'บิ๊กโจ๊ก' เผยยอดคนตายปริศนาพุ่ง 13 รายใน 5 จังหวัด 'แอม ไซยาไนด์' วางยารูดทรัพย์

26 เม.ย.2566 - ความคืบหน้าคดีของนางสรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ หรือ แอม อดีตภรรยานายตำรวจระดับรองผู้กำกับจังหวัดราชบุรี เป็นผู้ต้องหาคดีฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน หลังพบสารพิษไซยาไนด์ในร่างกายของเพื่อนสาวชาวกาญจนบุรีที่ไปเที่ยวด้วยกัน โดยมีมูลเหตุมาจากเรื่องหวังในทรัพย์สิน รวมถึงประเด็นการฆ่าล้างหนี้ ภายหลังยังพบว่า พฤติกรรมของ น.ส.แอม ไปเกี่ยวโยงกับการเสียชีวิตปริศนาของบุคคลอีกกว่า 10 ราย ที่มีลักษณะเดียวกัน

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง.ผบตร. กล่าวถึงความคืบหน้าในภาพรวมการสืบสวนสอบสวนทุกกรณีว่า วันนี้ได้มีผู้ถูกวางยาแต่รอดชีวิต เดินทางเข้ามาให้ข้อมูลกับคณะทำงานแล้ว อยู่ระหว่างสอบสวนรายละเอียด ส่วนผู้เสียชีวิตจนถึงขณะนี้ พบว่ามีผู้เสียชีวิตอันต้องสงสัยว่า ถูกนางแอมวางยาไซยาไนด์ 13 คน แล้ว ในพื้นที่ 5 จังหวัด คือ จังหวัดอุดรธานี นครปฐม ราชบุรี กาญจนบุรี และเพชรบุรี ในจำนวนนี้มีเพียงกรณีของนาวสาวก้อย ที่คดีอยู่ในความดูแลของกองบังคับการปราบปราม และมีผู้รอดชีวิต 1 คนซึ่งอยู่ระหว่างการสอบสวน

ขณะที่คดีอื่นๆ ให้ท้องที่ดูแลรับผิดชอบในการทำคดี ซึ่งได้กำชับให้ทำงานโดยระเอียดรอบคอบ โดยมีพนักงานสอบสวนจากส่วนกลาง ช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด แต่สำนวนทุกคดีจะเป็นผู้ตรวจทานความสมบูรณ์เรียบร้อยทั้งหมด แต่ไม่ใช่การรวมสำนวนคดี เพราะไม่จำเป็นต้องรวมสำนวนคดีกัน เนื่องจากแต่ละคดีไม่เกี่ยวข้องกัน เพียงแต่มีผู้ต้องสงสัยคนเดียวกันเท่านั้น โดยในวันศุกร์นี้ได้นัดหมายให้พนักงานสอบสวนทุกคดี เข้ามาประชุม รายงานความคืบหน้าพร้อมกัน ที่สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า ผู้เสียหายที่ยังไม่ได้แจ้งความ สามารถแจ้งความได้ แม้จะไม่มีศพผู้เสียชีวิตแล้ว ซึ่งพนักงานสอบสวนจะดำเนินการ รับเลขคดีและทำการสืบสวนสอบสวนให้ตามขั้นตอนเหมือนทุกคดี พร้อมกำชับ ประเด็นการสืบสวนสอบสวน ให้พนักงานสอบสวน ดูประวัติการป่วยของผู้เสียชีวิตทุกคน ตรวจสอบการได้มาซึ่งไซยาไนด์ของแอม สอบสวนพยานผู้เสียหาย ,ผู้ประสบเหตุและพยานแวดล้อม ให้ครบถ้วนสมบูรณ์

วันนี้เจ้าหน้าที่นิติเวช พิสูจน์หลักฐาน ได้ลงพื้นที่ตรวจที่เกิดเหตุ ตรวจเก็บวัตถุพยานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในทุกคดี และคดีนี้ไม่ตัดจบที่นางแอม ทางการสืบสวนสอบสวน จะอยู่บนการตั้งสมมุติฐานว่า มีผู้ให้คำปรึกษาหรือให้การสนับสนุนหรือไม่ ด้านใดบ้าง

