ทีมวิจัยรับผิดพลาด ถอนงานวิจัยที่เชื่อว่าสายพันธุ์ 'โอมิครอน' น่าจะถูกบ่มเพาะในทวีปแอฟริกา

'ดร.อนันต์' เผยงานวิจัยที่เชื่อว่าสายพันธุ์บรรพบุรุษของ'โอมิครอน'น่าจะถูกบ่มเพาะในทวีปแอฟริกา แต่ภายหลังทีมวิจัยพบข้อมูลรหัสพันธุกรรมที่ไปเก็บมามีการปนเปื้อนทำให้ผลที่อ่านมาได้ไม่น่าเชื่อถือ จึงถอนงานวิจัย

21 ธ.ค.2565 - ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา นักไวรัสวิทยา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ(ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โพสต์ข้อความผ่าน เฟซบุ๊ก ระบุว่า

เมื่อช่วงปลายเดือนที่แล้วมีงานวิจัยชิ้นนึงตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ Science ที่สร้างความฮือฮาให้กับวงการวิจัยด้านโควิดพอสมควร งานวิจัยชิ้นนี้รายงานว่าข้อมูลการถอดรหัสพันธุกรรมของไวรัสที่ไปเก็บตัวอย่างในประเทศต่างๆในทวีปแอฟริกา 22 ประเทศ ก่อนช่วงการระบาดของโอมิครอน (เดือนสิงหาคมปีที่แล้ว) พบว่า สารพันธุกรรมของไวรัสที่ถอดรหัสได้พบการกลายพันธุ์หลายตำแหน่งที่ตรงกับโอมิครอน ในขณะที่ไวรัสโดยรวมยังหน้าตาเหมือนสายพันธุ์ก่อนโอมิครอน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ทีมวิจัยเชื่อว่าสายพันธุ์บรรพบุรุษของ โอมิครอนน่าจะถูกบ่มเพาะในทวีปแอฟริกามาเป็นเวลาพอสมควรก่อนที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองจนกลายเป็นโอมิครอนที่ระบาดใหญ่ในปลายปี 2021 ข้อมูลที่การศึกษานี้นำเสนอออกมาเหมือนมาหักล้างแนวคิดที่ว่า โอมิครอนเป็นสายพันธุ์ไวรัสที่ไปบ่มเพาะตัวเองในผู้ป่วยภูมิคุ้มกันบกพร่องเป็นเวลานานๆ ก่อนที่จะระบาดใหญ่เป็นวงกว้าง

แต่หลังจากที่งานวิจัยนี้ได้ตีพิมพ์และเผยแพร่ในสื่อ social media มีดราม่าเกิดขึ้นตามมามากมาย โดยเฉพาะคำถามเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของการวิเคราะห์ข้อมูลรหัสพันธุกรรมที่ไปเก็บมา ตลอดจนความเป็นไปได้ที่ตัวอย่างมีการปนเปื้อนทำให้ผลที่อ่านมาได้ไม่น่าเชื่อถือ คำวิพากษ์ดังกล่าวส่งผลให้ทีมวิจัยต้องกลับไปดูข้อมูลอีกทีและดูเหมือนจะพบการปนเปื้อนจริงๆ และ ไม่สามารถทำการทดลองซ้ำได้ เพราะตัวอย่างหมดแล้ว ส่งผลให้ทีมวิจัยถอนงานวิจัยดังกล่าวออกจากวารสารในวันนี้

ต้องยอมรับว่าเคสลักษณะนี้ไม่เกิดขึ้นบ่อยนัก โดยเฉพาะกับวารสารที่มี impact สูงระดับ top อย่าง Science เนื่องจากกระบวนการ review โดยผู้เชี่ยวชาญจะเข้มข้นมากๆ เนื่องจากงานวิจัยที่ตีพิมพ์แล้วเท่ากับสามารถถูกอ่านถูกทบทวนและวิจารณ์โดยผู้อ่านจากทั่วโลก เมื่อมีเสียงสะท้อนกลับมาทีมวิจัยคงต้องฟัง และ การออกมายอมรับในความผิดพลาดที่ไม่ได้เจตนาให้เกิด และ รับผิดชอบโดยการถอนงานวิจัย ถือเป็นมาตรฐานที่ถูกต้องและควรชื่นชมครับ

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อึ้ง! ผลวิจัยแดนกิมจิหนูที่ขุนให้อ้วนมีภูมิต้านทานไวรัสเริม

'ดร.อนันต์' ยกผลวิจัยแดนกิมจิ บอกความอ้วนอาจมีประโยชน์! เพราะหนูทดลองที่อ้วนท้วนมีภูมิคุ้มกันป้องกันไวรัสเริมได้ดีกว่าหนูปกติอย่างมีนัยสำคัญ

'นักไวรัสวิทยา' กระทุ้งถึงเวลาทบทวนวัคซีนป้องกันโควิด-19 ตัวใหม่

'ดร.อนันต์'ชี้ไวรัสโควิดเปลี่ยนไวมาก โดยไปในทิศทางที่หนีภูมิจากวัคซีนเดิมไปเรื่อยๆ เผยอาจถึงเวลาต้องทบทวนการกระตุ้นด้วยวัคซีนตัวใหม่แบบจริงจังแล้ว

'ดร.อนันต์' สยบดราม่าข่าวตัวเลขผู้เสียชีวิตจากโควิด เป็นผู้ที่ฉีดวัคซีนมากกว่าผู้ไม่เคยฉีด

'ดร.อนันต์'สยบดราม่าข่าวตัวเลขผู้เสียชีวิตจากโควิดเป็นผู้ที่ฉีดวัคซีนมากกว่าผู้ไม่เคยฉีด

'ดร.อนันต์' แชร์ประสบการณ์การเขียนงานลงวารสารวิชาการ

'ดร.อนันต์' แชร์ประสบการณ์งานวิจัย ชี้ปกติจะไม่รู้ใครเป็นผู้ประเมินงาน ที่สำคัญจะไม่ติดต่อเพราะกลัวเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน บอกสุดงงเป็นเรื่องใหม่ที่ผู้เขียนติดต่อผู้ประเมิน

'ดร.อนันต์' ชำแหละธุรกิจการ Shopping งานวิจัย กังวลคนมีงบฯมาก 'ซื้อ' ทั้งฉบับเป็นของตัวเองได้

'ดร.อนันต์' ชำแหละธุรกิจการ Shopping งานวิจัย จะไม่ผิดกฎหมายในบางประเทศ แต่ผิดจริยธรรมขั้นรุนแรง ที่น่ากังวลถ้ามีงบประมาณเพียงพอสามารถ'ซื้อ'งานวิจัยทั้งฉบับเป็นของตัวเองได้ จะทำให้ยากมากต่อการจับความผิดปกติ