมู่เฮานี่แหละ ว่า ราคาน้ำมัน พุ่งทะลุเพดาน ทะลุหลังคา ปาเข้าไปถึงระดับ 130 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลไปแล้วถึงขั้นนั้น!!! แล้วถ้าหากสงครามรัสเซีย-ยูเครนยังคงไม่แล้วเสร็จ หรือบวกกับการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านเกิดติดๆ-ขัดๆ ขึ้นมาซะอีก โอกาสที่อาจต้องเจอกับราคาน้ำมันระดับ 200 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล...ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เอาเลย...

---------------------------------------------------

เฮ้ออ์อ์อ์...อะไรมันจะหนักหนา-สาหัสไปได้ถึงปานนั้น แค่เจอกับการแพร่ระบาดของท่านเชื้อไวรัสโควิดที่ยืดเยื้อ คาราคาซังมาเกือบ 2 ปี 3 ปีเข้าไปแล้ว ก็ยังไม่คิดจะหมดฤทธิ์ หมดเดช ลงไปซะที เพียงเท่านี้...ก็ตายแล้ว!!! สำหรับประเทศเล็กๆ ที่ทำมาหารับประทานด้วยการ รับจ้างทำของ

และด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกอันสวยสด งดงาม ทางธรรมชาติ ประเภท ซี-แซนด์-ซัน-และเซ็กซ์ อะไรทำนองนั้น อย่างประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา ที่ต้องบริโภคน้ำมันวันละไม่ต่ำกว่า 100 ล้านลิตรเป็นอย่างน้อย เมื่อดันต้องเจอเข้ากับราคาน้ำมันระดับนี้ โอกาสที่จะตายแล้ว-ตายอีก ตายซ้ำ-ตายซาก ยิ่งน่าจะมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ...

----------------------------------------------------

หรืออย่างที่ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี ของบริษัทเงินทุนธนชาตและธนาคารทหารไทย เขาเคยสำรวจ ค้นคว้า ศึกษาและวิจัย จนกลายมาเป็น มาตรฐาน ในการคิดคำนวณถึง ผลกระทบ ของราคาน้ำมันในแต่ละช่วง แต่ละระยะ นั่นแหละว่า เมื่อไหร่ที่ราคาน้ำมันเพิ่มระดับขึ้นไปซักประมาณ 25 เปอร์เซ็นต์ ภาคธุรกิจ เอกชน ภาคการขนส่ง หรืออะไรต่อมิอะไรทั้งหลาย จะต้องมีต้นทุน มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม นับเป็นแสนๆ ล้าน หรือเกือบ 2 แสนล้านบาทเอาเลยถึงขั้นนั้น ส่วนบรรดาครัวเรือนต่างๆ ที่ล้วนแต่เป็นหนี้-เป็นสิน จนระดับหนี้ปาเข้าไปถึง 80-90 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพีมานานแล้ว มีแต่จะต้องขวนขวายหาเงินเพิ่มขึ้นอีกไม่ต่ำกว่า 1.6 เปอร์เซ็นต์ หรือไม่ต่ำกว่าครัวเรือนละ 340 บาทเป็นอย่างน้อย...

------------------------------------------------------

แต่ที่มันกำลังเพิ่มๆ กันในทุกวันนี้...มันเตลิดเปิดเปิงเลย 25 เปอร์เซ็นต์ พรวดเดียวปาเข้าไป 100 เปอร์เซ็นต์ หรือ 200 เปอร์เซ็นต์เอาเลยก็ไม่แน่ แล้วยังงี้...บรรดาภาคธุรกิจ เอกชน บรรดาครัวเรือนทั้งหลายจะไปเหลืออะไร!!! เผลอๆ...แม้แต่ มะเขือ ก็อาจไม่เหลือให้ บีบ เอาเลยก็เป็นได้ และก็แน่นอนนั่นแหละว่า...ภายใต้สภาพเช่นนี้ทุกสิ่งทุกอย่างมันย่อมต้องตกเป็น ภาระ ของรัฐบาลอย่างมิอาจปฏิเสธและหลีกเลี่ยงได้ โดยที่ผู้นำรัฐบาลอย่างท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ของหมู่เฮา ที่เพิ่งเดินทางไปกิน กุ้งอบกระเทียมพริกไทย ฝีมือของ บิ๊กป้อม ที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ เมื่อวัน-สองวันมานี้ ท่านคิดจะขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวกันในลักษณะไหน ก็ยังไม่ถึงกับ ชัดเจน มากมายซักเท่าไหร่นัก...