ส่วนประเด็นการทำงานของพนักงานสอบสวนในพื้นที่เกิดเหตุกรณีพบคดีการเสียชีวิตแบบผิดธรรมชาติ แล้วไม่ส่งชันสูตรศพ ตามกฎหมายกำหนดนั้น ยอมรับว่า ในทางปฏิบัติทำได้ไม่ทั่วถึง เพราะในพื้นที่ห่างไกล ไม่มีแพทย์นิติเวช พนักงานสอบสวนจึงยึดความประสงค์ของญาติว่า ติดใจหรือไม่ ประสงค์ส่งศพผ่าชันสูตรหรือไม่ ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะพบว่า กรณีหัวใจล้มเหลว หัวใจวาย ครอบครัวผู้สูญเสียมักไม่ติดใจ ไม่ประสงค์ให้ผ่าชันสูตร

ทั้งนี้ ในอนาคตจะกำชับให้พนักงานสอบสวนทุกพื้นที่ เคร่งครัดในการปฎิบัติในการส่งศพผ่าชันสูตร ทุกกรณีที่พบว่า เป็นการเสียชีวิตแบบผิดธรรมชาติ

ด้าน สามีของนางจันทรรัตน์ ผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ภรรยาและนางสาวแอมรู้จักกันผ่านกลุ่มเพื่อนที่อยู่ในทีมประกันชีวิตที่อยู่ในจังหวัดราชบุรี ตั้งแต่ปี 2565 ก่อนจะร่วมกันทำธุรกิจปล่อยเงินกู้ ซึ่งในวันเกิดเหตุคือ วันที่ 15 สิงหาคม 2565 เวลา 09.00 น. นางสาวแอมได้นัดภรรยาไปเจอที่ปั๊มน้ำมันในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี โดยได้บอกกับเพื่อนบ้านเอาไว้ว่า “จะไปหาเพื่อนชาวจังหวัดราชบุรี” แต่ไม่ได้บอกรายละเอียดว่าจะออกไปทำอะไร

จนกระทั่งเพื่อนบ้านเห็นภรรยากลับมาที่บ้านในช่วงเวลา 10.00-11.00 น. ซึ่งเพื่อนบ้านได้พูดคุยกับภรรยาอีกครั้ง ก่อนที่ภรรยาจะบอกว่า “รู้สึกอาการไม่ค่อยดี ขอเข้าไปพักในบ้านก่อน” ต่อมาช่วง 12.00 น. ตัวเองได้กลับมาจากทำงาน เพื่อมากินข้าวเที่ยงที่บ้าน เนื่องจากว่าที่พักและโรงงานไม่ไกลกัน แต่ปรากฏว่าเมื่อมาถึงกลับพบภรรยานอนคว่ำหน้า และสภาพตัวเขียวช้ำเลือดมีเลือดและน้ำลายไหลออกจากปาก ตัวเองจึงรีบโทรศัพท์แจ้ง 1669 และในขณะเดียวกันเจ้าหน้ากู้ภัยที่มาถึง ก็พยายามช่วยปั๊มหัวใจ และพาไปส่งโรงพยาบาล แต่สุดท้ายก็ไม่ทัน สุดท้ายภรรยาเสียชีวิต

โดยสาเหตุที่ตัวเองไม่ได้ติดใจตั้งแต่แรก เนื่องจากคิดว่า การเสียชีสิตของภรรยามาจากเรื่องสุขภาพ เพราะก่อนหน้านี้ภรรยาบ่นปวดหัว 2 วันแล้ว รวมถึงแพทย์ลงความเห็นว่าการเสียชีวิตเกิดจาก “หัวใจล้มเหลว” เลยตัดสินใจไม่ได้ผ่าชันสูตรในช่วงเวลานั้น แต่พอมาเห็นข่าวก็ยอมรับว่า ไม่คิดว่าภรรยาจะกลายเป็นเหยื่อของนางสาวแอมที่มีจิตใจโหดเหี้ยมเกินมนุษย์ และพอนึกย้อนตัวภรรยาเอง ก็ไม่มีโรคประจำตัวมาก่อน

