‘บิ๊กโจ๊ก’ ดิ้นสู้หมายจับ ร้องค้าน พงส.สน.เตาปูน ไม่มีอำนาจสอบ ชี้เรื่องไป ป.ป.ช.แล้ว

1 เม.ย.2567-ที่สน.เตาปูน นายณัฐวิชช์ เนติจารุโรจน์ ทีมทนายความของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.ยื่นหนังสือถึง ผกก.สน.เตาปูน คัดค้านพนักงานสอบสวนคดีเว็ปพนันออนไลน์บีเอ็นเคไม่มีอำนาจหน้าที่ในการออกหมายเรียกหรือออกหมายจับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เพราะคดีอยู่ในความผิดชอบของ ป.ป.ช.แล้ว

นายณัฐวิชช์ ระบุว่า ได้รับมอบหมายจากพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยื่นหนังสือถึง ผกก.สน. เตาปูน เกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่เคยยื่นหนังสือไว้แล้วมีข้อเท็จจริงเพิ่มเติมที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มีความประสงค์จะยื่นต่อคณะพนักงานสอบสวนเพื่อให้ทราบถึงข้อมูลข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ที่เป็นข้อสำคัญ หลักๆในเรื่องนี้ รอง ผบ.ตร.รวมถึงทีมทนายความยืนยันว่าเรื่องที่ สน.เตาปูน อำนาจการสอบสวนไม่ได้อยู่ที่สน.เตาปูน แล้ว

นายณัฐวิชช์ ยืนยันว่า เรื่องนี้อำนาจการสอบสวนอยู่ที่ ป.ป.ช.เมื่อไม่มีอำนาจในการสอบสวนหรือเดิมดำเนินการเรื่องนี้ รวมถึงไม่มีอำนาจในการออกหมายเรียก ออกหมายจับ แต่ก็มีการปล่อยข่าวทางสื่อมวลชนในทำนองว่าจะออกหมายเรียก ออกหมายจับเพื่อให้เข้าสู่เงื่อนไขต่างๆนานา ยืนยันอีกครั้งว่าที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ถูกกล่าวหาจากพนักงานสอบสวน สน.เตาปูน เป็นกรณีที่มีการกล่าวหาว่ามีเส้นเงินเข้าไปถึงบุคคลใกล้ชิด ผู้ใต้บังคับบัญชาแต่ไม่มีเส้นเงินส่วนไหนไปถึง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์และภรรยา แต่ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังจะดำเนินคดีกับท่านในเรื่องนี้ เป็นเรื่องเดิมที่เส้นเงินของ พ.ต.ท.คริษฐ์ ใปปรากฎอยู่เส้นเงินคดีมินนี่อยู่แล้ว แต่กลับเลือกดำเนินคดีที่ สน.เตาปูน โดยบอกว่ามีส่วนพัวพัน

“ในเรื่องนี้ย้ำอีกทีว่าที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ คดีมินนี่ป.ป.ชได้มีมติรับไว้ไต่สวนแล้วตั้งแต่วันที่ 4 มี.ค.ที่ผ่านมา อำนาจในการสอบสวนไต่สวนอยู่ที่ ป.ป.ช.ทั้งสิ้น แต่ปรากฏว่าผู้บัญชาการตำรวจนครบาลได้ออกคำสั่งตั้งคณะพนักงานสอบสวนมาดำเนินคดีที่ สน.เตาปูน อีกโดยใช้พยานหลักฐานและเส้นเงินเดียวกับที่เคยดำเนินคดีไว้แล้วมากล่าวหา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ อีกเส้นเงินเดียวกันแต่เลือกเอามาเฉพาะเรื่องฟอกเงินเพียวๆ ไม่ได้แน่นอน ถ้า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มีความผิดฐานฟอกเงินต้องรู้ว่าเงินที่มาเกี่ยวพันกับผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิดเป็นเงินจากเว็บพนัน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังมีฐานะเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายคือเจ้าหน้าที่ตำรวจมีหน้าที่สืบสวนสอบสวนจับกลุ่มทั่วราชอาณาจักร หากบอกว่าเส้นเงินที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบัญชีที่ พ.ต.ท.คริษฐ์ ถือใช้เป็นเงินที่มาจากเว็บพนันและมีส่วนพัวพันกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หาก รอง ผบ.ตร.รู้แล้วไม่ดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง ท่านต้องมีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานละเว้นด้วย ยังไงก็มีความผิดตามฐาน 157 อยู่แล้วแต่คณะพนักงานสอบสวนทำไมเลือกเอาเฉพาะความผิดในเรื่องฟอกเงินเหตุที่เป็นอย่างนี้เพราะเอาคดีไว้กับตัวแล้วก็ดำเนินการเอง”

