28 ก.พ.2565 - น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. และโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในกทม.และทั่วประเทศยังน่าเป็นห่วง จากการลงพื้นที่ในช่วงที่ผ่านมาพบว่า ประชาชนที่ติดเชื้อโควิด-19 ทุกระดับสี ยังประสบปัญหาในการเข้าสู่ระบบการรักษาจำนวนมาก ทั้งการติดต่อหมายเลข 1330 ที่ผู้ป่วยไม่ได้รับการติดต่อกลับอย่างทันท่วงที ประชาชนไม่รับทราบถึงวิธีการดูแลตัวเองในเบื้องต้นและไม่ได้รับยาสามัญ ทำให้อาการติดเชื้อจากเบากลายเป็นหนัก ส่งผลต่อจำนวนเตียงในระบบโรงพยาบาลของรัฐและเอกชนที่ต้องกลับเข้าสู่สภาพที่เรียกว่า คัดเคส ผู้ที่สามารถเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลได้จะต้องมีประกันชีวิตที่ทำไว้กับบริษัทเอกชนเท่านั้น แต่หากจะต้องกักตัวใน Hospitel จะต้องจ่ายมัดจำก่อนเข้าพักถึง 80,000 บาท เพื่อกันไว้สำหรับการใช้บริการ เพราะภาคเอกชนไม่วางใจรัฐบาล โดย สปสช.อาจจะไม่มีเงินจ่ายให้กับเอกชนแล้ว
นอกจากนี้ สถานการณ์ที่ผู้ป่วยโควิดไม่สามารถเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลรัฐที่เป็นไปแบบ ต่างคนต่างทำ มีระบบการจับคู่ที่หน่วยงานภาครัฐ จัดให้ประชาชนในพื้นที่หนึ่ง สามารถเข้ารับการรักษาในคลินิกชุมชนแห่งนั้น แต่ไม่มีระบบการส่งตัวไปยังโรงพยาบาล โดยทั้งหมดไม่ได้มีการประสานกับโรงพยาบาล ทำให้เกิดความสับสนทั้งในส่วนของประชาชนและผู้ปฏิบัติทั้งโรงพยาบาลของรัฐและเอกชน ในท้ายที่สุดผู้ป่วยไม่มีสถานที่เข้าพักรักษาตัวจำนวนมาก
ขณะที่การพักรักษาตัวที่บ้านด้วยวิธี Home isolation สามารถทำได้ในบางครอบครัวเท่านั้น เพราะในชีวิตจริงมีคนยากจนที่หาเช้ากินค่ำเป็นจำนวนมาก หลายครอบครัวเป็นคนต่างจังหวัดเข้ามาทำงานในกรุงเทพมหานคร พักอาศัยอยู่กันเป็นครอบครัวในห้องเช่าเดียว เมื่อติดโควิดเพียงหนึ่งคน จึงเลี่ยงไม่ได้ที่ทั้งครอบครัวจะติดเชื้อด้วย หรือบางรายอยู่ตัวคนเดียวต้องกักตัวลำพัง แต่ไม่มีหน่วยงานภาครัฐเข้าไปดูแลการยังชีพเบื้องต้น
ดังนั้นประชาชนกลุ่มนี้จึงต้องการให้ภาครัฐเข้าไปดูแลเป็นอย่างมาก เช่น ต้องส่งยารักษาตามอาการ ข้าวสาร อาหารแห้ง และของใช้จำเป็นสำหรับทั้งครอบครัว สำหรับการกักตัวในระยะเวลาที่กำหนดไว้ หากรัฐบาลเข้าไปดูแลในส่วนนี้ไม่ดีพอจะยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลงกว่านี้
