ด่วน!ศาลอุทธรณ์สั่งเเก้เพิ่มโทษคุก 10 ปี 2 เดือน ตำรวจคฝ.ควบบิ๊กไบค์ชนหมอกระต่ายเสียชีวิตเมื่อปี 65 รับสารภาพเหลือ 5 ปี 1 เดือน ไม่รอลงอาญา ชี้พฤติการณ์ร้ายแรงเป็นตำรวจไม่เคารพกฎหมาย ไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างเเก่สังคม
16 ม.ค.2567 - ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีหมายเลขดำ อ. 399/2565 ที่พนักอัยการคดีอาญา 3 นพ.อนิรุทธ์ สุภวัตรจริยากุล ,นางรัชนี สุภวัตรจริยากุล บิดามารดาหมอกระต่ายเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ส.ต.ต.นรวิชญ์ บัวดก อายุ 21 ปี ผบ.หมู่ กองร้อยที่ 2 กองกำกับการ 1 กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน (กก.1 บก.อคฝ.) เป็นจำเลยในความผิด ฐานขับรถโดยประมาทหรือน่าหวาดเสียว อันอาจเกิดอันตรายต่อบุคคลหรือทรัพย์สิน และกระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, นำรถที่มิได้ติดแผ่นป้ายทะเบียนมาใช้ในทางเดินรถ ,ฝ่าฝืนใช้รถที่ไม่ได้เสียภาษีประจำปี 3. ใช้รถที่ไม่ได้จัดให้มีการประกันความเสียหายสำหรับผู้ประสบภัย ,นำรถไม่สมบูรณ์มาขับและไม่ติดกระจกมองข้าง ,ขับรถไม่ชิดขอบทางด้านซ้าย ,ขับรถจักรยานยนต์เร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด,ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น,ขับรถโดยไม่ปฏิบัติตามเครื่องหมายบนพื้นทาง
กรณีที่เมื่อวันที่ 21 ม.ค. 2565 เวลากลางวัน ส.ต.ต.นรวิชญ์ จำเลย ขี่จักรยานยนต์บิ๊กไบค์ ยี่ห้อดูคาติ รุ่นมอนสเตอร์ทะเบียน 1 กผ 9942 เชียงราย ชน พญ.วราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล หรือ หมอกระต่าย จักษุแพทย์ รพ.ราชวิถี ขณะกำลังเดินข้ามทางม้าลาย บริเวณหน้า รพ.สถาบันไตภูมิราชนครินทร์ ถนนพญาไท แขวง-เขตราชเทวี กรุงเทพฯซึ่งเป็นเขตชุมชุนด้วยความเร็ว 108-128 กม. ซึ่งเกินกว่ากฎหมายกำหนดที่ 80 กม.ต่อชั่วโมง จน พญ.วราลัคน์ ถึงแก่ความตาย
โดยขอให้ศาลมีคำสั่งริบรถจักรยานยนต์ที่พนักงานสอบสวนยึดไว้เป็นของกลาง และมีคำขอให้ศาลเพิกถอน หรือพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ของผู้ต้องหาด้วย
คดีนี้ศาลชั้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 25 เม.ย.2565 พิพากษาว่า ส.ต.ต.นรวิชญ์ จำเลย กระทำผิดตามฟ้องคงจำคุกรวม 1 ปี 15 วัน ไม่รอลงอาญา โดยจำเลยได้รับอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์
ต่อมาโจทก์เเละโจทก์ร่วมยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลกำหนดโทษหนักขึ้น จำเลยยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลรอการลงโทษ
วันนี้จำเลยเดินทางมาศาล
โดยศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันเเล้วมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยฐานขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยและความเดือดร้อนของผู้อื่น จำคุก 1เดือนลดโทษให้กึ่งหนึ่งแล้วคงจำคุก 15วัน และลงโทษฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย จำคุก 2 ปี ลดโทษกึ่งหนึ่งคงจำคุก 1ปี และไม่ปรับจำเลยในข้อหานี้ โดยไม่รอการกำหนดหรือไม่รอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลย นั้นเหมาะสมหรือได้สัดส่วนหรือสอดคล้องกับความร้ายแรงและพฤติการณ์การกระทำความผิดของจำเลย และอัตราโทษที่กำหนดโดยกฎหมายหรือไม่