ทนายความระบุว่า ต้องมาดูว่ามีการร้องทุกข์กล่าวโทษไว้ที่ สน.เตาปูน ตั้งแต่เมื่อไหร่เรื่องนี้สำคัญ คือหากมองว่าคดีนี้ยังไงก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับพนักงานของรัฐกระทำความผิดอย่างใดอย่างหนึ่งด้วย เป็นฟอกเงินอย่างเดียวไม่ได้ พ.ต.ท.คริษฐ์ ก็เหมือนกันยังไงก็ต้องมีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการเรียกรับอะไรก็แล้วแต่ เรื่องนี้มีการแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษไว้ที่ สน.เตาปูน ตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคม 2566 ตามกฎหมายของ ป.ป.ช.ป.แล้วหากเป็นความผิดต่อเจ้าหน้าที่ในระดับสูงและระดับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระดับ พล.ต.อ.อำนาจอยู่ที่ ป.ป.ช.เมื่ออำนาจอยู่ที่ ป.ป.ช. แล้วพนักงานสอบสวนมีหน้าที่รวบรวมข้อเท็จจริงเบื้องต้นและต้องดำเนินการส่งเรื่องไปยังป.ป.ชภายในเวลา 30 วันตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคมถึงปัจจุบันนี้ 120 กว่าวันแล้วไม่มีการส่งไปที่ป.ป.ช

นอกจากนี้ทีมทนายความยังเห็นว่าอำนาจในการสอบสวนเรื่องนี้มันอยู่ที่ป.ป.ชพนักงานสอบสวนไม่มีสิทธิ์ที่จะไปออกหมายเรียกออกหมายจับยิ่งไปกว่านั้นในเส้นเงินที่มีการกล่าวหา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังปรากฏว่าชุดสืบสวนของตำรวจภูธรจังหวัดสงขลาได้มีการมาแจ้งความร้องทุกข์เพิ่มเติมในคดีเดียวกันนี้และเป็นเส้นเดียวกันลักษณะความผิดเป็นฐานเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยนั่นคือ 149 และ 157 แต่เหตุใดทำไมไม่ดำเนินการต่อ ตนมองว่าเรื่องนี้เป็นการเลือกปฏิบัติเลือกจะเอา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ให้มีความผิดให้ได้ เหตุที่เป็นอย่างนั้นเพราะแผนผังเส้นเงินที่ทีมทนายได้แถลงไปก่อนหน้านั้น เคยให้ข้อมูลต่อสาธารณชนแล้วว่าเว็บบีเอ็นเค ผู้ทำธุรกรรมด้านการเงินของเว็บคือนางสาวพิมพ์วิไลได้ตรวจสอบประมวลผลทางด้านสเตทเมนท์พบว่ามีเส้นเงินไปถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจและเป็นตำรวจชั้นผู้ใหญ่ด้วย ถ้าเป็นอย่างนี้เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ มาตรา 157 มันจะไม่อยู่ในอำนาจของพนักงานสอบสวน สน.เตาปูน

“เรามีการตั้งข้อสังเกตว่าทำไมถึงมีการออกหมายเรียกเฉพาะ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เส้นเงินที่ถึงตำรวจระดับสูงอีกหลายนายมีการดำเนินการหรือยัง แต่กลับมีการปล่อยข่าวหรือให้ข่าวดำเนินการกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ อย่างเดียวซึ่ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้มีการออกมายืนยันแล้วว่าการออกหมายเรียกครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 เขายังไม่เคยได้รับหมายเรียกสักครั้ง และตั้งข้อสังเกตอีกว่าโดยปกติแล้วการออกหมายเรียกแต่ละครั้งจะเว้นหรือให้ระยะเวลาพอสมควร ที่เคยรับทราบกันมาของพนักงานสอบสวนครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 จะห่างกันเวลาประมาณ 15 วัน นี่ก็เป็นเรื่องที่ไม่ปกติในการเร่งรัดออกหมายเรียกแล้วที่มีการเผยแพร่ว่ามีการออกหมายเรียกครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 นั้นแท้จริงแล้วมันเป็นเรื่องอะไรไม่รู้จะปฏิบัติอย่างไร”

ทนายความ ยืนยันอีกทีว่าที่มีการเผยแพร่ข่าวออกไปทำนองว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มีการหลีกเลี่ยงในการรับหมายเรียก หลักการต้องมาก่อน การส่งหมายเรียกต้องส่งให้ผู้ถูกออกหมาย ต้องส่งให้กับตัวเขา แต่ครั้งแรกก็รู้ว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ปฏิบัติหน้าที่อยู่จังหวัดเชียงใหม่ ส่วนครั้งอื่นท่านก็ใช้ชีวิตปกติธรรมดาปฏิบัติหน้าที่ทั้งในส่วนตัวและเรื่องการงานโดยเปิดเผยมาโดยตลอดไม่ได้มีพฤติการณ์เลี่ยงเพื่อไม่รับหมายเรียกแต่มีข้อมูลออกมายังสื่อสารมวลชนว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หลีกเลี่ยงไม่จริง

ที่สำคัญมีข้อเท็จจริงเผยแพร่ทางสื่อมวลชนไปทั่วว่า น.ส.พิมพ์วิไล บอกว่ามีชุดของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องโดยตรง เจ้าหน้าที่ตำรวจบางรายของชุดพีซีที 4 ไปเรียกรับเงินจากเขาแล้วเขาก็ส่งเงินให้สังเกตดีๆว่าหัวหน้าชุดพีซีที 4 คือใคร เป็นบุคคลเดียวกับรองหัวหน้าชุดคณะพนักงานสอบสวน สน.เตาปูน หรือไม่ เป็นบุคคลเดียวกันที่ไปยื่นคำร้องขอออกหมายจับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ แล้วศาลยกคำร้องหรือไม่ถ้ามันชัดขนาดนี้ได้มีการดำเนินการเรื่องนี้อย่างไรบ้าง

ส่วนนี้ตั้งข้อสังเกตว่าทำไมจึงเลือกเอาเฉพาะเรื่องฟอกเงินทั้งๆที่ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ทั้งหมดยืนยันว่ามีส่วนการกระทำเส้นเงินของ น.ส.พิมพ์วิไล มีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้องอีกเยอะยังไงก็หนีไม่พ้นประเด็นเจ้าหน้าที่รัฐกระทำความผิดเรียกรับหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ยังไงก็ต้องไป ป.ป.ช.ที่อธิบายอย่างนี้เพราะทีมทนายความยืนยันว่าไม่มีอำนาจสอบสวนเรื่องทั้งหมดที่มีการเร่งรัดในการออกหมายเรียกแจ้งข้อกล่าวหาให้ได้เดียวมีประเด็นอยู่เรื่องเดียวเพื่อให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไม่ให้เข้าสู่ตำแหน่งหรือได้รับการแต่งตั้งเป็น ผบ.ตร. เป็นการกลั่นแกล้งหรือเลือกปฏิบัติ

