รองโฆษกอสส.ชี้ คดี 'สันติ' ฆ่าคน2ไทยที่ไต้หวันเป็นอำนาจศาลไทย อสส.มีอำนาจสอบสวน

รองโฆษกอสส.ชี้ คดี'สันติ' ฆ่า2คนไทยที่ไต้หวันเป็นอำนาจศาลไทย อสส.มีอำนาจสอบสวน ไม่หวั่นขั้นตอนหาพยานหลักฐานต่างประเทศ ระบุมีอัยการต่างประเทศคอยประสานความร่วมมืออยู่

17มิ.ย.2565-นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดกล่าวถึงการดำเนินคดีนายสันติ (สงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ข้อหา “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา” จากคดีฆ่า 2 สามีภรรยาและลูกแฝดในท้องรวม 4 ราย ที่ไต้หวัน ที่หลบหนีมาประเทศไทยเเละเข้ามอบตัวเมื่อช่วงเช้าวันนี้ว่า เรื่องนี้ถ้าทางฝ่ายผู้เสียหายได้แก่ญาติพ่อแม่พี่น้องของผู้เสียชีวิตทั้งสอง ขอให้ดำเนินคดีในไทย ก็จะสามารถดำเนินคดีกับนายสันติในประเทศไทยได้ เป็นไปตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา8 บัญญัติไว้ว่าความผิดที่เกิดนอกราชอาณาจักร ถ้าเป็นความผิดเกี่ยวกับชีวิต หรือฆ่าคนตาย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 และผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดเป็นคนไทย ก็สามารถดำเนินคดีในประเทศไทยหรือศาลไทย และรับโทษในประเทศไทยได้หลักว่าไว้เเบบนี้

ส่วนการดำเนินการตามมาตรา 8 จะต้องมีการสอบสวน ซึ่งกระบวนการสอบสวนก็จะต้องเป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 20 ที่บัญญัติไว้ว่าความผิดนอกราชอาณาจักรอำนาจสอบสวนเป็น ของอัยการสูงสุด ซึ่งอัยการสูงสุดสามารถมอบหมายให้พนักงานสอบสวนดำเนินการต่อไปหรือให้พนักงานสอบสวนร่วมกับอัยการสำนักงานการสอบสวนได้

"แต่คดีนี้เกิดเหตุที่ประเทศไต้หวัน พยานหลักฐานแทบทั้งหมดจึงอยู่ที่ประเทศไต้หวัน กระบวนการรวบรวมพยานหลักฐานจากประเทศต้นทางเพื่อเข้ามาในสำนวนการสอบสวน ถ้าหากจำเป็นต้องดำเนินการในส่วนนี้ทางสำนักงานอัยการสูงสุด มีสำนักงานอัยการต่างประเทศที่มีนายจุมพล พันธุ์สัมฤทธิ์ เป็นอธิบดีอัยการ สำนักงานต่างประเทศ เป็นผู้ประสานความร่วมมือกับทางการไต้หวัน แต่เนื่องจากไทยกับไต้หวันไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน เนื่องจากไต้หวันเองก็มีปัญหาละเอียดอ่อนที่มีประเด็นกับประเทศจีนอยู่"

นายประยุทธ กล่าวว่า การประสานความร่วมมือระหว่างเรากับไต้หวันในเรื่องทำนองนี้จะผ่าน สำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย ซึ่งประเทศไทยเองก็มีสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทยประจำไต้หวันคอยประสานงานกันที่ผ่านมาการขอความร่วมมือระหว่างประเทศไทยกับไต้หวัน ก็ผ่านหน่วยงานดังกล่าวกันอยู่เป็นประจำ ในเรื่องนี้จึงไม่น่ามีปัญหาซึ่งเมื่อมีการสอบสวนเสร็จแล้วสำนวนก็จะถูกส่งไปยังอัยการสูงสุดมีความเห็นเเละคำสั่ง เเละ หากมีคำสั่งฟ้องก็จะมอบให้อัยการสำนักงานคดีอาญาเป็นผู้ยื่นฟ้องคดีที่ศาลอาญาต่อไป

เมื่อถามว่าหากทางการไต้หวันประสงค์จะขอตัวนายสันติกลับไปจีน นายประยุทธ กล่าวว่า โดยหลักถ้าทางไต้หวันขอตัวส่งกลับไปก็จะเข้าสู่กระบวนการส่งผู้ร้ายข้ามเเดน ซึ่งเมื่อเราไม่มีสนธิสัญญา ก็ต้องไปใช้วิธีทางการทูตเรื่องถ้อยทีถ้อยอาศัยผ่านสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเปที่กล่าวมาข้างต้น เเต่เรื่องนี้ตน เข้าใจว่าเป็นอำนาจของศาลไทย ผู้เสียหายเป็นคนไทยและผู้ถูกกล่าวหาก็เป็นคนไทยคงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องส่งไปดำเนินคดีที่ไต้หวัน เพราะสามารถดำเนินคดีในประเทศไทยได้ ตามที่ประมวลกฎหมายอาญามาตรา8บัญญัติไว้

“คดีนี้ไม่ส่งผู้ร้ายข้ามเเดนเพราะมีกฎหมายดำเนินคดีในไทยได้อยู่เเล้ว คนถูกดำเนินคดีก็คนไทย ป.อาญามาตรา 8 เขียนไว้ชัดเจนให้พิจารณาในศาลไทยเเละะอำนาจสอบสวนเป็นของอัยการสูงสุด และกระบวนการประสานงานต่อพยานหลักฐานสำนักงานอัยการต่างประเทศของประเทศไทยสามารถทำได้หมด” รองโฆษกอัยการกล่าวย้ำ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สั่งคดีทักษิณพ.ค./ยืดยุบก.ก.

อสส.เลื่อนคดี 112    ทักษิณ นัดฟังคำสั่งไปเดือน พ.ค. ขณะที่ "ก้าวไกล" ได้ต่อลมหายใจอีกเฮือก  หลังยื่นแจงข้อหายุบพรรคอีก 15 วัน

ไม่เกินคาด! อัยการสั่งเลื่อนคดีทักษิณคดี 112 ไป 29 พ.ค.

อัยการเลื่อนฟังคำสั่งฟ้อง-ไม่ฟ้อง ‘ทักษิณ’ สัมภาษณ์เกาหลีกระทบสถาบันฯ เหตุรอผลสอบเพิ่ม ‘ประยุทธ’โฆษกอัยการเผยผลสอบคืบ 80% เผยไม่ทราบมีการสอบประเด็นต้นขั้วสัมภาษณ์จากต่างประเทศหรือไม่