เห็นว่าพฤติการณ์การกระทำความผิดของจำเลยเป็นเรื่องร้ายแรง เนื่องจากขณะกระทำความผิดจำเลยเป็นเจ้าหนักงานตำรวจมีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของประชาชนและบังคับใช้กฎหมายควรต้องปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด แต่จำเลยไม่เคารพยำเกรงกฎหมายและกระทำผิดต่อกฎหมายเสียเอง โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตของประชาชน และมีพฤติกรรมในทางฝ่าฝืนกฎหมาย
โดยจำเลยขับรถจักรยานยนต์ที่ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ซึ่งเมื่อจำเลยกระทำความผิดและจำเลยหลบหนีไปได้ ก็ทำให้การติดตามหาตัวคนกระทำความผิดเป็นไปได้ยากมากขึ้น จำเลยขับรถจักรยานยนโดยไม่เสียภาษีประจำปี ซึ่งหากเป็นประชาชนทั่วไปกระทำความผิดนี้ จะต้องถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมและปรับโดยไม่มีละเว้น จำเลยไม่ได้จัดให้มีการทำประกันภัยความเสียหายสำหรับผู้ประสบภัยจากรถซึ่งกฎหมายบังคับให้ต้องทำเพื่อคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถให้ได้รับการช่วยเหลือและรักษาพยาบาลในเบื้องต้นได้ทันท่วงที
เมื่อเกิดเหตุขึ้น ผู้ตายและโจทก์ร่วมทั้งสองจึงไม่ได้รับการเยียวยาหรือไม่ได้รับค่าสินไหมทดแทนในเบื้องต้นจากบริษัทผู้รับประกันภัย จำเลยขับรถโดยไม่มีกระจกมองข้าง และขับรถด้วยความเร็วสูงมากถึง108-128 กม.ต่อชั่วโมงในเขตเมืองบริเวณหน้าโรงพยาบาล ซึ่งเกินกว่าอัตราความเร็วที่กำหนดในกฎกระทรวง อีกทั้งปรากฏฎทางม้าลายสำหรับคนเดินข้ามบริเวณหน้าโรงพยาบาลดังกล่าว จำเลยควรต้องลดความเร็วของรถให้ช้าลงเพื่อระมัดระวังไม่ให้รถชนคนเดินข้ามถนนแต่จำเลยกลับขับรถจักรยานยนต์เร่งความเร็วแซงรถอื่นด้วยความเร็วสูง ทำให้รถชนผู้ตายตรงทางม้าลายจนร่างกระเด็นลอยสูงและตกลงพื้นห่างไกลจากจุดชนมาก ผู้ตายกะโหลกศีรษะแตก กระดูกสันหลังหักกระดูกซี่โครงหักหลายชื่ ปอดฉีก เนื่องจากถูกรถจักรยานยนต์ที่จำเลยขับพุ่งชนอย่างรุนแรงลอยไปไกลตกกระแทกกับพื้นถนน
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจสมควรปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดยิ่งกว่าประซาชนทั่วไป เพื่อให้เป็นเยี่ยงอย่างอันดีงาม แต่จำเลยกระทำผิดต่อกฎหมายมากมายหลายประการ จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจซึ่งมีหน้าที่และความรับผิดชอบในเบื้องต้นต้องคำนึงถึงความมั่นคงและความปลอดภัยในชีวิตและหรัพย์สินของประชาชนเป็นที่ตั้ง แต่พฤติการณ์ของจำเลยแสดงให้เห็นอย่างขัดแจ้งว่าจำเลยหาได้คำนึงถึงหน้าที่และความรับผิดชอบดังกล่าวแต่อย่างใดไม่
ทั้งพฤติการณ์ที่จำเลยกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายประการ แสดงให้เห็นว่าจำเลยเข้าใจว่าการเป็นเจ้าหนักงานตำรวจไม่จำต้องกระทำให้ถูกต้องตามกฎหมายก็ได้ หน้าที่กระทำตามกฎหมายเป็นหน้าที่ของประชาชนธรรมดาทั่วไปการกระทำของจำเลยยังทำให้ประชาชนทั่วไปหลงผิดเข้าใจว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติมิได้ใส่ใจอบรมบุคคลากรของตนให้คำนึงถึงหน้าที่และความรับผิดชอบในการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดโดยยึดถือความมั่นคงและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนเป็นที่ตั้งเท่าที่ควรดังนี้ จึงเห็นว่า โทษที่ศาลชั้นต้นลงแก่จำเลยมานั้นเบาเกินไป ไม่เหมาะสมและไม่ได้สัดส่วนกับความร้ายแรงของการกระทำความผิดของจำเลยและอัตราโทษที่กำหนดโดยกฎหมาย มิฉะนั้นคงไม่มีพฤติการณ์แห่งการกระทำความผิดในฐานนี้ที่ร้ายแรงยิ่งกว่านี้ที่จะลงโทษหนักกว่านี้ได้ สมควรลงโทษจำเลยหนักกว่าที่ศาลชั้นต้น