---------------------------------------------------------

จะเอาตามข้อเสนอของภาคเอกชน...คือให้หาทาง กู้เงิน อีกประมาณ 1 ล้านล้านบาท มาสำรองเอาไว้ก่อนล่วงหน้า หรือไม่? ประการใด? ก็ยังไม่ถึงมีบทสรุปโดยเบ็ดเสร็จและเด็ดขาด เพราะเท่าที่กู้ๆ มาแล้ว มันก็ชักท่วมหู ท่วมหาง ยิ่งเข้าไปทุกที ดังนั้น...ไม่ว่าจะหาทางออก ทางไป หรือ ทางรอด ในลักษณะไหน ล้วนแล้วแต่หนักไปทางอ่วมอรทัยกาญจนชูศักดิ์ไปด้วยกันทั้งสิ้น คือกลายเป็นปัญหาทั้งใน ระยะสั้น และ ระยะยาว ที่จำต้องอาศัยฝีมือ-ความสามารถล้วนๆ สำหรับฉากสถานการณ์ความเป็นไปในทุกวันนี้และอนาคตเบื้องหน้า จะยังมา แบกปืน-ถือปูน-ไปโบกตึก กันต่อไปเรื่อยๆ คงไม่น่าจะ เข้าท่า กันซักเท่าไหร่นัก...

---------------------------------------------------

แต่ก็นั่นแหละ...แม้ว่าฉากสถานการณ์ความเป็นไปของบ้านเมือง อันเนื่องมาจาก ผลกระทบ ของโลก ที่มันกำลังใกล้จะถึง จุดเปลี่ยน เต็มที อีกทั้งเปลี่ยนครั้งนี้ นับจากนี้ มันอาจเปลี่ยนกันระดับทั้งแผง ทั้งองคาพยพ เอาเลยก็เป็นได้ เปลี่ยนระบบ เปลี่ยนระเบียบ แบบชนิดพลิกหน้าตีนเป็นหลังมือ หรือพลิกหน้ามือเป็นหลังตีน ก็แล้วแต่จะคาดเดากันเอาเอง แต่สำหรับประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮาแล้ว ดูเหมือนอะไรต่อมิอะไร...มันยังคงเป็นไปในแบบเดิมๆ เช่นเดิม เหมียนน์น์เดิม อย่างมิอาจปฏิเสธได้เลย โดยเฉพาะในเรื่องของการเมือง หรือเรื่องของการแย่งกันเป็น รัฐบาล นั่นแหละทั่น...

-----------------------------------------------------

คือขณะที่ ฝ่ายค้าน และ ฝ่ายแค้น กำลังตระเตรียมขีปนาวุธ เอาไว้ถล่มรัฐบาลในเดือนพฤษภา.ที่กำลังจะมาถึง ชนิดกะจะเอาให้ตายคาเขียง คาตีน ให้จงได้!!! ส่งผลให้ฝ่ายรัฐบาล หรือฝ่าย บิ๊กตู่ เลยต้องหันไป กินข้าวเที่ยง หรือไปกิน กุ้งอบกระเทียมพริกไทย ฝีมือ บิ๊กป้อม ขณะที่ชาวบ้าน-ชาวช่องทั้งหลาย คงต้องหาทาง รับประแ-ก กันเอาเอง โดยเฉพาะในภาวะราคาน้ำมันพุ่งปรู๊ดๆ ปร๊าดๆ ไปถึง 130 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลไปแล้วในช่วงนี้ หรือพูดง่ายๆ ว่า...โดยบริบททางการเมืองของบ้านเรา มันแทบไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากมายซักเท่าไหร่นัก ยังคงต้องวางหมาก วางเกม เล่นแร่ แปรธาตุ เล่นเล่ห์ เพทุบาย แบบชนิดซับซ้อน ซ่อนเงื่อน เพื่อนทรยศ ไปตามสภาพ...

--------------------------------------------------------

โอกาสที่จะเกิดบรรยากาศแบบ สงบ-เรียบ-นิ่ง อันจะเป็นตัวช่วยให้เกิดทางออก ทางไป หรือทางรอด แทบไม่หลงเหลือติดปลายนวมเอาเลยแม้แต่น้อย ยังหนักไปทางไล่งับ ไล่กัด ไล่ทิ่ม ไล่แทง ซึ่งกันและกัน ไม่ใช่แต่เฉพาะรัฐบาลกับฝ่ายตรงกันข้าม หรือฝ่ายค้าน-ฝ่ายแค้นเท่านั้น แต่กระทั่ง ฝ่ายเดียวกันเอง นี่แหละ ถึงขั้นต้องออกมาสำแดงธรรมเทศนาเรื่อง พรหมวินาศ 4 ในช่วง วันเสาร์ 5 เอาเลยถึงขั้นนั้น!!!

--------------------------------------------------------

ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้...จาก Arthur Golden... Adversity is like a strong wind. It tears away from us all but the things that cannot be torn, so that we see ourselves as we really are. – ความทุกข์ยากเปรียบดังพายุกล้าที่จะฉีกกระชากทุกสิ่งทุกอย่างให้หลุดลุ่ยไปจากเรา เหลือไว้แต่ตัวตนที่แท้จริงให้เราเห็น...”.

----------------------------------------------------------

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ว่ากันไปเรื่อยๆ!!!

เห็นว่า...ตั้งแต่สัปดาห์หน้า วันที่ 1 มิ.ย. บรรดา ขาเฮ และ ขาหื่น ทั้งหลาย

ว่าด้วย...อนาคตของ “บิ๊กตู่”

หมู่นี้รู้สึกว่า...เสียงด่า เสียงทอ ท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ของหมู่เฮา น่าจะซาๆ ไปพอสมควร จะด้วยเหตุเพราะใครต่อใครหันไปสนใจเรื่องอื่น