'อัยการโกศลวัฒน์' ชี้คดีตู้ห่าว เป็นคดีนอกราชอาณาจักร อสส.มีอำนาจตั้งพนง.สอบสวน

รองโฆษก อสส.ชี้คดีตู้ห่าวเป็นคดีนอกราชฯ เเล้วอัยการสูงสุดเป็นผู้มีอำนาจตั้งพนักงานสอบสวนตามกฎหมาย ยังไม่พบดีเอสไอประสานมาหลังเเถลงรับเป็นคดีพิเศษ เเต่หากขอมาสามารถตั้งเป็นพนง.สอบสวนได้

15 ธ.ค.2565 - นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยความคืบหน้ากรณี น.ส.นารี ตัณฑเสถียร อัยการสูงสุด ได้ลงนามคำสั่งสำนักงานอัยการสูงสุด ที่ 2167/2565 เรื่อง แต่งตั้งคณะทำงานกำกับการสอบสวนและการดำเนินคดีสำคัญ ในคดีนายชัยณัฐร์ หรือตู้ห่าว กรณ์ชายานันท์ กับพวกฐานร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษ ประเภท 1 (ยาอี, เฮโรอีน) อันเป็นการมีไว้จำหน่ายเพื่อการค้า อันเป็นการกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป, ร่วมกันจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 อันเป็นการมีไว้จำหน่ายเพื่อการค้า อันเป็นการกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของ ประชาชนทั่วไป, สมคบกันกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดและสนับสนุนช่วยเหลือผู้กระทำ ความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด, ร่วมกันเปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาตและยินยอมหรือ ปล่อยปละให้มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดภายในสถานบริการ และมีส่วนร่วมในองค์กร อาชญากรรมข้ามชาติ

โดยระบุว่า ในเรื่องนี้ ตนคิดว่าทางคณะทำงานได้มีการพูดคุยกันในชั้นต้นแล้ว ส่วนจะนัดประชุมกันวันไหนอย่างไรตนยังไม่ทราบ ซึ่งตามหนังสือคำสั่งของทางอัยการสูงสุดให้คณะทำงานไปกำกับดูแล การสืบสวนซึ่งเท่ากับว่ายังต้องมีอีกคำสั่งหนึ่งคือการตั้งพนักงานสอบสวน ซึ่งก็อาจจะเป็นการร่วมมือกันระหว่างพนักงานสอบสวนกับอัยการ ซึ่งก็ต้องรออัยการสูงสุดมีหนังสือคำสั่งอีกครั้งนึง โดยในหนังสือคำสั่งของอัยการสูงสุดระบุไว้ว่าคณะทำงานที่ทางอัยการสูงสุดตั้งจะสามารถตั้งคณะทำงานย่อยขึ้นมาได้ แต่ในเรื่องการสั่งตั้งพนักงานสอบสวนจะต้องเป็นคำสั่งของอัยการสูงสุด

การตั้งคณะทำงานและพนักงานสอบสวนเป็นการตั้ง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 20 ว่าอัยการสูงสุดคือพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ ซึ่งมาจากหนังสือที่ทางผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้รายงานมาว่ามีการกระทำความผิดส่วนหนึ่งเป็นความผิดนอกราชอาณาจักรไทย จึงเข้าเงื่อนไขตามกฏหมาย ตามมาตรา 20 ที่ต้องให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด

เมื่อถามว่าทางกรมสอบสวนคดีพิเศษมีการแถลงว่าจะรับคดีตู้ห่าว ดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ จะเป็นการซ้ำซ้อนกับคณะกำกับดูแลหรือพนักงานสอบสวนที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งตั้งขึ้นมาหรือไม่

นายโกศลวัฒน์ กล่าวว่าดีเอสไอคงจะดำเนินการสอบสวนในชั้นต้นก่อน แต่ถ้าพบว่าเป็นคดีนอกราชอาณาจักร จะต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 20 ที่บัญญัติไว้ว่าอำนาจสอบสวนเป็นของอัยการสูงสุด ซึ่งอัยการสูงสุดก็จะมอบหมายให้ใครดำเนินการสอบสวนอะไรต่อไป แต่เท่าที่ทราบมาทราบว่าทางดีเอสไอจะรับเป็นคดีพิเศษในส่วนของข้อหาฟอกเงินคดียาเสพติด

ถามต่อว่าหากเมื่อเป็นความผิดนอกราชอาณาจักรเข้ามาเกี่ยวกับข้อหาฟอกเงินใครจะมีอำนาจสอบสวน