ข้อเท็จจริงล่าสุดที่มีการเผยแพร่เมื่อวันที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมาคณะชุดสืบสวนของดีเอสไอ ได้เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารว่าในเว็บบีเอ็นเค มีข้อเท็จจริงและข้อมูลในลักษณะที่มีเงินหมุนเวียนจากการกระทำความผิดในเรื่องนี้เกิน 300 ล้านบาทซึ่งเป็นเงื่อนไขแรก เงื่อนไขที่ 2 ผู้ที่ถูกกล่าวหาเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือนายตำรวจระดับสูงเข้าเงื่อนไขที่ดีเอสไอจะรับเรื่องไว้ไต่สวนไว้พิจารณาพูดง่ายๆคือเป็นอำนาจของดีเอสไอแต่ดีเอสไอ พิจารณาแล้วเห็นว่า เรื่องนี้มันมีข้อเท็จจริงที่เกี่ยวพันกับคดีมินนี่หรือ สน. เตาปูน ที่ป.ป.ชได้รับเรื่องไว้แล้วหรือหาก ป.ป.ช.ไม่รับคดีบีเอ็นเคไว้พิจารณาดีเอสไอ จะเป็นผู้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของเขาเองตน อ่านแล้วเข้าใจว่าไม่ว่าจะมองในมิติไหนเรื่องที่ สน.เตาปูน หรือคณะพนักงานสอบสวนยังทำเรื่องนี้อยู่ไม่ได้อยู่อำนาจของตนเลยถ้าไม่ใช่ ป.ป.ช.ก็เป็นดีเอสไอ แต่ก็พยายามจะดึงเรื่องไว้เพื่อจะออกหมายเรียกให้เข้าสู่เงื่อนไขการออกหมายจับหรือแจ้งข้อกล่าวหากับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ให้ได้

“วันนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จึงได้มอบหมายให้ทีมทนายความมายื่นหนังสือยืนยันข้อเท็จจริงว่าพนักงานสอบสวนไม่มีอำนาจในการสอบสวนแล้วรวมถึงไม่มีอำนาจในการมาออกหมายเรียกหมายจับและได้มีการทำหนังสือมายื่นกับผู้กำกับ สน.เตาปูนและจากนั้นจะไปยื่นกับ รรท.ผบ.ตร.,ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลรอง และรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในฐานะรองหัวหน้าชุดให้เห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากขั้นตอนในการสอบสวนที่กำลังทำอยู่”

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ชุดสอบ 'โจ๊ก' กับพวกผิดวินัยร้ายแรง-ออกจากราชการไว้ก่อน ยืนยันไม่มีใครชี้นำได้

พล.ต.อ.สราวุฒิ การพานิช รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบสวนกรณีที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พร้อมพวกรวม 5 คน ทำผิดวินัยร้ายแรงจนถูกออกจากราชการไว้ก่อน

คปท.นัด 30 เม.ย.บุกยื่นหนังสือ กกต. ‘พิชิต’ ขาดคุณสมบัติ เร่งส่งศาลรธน.พิจารณา

วันอังคารที่ 30 เมษายน 2567 เวลา 10.30 น. คปท.จะไปยื่นหนังสือการขาดคุณสมบัติของคณะรัฐมนตรีต่อ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ กกต.ยื่นต่อยังศาลรัฐธรรมนูญ  ต่อไป

ไฟไหม้ห้องทำงาน รองผอ.รร.เมืองตลุงพิทยาสรรพ์  คาดอากาศร้อนทำเบรกเกอร์ช็อต

เกิดเหตุไฟไหม้ห้องรอง ผอ.โรงเรียนมัธยม อ.ประโคนชัย  จ.บุรีรัมย์ ลามไหม้ห้องวิชาการ  เสียหายทั้ง 2 ห้อง  ตรวจสอบพบเบรกเกอร์เครื่องปรับอากาศในห้องรอง ผอ. มีรอยไหม้ คาดไฟฟ้าลัดวงจร บวกกับอากาศที่ร้อนจัด

ยุ่งแน่! ‘เรืองไกร’ ร้อง ป.ป.ช. สอบ ครม.เห็นชอบดิจิทัลวอลเล็ต ฝ่าฝืนกม.หรือไม่

จากการติดตามโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ที่คณะรัฐมนตรีพึ่งมีมติให้ความเห็นชอบไปเมื่อวันที่ 23 เม.ย. 67 นั้น