กำหนดโดยไม่รอการกำหนดโทษและรอการลงโทษจำคุกแก่จำเลย เพื่อไม่เป็นเยี่ยงอย่างทำให้สังคมมีความสงบและมั่นใจในความปลอดภัยในการข้ามถนนบริเวณทางม้าลายสำหรับความผิดฐานขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยและความเดือดร้อนของผู้อื่น เห็นควรให้วางโทษจำคุก 2เดือนสำหรับความผิดฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายซึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291มีระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี และปรับ
ไม่เกินสองแสนบาท เห็นควรวางโทษจำคุกจำเลย 10ปี และเมื่อกำหนดโทษจำคุกจำเลยใหม่โดยไม่รอการลงโทษจำคุกซึ่งนับว่าเหมาะสมแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งการกระทำผิดของจำเลยแล้ว จึงไม่กำหนดโทษปรับในความผิดดังกล่าวอีก ภายหลังเกิดเหตุจำเลยมิได้หลบหนีและให้การรับสารภาพในชั้น
สอบสวนและชั้นพิจารณาของศาลตลอดมา ไม่ว่าจะเป็นเพราะมีพยานหลักฐานหนักแน่นหรืออาจเพราะจำนนต่อพยานหลักฐานดังที่โจทก์ร่วมทั้งสองยกขึ้นอุทธรณ์ ก็ยังคงเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาของศาล ที่ศาลชั้นต้นลดโทษให้จำเลยกึ่งหนึ่งศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์และโจทก์ร่วมทั้งสองฟังขึ้นบางส่วน อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า สำหรับความผิดฐานขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด โดยไม่คำนึงถึงความปลอตภัยและความเดือดร้อนของผู้อื่นจำคุก 2เดือน ความผิดฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
จำคุก 10 ปี ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่งฐานขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยและความเดือดร้อนของผู้อื่น คงจำคุก 1 เดือน ฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย คงจำคุก 5 ปี เมื่อรวมกับโทษปรับในความผิดฐานอื่นตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว คงจำคุก 5 ปีเดือน และปรับ 4 พันบาทนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ศาลสั่ง ส.ต.ต.ซิ่งบิ๊กไบค์ ชนหมอกระต่ายเสียชีวิต ชดใช้ค่าเสียหาย 27.3 ล้านบาท
ศาลเเพ่ง สั่ง ส.ต.ต.ซิ่งบิ๊กไบค์ ละเมิดชนหมอกระต่ายตายให้ ชดใช้ค่าเสียหายพ่อเเม่หมอ27.3 ล้านบาท ยกฟ้องสำนักงานตำรวจเเห่งชาติ
'หมอวรงค์' ปลุก save 112 อบรม 'ก้าวไกล' เลิกโหนทำลายสถาบัน
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า save มาตรา 112 หลังจากที่ศาลอุทธรณ์ มีคำตัดสินคดีมาตรา112
ศาลฎีกาให้ประกัน ตำรวจคฝ.ควบบิ๊กไบค์ชน ‘หมอกระต่าย’ เสียชีวิต
จากกรณีเมื่อวันที่ 16 มกราคม ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาเเก้เพิ่มโทษ ส.ต .ต.นรวิชญ์ บัวดก
ความฝันอันสูงสุด! 'หมอเหรียญทอง' เปิดใจยืนหยัดสู้คดีหมิ่นสิระ ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องแล้ว
พล.ต.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฏวัฒนะ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า ผมขอความกรุณาจากสังคมออนไลน์ว่า เมื่อผมถูกศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกสื่อมวลชนก็เผยแพร่ข่าวสารการจำคุกผมกันอย่างกว้างขวาง
ชัดๆ เปิดความเห็นแย้ง ‘ปธ.ศาลอุทธรณ์’ ยกฟ้อง 20 แกนนำพธม.ล้อมรัฐสภา
เปิดความเห็นเเย้ง ‘ชูชัย วิริยะสุนทรวงศ์’ ปธ.ศาลอุทธรณ์ คดียกฟ้อง 20 แกนนำพันธมิตร ปิดล้อมอาคารรัฐสภาขวางสมชาย วงศ์สวัสดิ์ แถลงนโยบาย ชี้ชัดกลุ่มจำเลยเป็นการกระทำละเมิด รธน.ผิดกฎหมายอาญา 116 เเละข้อหาอื่นๆ
ยกฟ้องกลุ่มพธม. ปิดล้อมสภาปี51 ฎีกาต้องยื่นอสส.
ศาลอุทธรณ์พิพากษายื่นยกฟ้องกลุ่มพันธมิตรฯ ปิดล้อมสภาปี 51 ขับไล่นายกฯ