รองโฆษกอัยการสูงสุด ระบุว่าจะต้องเป็นไปตามกฎหมาย กฎหมายเขียนอย่างไรต้องทำอย่างนั้น คณะทำงานที่อัยการสูงสุดตั้งขึ้นมาจะต้องเป็นผู้กระทำการสอบสวนหรือทำในนามของอัยการสูงสุด อัยการสูงสุดจึงได้มอบหมายให้ทำโดยพนักงานสอบสวนอาจจะเป็นชุดเดิมหรือมีการเพิ่มเติมก็ได้ ตนคิดว่าในเมื่อหากเป็นคดีนอกราชอาณาจักรแล้ว เราควรคิดว่า ต้องเป็นความร่วมมือที่ทั้งตำรวจและอัยการจะเข้ามาช่วยกันดู เพื่อทำสำนวนให้ครบถ้วนสมบูรณ์ดูข้อกล่าวหาและข้อเท็จจริงพยานหลักฐานต่างๆไปดำเนินการให้ครบถ้วนตามกฏหมายและเร่งรัดดำเนินการให้แล้วเสร็จเร็วตามที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งไว้ โดยในคำสั่งของอัยการสูงสุดบอกไว้ชัดเจนว่าจะต้องทำสำนวนให้แล้วเสร็จก่อนครบกรอบระยะเวลาการฝากขังตามกฎหมาย โดยให้มีระยะเวลาเหลือพอสมควรให้อัยการสูงสุดได้พิจารณาสั่งคดี ในคำสั่งเขียนไว้ชัด

ถามต่อว่าการที่ดีเอสไอไปรับเป็นคดีพิเศษจะเสี่ยงเป็นการสอบสวนไม่ชอบหรือไม่ เเละมีประสานมายัง อสส.ให้ตั้งดีเอสไอเป็นพนักงานสอบสวนได้หรือไม่

นายโกศลวัฒน์ ตอบว่าถ้าดีเอสไอสอบสวนแล้วพบว่าเป็นความผิดนอกราชอาณาจักรก็คงจะต้องปฏิบัติตามกฏหมายก็คงจะดำเนินการทำหนังสือเรียนอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินการสอบสวนตามกฎหมายต่อไป ส่วนขณะนี้ทางดีเอสไอยังไม่ได้มีการประสานมาถ้าหากว่าเริ่มมีการสอบสวนก็จะต้องมีหนังสือประสานมาอย่างที่ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลได้ประสานมา และทางอัยการสูงสุดก็จะพิจารณาว่ามีหน้าที่ตามกฏหมายอย่างไรบ้างและก็จะทำตามกฏหมาย หากดีเอสไอทำหนังสือประสานมาอัยการสูงสุดก็สามารถตั้งดีเอสไอเป็นพนักงานสอบสวนได้ ตรงนี้อัยการสูงสุดมีอำนาจตั้งเพิ่มเติมได้ แต่โดยส่วนตัวแล้วตนมองว่าคดีนี้ถือเป็นคดีนอกราชอาณาจักรแล้วเนื่องจากมีหนังสือจากผู้บัญชาการตำรวจนครบาลแจ้งมาพร้อมเอกสารจำนวนมาก ซึ่งอัยการสูงสุดก็ได้พิจารณาจนตั้งคณะทำงานกำกับการสอบสวนขึ้นมาเเล้ว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อัยการนัดฟังคำสั่งคดี 'จักรภพ' 23 พ.ค. เจ้าตัวแย้มจ่อลุยการเมือง

อัยการนัดฟังคำสั่งคดี 'จักรภพ เพ็ญแข' ครอบครองอาวุธสงคราม 23 พ.ค.นี้ เจ้าตัวเชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรม จ่อลุยการเมืองหลังพ้นคดี ชี้ ‘ยิ่งลักษณ์’ ควรได้ความเป็นธรรมเหมือนทุกคน

เฮ!รัฐบาลจัดเชื่อเงินด่วนให้ 'อสม.-อสส.' กู้รายละไม่เกิน 2 หมื่นบาท

รัฐบาลจัดโครงการสินเชื่อเงินด่วนคนดี ให้สมาชิก อสม. - อสส. รายละไม่เกิน 20,000 บาท ยื่นกู้ได้ ณ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 มีนาคม 2568

‘บิ๊กโจ๊ก’ ดิ้นสู้หมายจับ ร้องค้าน พงส.สน.เตาปูน ไม่มีอำนาจสอบ ชี้เรื่องไป ป.ป.ช.แล้ว

ทีมทนายความของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.ยื่นหนังสือถึง ผกก.สน.เตาปูน คัดค้านพนักงานสอบสวนคดีเว็ปพนันออนไลน์บีเอ็นเคไม่มีอำนาจหน้าที่ในการออกหมายเรียกหรือออกหมายจับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์

'อัยการสูงสุด' สั่งฟ้อง คดีออกโฉนดปลอมที่ดินสระบุรี

นายประยุทธ เพชรคุณ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดเปิดเผยว่า อัยการสูงสุดมีคำสั่งชี้ขาดให้ฟ้องนายจรูญศักดิ์ เอกสวัสดิ์ เจ้าหน้าที่ตำแหน่งนายช่างรังวัด 6 นายณรงค์พล แก้วสาร ผู้ต้องหาที่ 2

อสส. เห็นชอบไม่อุทธรณ์ คดีศาลฎีกาฯนักการเมือง ยกฟ้อง 'ยิ่งลักษณ์' โยกย้าย 'ถวิล'

นายประยุทธ เพชรคุณ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า อัยการสูงสุดเห็นชอบควรไม่อุทธรณ์คำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่พิพากษายกฟ้องนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร