ศาลไม่ให้ประกัน ผู้ต้องหาชี้เป้าแก๊งตำรวจนอกรีตอุ้มคนจีนเรียกค่าไถ่ 2.5 ล้านบาท

8 พ.ค.2567 - ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ พนักงานสอบสวนสน.ดินแดงได้คุมตัวนายชยากร ซู หรือ จูหลิน ซู หรือเฮียเก้า อายุ 40 ปี อาชีพค้าขาย ผู้ต้องหาชี้เป้าเหยื่อชาวจีนให้แก็งตำรวจไปอุ้มรีดทรัพย์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2062/2567 ลงวันที่ 6 พ.ค.2567 มาขออำนาจศาลฝากขังครั้งแรก

คำร้องระบุพฤติการณ์ว่า เมื่อวันที่ 25 เม.ย.2567 เวลาประมาณ 20.15 น. นายหวัง เชิน (Mr.Wang Zhen) ผู้เสียหาย สัญชาติจีน พร้อมกับกลุ่มเพื่อนชาวจีนถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ บุกเข้าไปในห้องพัก บริเวณโรงแรม บี ยู เพลส แขวงและเขตดินแดง กทม. แล้วควบคุมตัวผู้เสียหายกับพวกไว้ โดยอ้างว่ากระทำผิดกฎหมาย และต้องนำตัวผู้เสียหายกับพวกไปที่สถานีตำรวจ จากนั้นกลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวได้พากลุ่มผู้เสียหายขึ้นรถยนต์ออกจากที่เกิดเหตุ และระหว่างเดินทางกลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวได้เรียกรับทรัพย์สินจากกลุ่มผู้เสียหาย เพื่อแลกกับการไม่ถูกดำเนินคดี

ผู้เสียหายเกรงว่าจะถูกจับกุมดำเนินคดี จึงได้ติดต่อหาเพื่อนชาวจีนที่อยู่ประเทศกัมพูชา เพื่อให้โอนเงินเข้าบัญชีดิจิทัล ตามที่กลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวต้องการ เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 65,000 ดอลล่าร์ คิดเป็นค่าเงินบาทไทยประมาณ 2,500,000 บาท เมื่อกลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวได้รับทรัพย์สินตามที่ต้องการแล้ว จึงปล่อยตัวผู้เสียหายกับพวกไปต่อมาผู้เสียหายจึงได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสน.ดินแดง เพื่อให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย จากนั้นตำรวจจึงสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน.จนทราบว่า 1ในผู้ต้องหาคือ นายชยากร ซึ่งได้อยู่ร่วมกับกลุ่มผู้ต้องหาคนอื่นๆในวันและเวลาที่เกิดเหตุ

พนักงานสอบสวนจึงรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลอาญาออกหมายจับกระทั่งได้รับแจ้งจากสายลับว่าเห็นผู้ต้องหาปรากฎตัวที่บริเวณ ลานจอดรถร้านซ้งเป็ดพะโล้ ถ.ลาดพร้าว-วังหิน แขวงและเขตลาดพร้าว กทม.จึงแสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานตำรวจและเข้าจับกุมตัวผู้ต้องหาเมื่อวันที่ 6 พ.ค.2567 เวลา 23.00 น.แล้วส่งพนักงานสอบสวนสน.ดินแดงดำเนินคดีข้อหากระทำความผิดฐาน"ร่วมกันกรรโชกทรัพย์,ร่วมกันแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนักงาน โดยตนเองมิได้เป็นเจ้าพนักงานที่มีอำนาจนั้น,ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย,ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใดโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต.ร่างกายสรีภาพชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้นไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้นโดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป"

บัดนี้ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาจะครบ 48 ชั่วโมงแล้วแต่ยังไม่แล้วเสร็จ จะต้องรอสอบปากคำพยานอีก 10 ปาก รอผลตรวจพิสูจน์ของกลางและประวัติการต้องโทษ จึงขออำนาจศาลฝากขังไว้เป็นระยะเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 8 - 19 พ.ค.2567

โดยท้ายคำร้องหากผู้ต้องหายื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวพนักงานสอบสวนเเละผู้เสียหาย ขอคัดค้านการปล่อยชั่วคราวเนื่องจากเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนีหรือไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน

ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ฝากขังได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนหน้านี้พนักงานสอบสวนได้ยื่นคำร้องฝากขังกลุ่มผู้ต้องหาไปเมื่อวันที่ 5 พ.ค.ที่ผ่านมาโดยทั้งหมดถูกคุมตัวอยู่ในเรือนจำ

ผู้ต้องหายื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราวศาลพิเคราะห์ พฤติการณ์แห่งคดีความหนักเบาของข้อหา คดีมีอัตราโทษสูง ประกอบกับพนักงานสอบสวน และผู้เสียหายคัดค้านการประกัน ในชั้นนี้จึงไม่อนุญาตปล่อยชั่วคราว ยกคำร้อง

ต่อมาเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงนำตัวผู้ต้องหาไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพต่อไป

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ศรีสุวรรณ' ปลื้ม ศาลยกฟ้อง คดีเเจ้งเท็จยื่นยุบพท.เอาผิด 'ทักษิณ' ครอบงำ

'ศรีสุวรรณ' ปลื้มศาลอาญาพิพากษายกฟ้อง คดี 'ทนายวิญญัติ' แจ้งความ กลั่นแกล้งเเจ้งเท็จ ยื่นยุบพท. เอาผิด 'ทักษิณ' ครอบงำ เล็งเอาผิดผู้เกี่ยวข้องเตะตัดขา

เมีย-ลูก 'หมอบุญ' ขึ้นศาล ปฏิเสธข้อหาเเชร์ลูกโซ่

ศาลนัดสอบคำให้การจำเลยในคดีหมายเลขดำ ที่อ.387/2568 ที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 5 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.จิดาภา พุ่มพุฒ , น.ส.ศิวิมล จาดเมือง , นางจารุวรรณ วนาสิน ภรรยาหมอบุญ

‘แม้ว’อดพบฮุนเซน ศาลอนุญาตเยือนบรูไน18-19ก.พ.แต่ห้ามไป ‘เวียดนาม-กัมพูชา’

ศาลอาญาอนุญาต “ทักษิณ” เดินทางออกนอกประเทศครั้งที่ 2 ไปบรูไน ประชุมอาเซียน ตามคำเชิญ “อันวาร์” ผ่านสถานทูต 18-19 ก.พ.นี้ เเต่ไม่อนุญาตไปเวียดนามและไปหาฮุน เซน ที่กัมพูชา เพราะไม่ได้เชิญในนามรัฐบาล