ศาลฎีกาพิพากษาเเก้ให้สถานพยาบาลร่วมรับผิด “เซปิง” 1 เเสนบาท โครงการเฟซออฟ โฆษณาเกินจริง หลังผู้เสียหายฟ้องผ่าตัดหน้าพัง
23 กรกฎาคม 2568 - เมื่อวันที่ 22 ก.ค.ที่ผ่านมา ที่ศาลเเพ่ง ถนนรัชดาภิเษก ศาลเเพ่งอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีเเพ่งหมายเลขเเดงที่ 1173/256 ที่นางสุภาวดี เหลืองทอง เป็นโจทก์ฟ้อง นางสาวเซปิง ไชยศาส์น ,นายบทมากร วัฒนะนนท์ ,บริษัทเอ็ม เอฟ เซอร์เจอรี่ เซ็นเตอร์ จำกัด ,แพทย์หญิงจันทร์จิรา แปงหน้อย เป็นจำเลยที่ 1-4 ฐานละเมิด สถานพยาบาลเอกชน กรณีหลอกลวง โฆษณาเกินจริง เเละความผิดตามกฏหมายคุ้มครองผู้บริโภค
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของโครงการ เฟซออฟ บาย ด็อกเตอร์เซปิง จดทะเบียนเครื่องหมายการค้า X FACE OFF เพื่อบริการรักษาพยาบาล จำเลยที่ 2 เป็นผู้อำนวยการฝ่ายประสานงานจองคิวผ่าตัดของโครงการและทำหน้าที่ดูแลเว็บไชต์และโฆษณาสื่อออนไลน์ช่องทางต่าง ๆของจำเลยที่ 1
ส่วนจำเลยที่ 3 เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด ประกอบกิจการโรงพยาบาลเอกชนเพื่อศัลยกรรมตกแต่งความงามชื่อโรงพยาบาลเฉพาะทางศัลยกรรมตกแต่งกมล โดยเป็นนายจ้างและหรือผู้ว่าจ้างของจำเลยที่ 1 , 2 เเละ 4 หรือเป็นตัวแทนของจำเลยที่ ที่ 1 , 2 เเละ 4 จำเลยที่ 4 เป็นศัลยแพทย์ตกแต่งผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ผ่าตัดโจทก์
ประมาณ 4 ปีที่แล้ว โจทก์ฉีดสารแปลกปลอมเข้าใบหน้าหรือสารไบโอ (ซิลิโคนเหลว) ทำให้ใบหน้า ของโจทก์ผิดรูป โจทก์ต้องการนำสารไบโอ (ซิลิโคนเหลว) ออกจากใบหน้าแต่ไม่มีโรงพยาบาลใดรักษา ช่วงต้นปี 2561 โจทก์ดูคลิปวิดีโอโครงการเฟซอฟของจำเลยที่ 1แล้วจึงจึงส่งข้อความไปยังเฟซบุ๊กของโครงการเฟซออฟโดยด็อกเตอร์เซปิงเพื่อสอบถามเรื่องการนำสารไบโอ(ซิลิโคนเหลว) ออกจากหน้าของโจทก์
เลขาของจำเลยที่ 1 แจ้งว่าสามารถนำสารไบโอ (ชิลิโคนเหลว) ออกได้ ต่อมาโจทก์ปรึกษาจำเลยที่1 เกี่ยวกับการนำสารไบโอ (ซิลิโคนเหลว)ออก จำเลยที่แจ้งว่าสามารถนำออกได้แน่นอนพร้อมเสนอให้ทำศัลยกรรมดึงหน้า
โจทก์สนใจจึงเข้าโครงการของจำเลยที่ ซึ่งจัดโปรโมชั่นจากราคา 999,000บาทลดเหลือ 250,000 บาท แต่ต้องโอนเงินค่าจองคิวเป็นเงิน 50,000 บาท โจทก์จึงโอนเงินไป วันที่ 15 มี.