ส่วนความสัมพันธ์และความเชื่อมโยงเรื่องการเงินกับนางสาวแอม พบว่า ภรรยาเคยลงทุนให้นางสาวแอมลงทุนปล่อยเงินกู้ให้จำนวน 70,000 บาท โดยตัวเองก็ทราบเรื่องนี้ เพราะเป็นคนไปเบิกจากธนาคารด้วยตัวเอง และเงินจำนวนนี้ก็กำลังจะได้รับเงินปันผลจากนางสาวแอมในช่วงสิ้นเดือนสิงหาคม 2565 ซึ่งภรรยาเสียชีวิตก่อนรับเงินไม่กี่วัน

นอกจากนี้ยังมีเงินลงทุนขายของในติ๊กต๊อกร่วมกันกับนางสาวแอมอีก 26,800 บาท แต่เงินส่วนนี้โอนไปให้บุคคลหนึ่งที่ตัวเองไม่ทราบว่าเป็นใคร แต่สุดท้ายหลังจากนั้นเพียง 3 วัน ภรรยาก็เสียชีวิต

ส่วนสิ่งที่น่าสงสัยอีกอย่างคือ นางสาวแอมไม่ได้มาร่วมงานศพภรรยา แต่เคยติดต่อภายหลังจากนั้นที่ปั๊มแห่งหนึ่ง โดยนางสาวแอม บอกว่า “ภรรยาไม่ได้โอนเงินจำนวน 70,000 บาทให้เลย” ส่วนก่อนหน้าที่ภรรยาจะออกไปหานางสาวแอมแล้วเสียชีวิต เห็นหลักฐานเป็นสายที่โทรเข้า-ออก โดยนางสาวแอมเป็นคนนัดให้ภรรยาออกไปเจอ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ทนายอนันต์ชัย' โพสต์ปริศนา ฮ่องเต้ให้ถอยทัพเพราะศัตรูขอเจรจา แม่ทัพจะทำอย่างไร

นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความคดีค้นบ้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า ธนู เมื่อขึ้นสายแล้ว ต้องยิงให้เต็มเหนี่ยวและตรงตรงเป้าหมาย !

นายกฯ ย้ำตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ยอมรับกังวลบ้างหลังถูกร้อง

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ยื่นเรื่องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอเรื่องพร้อมความเห็นต่อศาลปกครองเพื่อพิจารณาวินิจฉัยว่า การกระทำของนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้คัดเลือกรายชื่อ

'บิ๊กต่อ' ยันรูปถ่ายคู่ 'บิ๊กโจ๊ก' เป็นภาพจริง ความสัมพันธ์ดีมาก ไม่ได้เป็นอย่างที่ทุกคนคิด

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เปิดเผยถึงรูปถ่ายระหว่างตัวเองและ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ที่เผยแพร่ในโลกออนไลน์ว่า เป็นภาพจริงซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ อยู่ในความสัมพันธ์ที่ดีมาก

ชำแหละวงการตำรวจ 'จตุพร' จี้ 'บิ๊กต่อ' ต้องแก้ปัญหา 'บิ๊กโจ๊ก' เปิดข้อมูลสีเทา

“จตุพร” แนะ “บิ๊กต่อ” ผบ.ตร.คนใหม่ รุกแก้ระบบเพี้ยนของตำรวจให้สิ้นซาก จี้ปฎิรูปองค์กร ขจัดเส้นสายวิ่งเต้นซื้อตำแหน่ง เชื่อระบบตำรวจเปลี่ยน ประเทศจะเปลี่ยนตามด้วย ส่วน “บิ๊กโจ๊ก” เปิดข้อมูลตำรวจเทาๆ ออกมาให้หมด ล้างบางพวกหากินกับสิ่งผิด กม.