น.ส.ธีรรัตน์ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ประชาชนฝากคำถามมาถึงรัฐบาลว่า รัฐบาลกำลังทำให้โรคโควิดกลายเป็นโรคประจำถิ่นก่อนเวลาที่เหมาะสมหรือไม่ รัฐบาลกำลังใช้วิธีการสร้างความเชื่อให้ประชาชนเข้าใจไปว่า ทุกคนต้องติดเชื้อโควิด และในที่สุดโควิดจะกลายเป็นโรคทั่วไปที่สามารถรักษาให้หายได้และกลับมาใช้ชีวิตตามปกติใช่หรือไม่ ซึ่งในทางการแพทย์กำลังเป็นที่ถกเถียงกันว่า โควิดสายพันธุ์โอมิครอนรุนแรงและกระทบกับสุขภาพของประชาชนในระยะยาว หรือ Long Covid ซึ่งเป็นอันตรายแก่ชีวิตของประชาชน ประกอบกับระบบการบริหารจัดการของรัฐบาลยังล้มเหลวซ้ำซาก ดังนั้นจึงยังไม่ถึงเวลาที่โควิดจะเป็นโรคประจำถิ่นในตอนนี้
“ในบริบทของประเทศไทย ผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงสูงจำนวนมากไม่สามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้ จึงยังไม่ใช่เวลาที่โควิดจะเป็นโรคประจำถิ่น แม้บางประเทศจะปรับให้เป็นโรคประจำถิ่นแล้ว แต่อยู่ภายใต้บริบทที่ว่า ประชาชนของเขาสามารถเข้าถึงการบริการพื้นฐานของภาครัฐได้ หยุดเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง รัฐบาลต้องปรับระบบการบริหารจัดการการรักษาให้ทันท่วงทีกับสถานการณ์ก่อนจะดีกว่า” นางสาวธีรรัตน์ กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'แพทองธาร' ปัดเพื่อไทย 'หน้าอย่างหลังอย่าง' อ้างจุดยืนเดิมแก้รธน. ไม่แตะหมวด1,2
'แพทองธาร' ปัดพัลวันหน้าอย่างหลังอย่าง อ้างเป็นเรื่องปกติของความเห็นที่แตกต่างในสภา โธ่!พรรคเพื่อไทยเดินหน้าห
'หยุดเดินดีกว่าเดินต่อแล้วตกเหว' เพื่อไทยบอกชัดเหตุหนุนญัตติ 'หมอเปรม'
'เพื่อไทย' แถลงจุดยืน หนุนญัตติ 'หมอเปรมศักดิ์' ยื่น 'ศาล รธน.' ตีความ บอกประสานทุกฝ่ายแล้ว ประเมินล้มเหลว ถูกตีตกแน่ ชี้หยุดเดินดีกว่าเดินต่อแล้วตกเหว ลั่นอยากพูดคำว่าแก้ได้แล้ว ไม่ใช่แก้แล้ว
เพื่อไทยย้อนแย้ง? ชงแก้รธน. แต่หนุนส่งศาลตีความ 'ภูมิธรรม' ปัดใช้แทคติก
'ภูมิธรรม เวชยชัย' อ้างเพื่อไทยตรงไปตรงมา ไม่เล่นเกมการเมือง หลังมี สส.พรรคลงชื่อหนุนญัตติของ 'หมอเปรม' ส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความประชามติแก้รธน. สังคมข้องใจทำไมเพื่อไทยเสนอร่างแก้รธน.เอง แต่กลับร่วมส่งศาลตีความ
สส. 'เพื่อไทย-กล้าธรรม' ร่วมลงชื่อหนุนญัตติ 'เปรมศักดิ์'
อึ้ง! 'เพื่อไทย' ร่วมลงชื่อหนุน 'สว.เปรมศักดิ์' ส่งศาลตีความก่อนรัฐสภาพิจารณา เผยเพื่อความชัดเจน ดีกว่าฝืนลงมติแล้วร่างแก้ไข รธน. ตกไป ต้องเริ่มใหม่จากศูนย์
'สุทิน' รับสภาพ! โอกาสโหวตแก้รัฐธรรมนูญริบหรี่
'สุทิน' เชื่อโอกาสน้อยโหวตแก้ รธน. หลังพรรคร่วมเสียงแตก เผย สว.เตรียมเสนอญัติ ขอเสียงที่ประชุม ส่งศาล รธน.ตีความ