ค.2561 โจทก์เดินทางไปที่โครงการเฟซออฟและชำระเงินส่วนที่เหลือ 200,000 บาท รวมทั้งค่าตรวจสุขภาพอีก 15,000 บาท พร้อมให้ข้อมูลคนไข้ ระบุชื่อและนามสกุลรายการผ่าตัด 3 รายการ คือ ค่าดึงหน้า 3 ส่วน ค่าดึงคอ และค่าดูดชิลิโคนเหลวหลังจากนั้นโครงการเฟซออฟพาโจทก์ไปยังโรงพยาบาลเฉพาะทางศัลยกรรมตกแต่งกมลของจำเลยที่ 3 เพื่อตรวจร่างกาย ระหว่างที่รออยู่ที่ห้องพักจำเลยที่ 1 มาพบและพูดคุย โจทก์แจ้งว่าต้องการเอาสารไบโอ (ซิลิโคนเหลว) ออกเท่านั้น แต่จำเลยที่ 1 แจ้งว่าหากไม่ดึงหน้าโรงพยาบาลก็ไม่คืนเงิน โจทก์จึงจำยอมทำศัลยกรรมเพิ่มอีก 3 รายการ คือ ค่าดึงคอ 120,000บาท ค่าเอาซิลโคนเหลวออก 80,000 บาท และค่าฉีดไขมันเพิ่ม 120,000 บาท รวมเป็นเงิน 320,000 บาท โจทก์แจ้งว่าไม่มีเงิน จำเลยที่ 1 เสนอว่าจะออกเงินให้ก่อนแล้วให้ผ่อนชำระคืน
วันที่ 21 มี.ค.โจทก์เดินทางไปที่โรงพยาบาลเฉพาะทางศัลยกรรมตกแต่งกมลเพื่อผ่าตัดพบจำเลยที่ 4 จำเลยที่ 4ไม่ได้อธิบายถึงผลข้างเคียงต่าง ๆ หลังการผ่าตัดให้โจทก์ทราบ
หลังจากผ่าตัดประมาณ 1 สัปดาห์ โจทก์มีอาการบวมซ้ำเขียวที่แผลผ่าตัดเกินกว่าหนึ่งเดือนไม่ตรงตามที่โครงการเฟซอฟของโฆษณาว่า ไม่เขียว ไม่ซ้ำ ไร้รอยแผลเป็น ต่อมาประมาณ 3 เดือน โจทก์เห็นว่าใบหน้าไม่ดีขึ้นโดยยังเป็นคลื่นเหมือนก่อนผ่าตัดไบโอที่หน้าแข็งเหมือนเดิมมีริ้วรอยเหี่ยวย่น เจ็บจี๊ด ๆ ที่ใบหน้าบางครั้งหน้ามืดบ่อยครั้งต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเพชรรัตน์และโรงพยาบาลทรวงอกจากการผ่าตัดของจำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นแพทย์ของจำเลยที่ 3และการผ่าตัดเป็นเหตุให้ใบหน้าผิดรูป ทำให้โจทก์เสียค่าใช้จ่ายในการเติมไขมันที่ใบหน้าของโจทก์
การกระทำของจำเลยทั้ง 4 ทำให้โจทก์หลงเชื่อเสียเสรีภาพ สุขภาพอนามัย มีแผลเป็นน่าเกลียดใบหน้าผิดรูป มีแผลเป็นที่ลำคอต้องอับอายหลังผ่าตัด และหลอกลวงประชาชนว่าไร้รอยแผลเป็นไม่เจ็บไม่บวม เป็นการบรรยายสรรพคุณเกินจริงทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายเป็นค่าผ่าตัดศัลยกรรมเป็นเงิน 265,000 บาท ค่ารักษาเติมไขมันใบหน้าเป็นเงิน 27,000 บาทค่าเดินทางไปรักษาอาการข้างเคียงเป็นเงิน 10,000 บาท ค่ารักษาในอนาคตเป็นเงิน 1,000,000 บาท ค่าขาดประโยชน์จากการทำมาหาได้ระหว่างผ่าตัดเป็นเงิน 900,000 บาท
ค่าทนทุกข์ทรมานทางจิตใจที่ใบหน้าบิดเบี้ยวผิดรูปและมีแผลเป็นถาวรเป็นเงิน 1,000,000 บาท ค่าทนทุกข์ทรมานทางร่างกายที่มีอาการปวดหลังผ่าตัดเป็นเงิน 1,000,000 บาท และค่าเสียเสรีภาพที่ถูกบังคับให้ผ้าตัดเป็นเงิน 1,000,000 บาท รวมเป็นเงิน 5,202,000บาท ขอให้จำเลยทั้ง 4 ร่วมกันชดใช้ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้อง กับให้จำเลยทั้งสี่ชำระค่าเสียหายเพื่อการลงโทษเพิ่มขึ้นในอัตราสูงสุดจากจำนวนค่าเสียหายที่แท้จริงที่ศาลกำหนดให้เพื่อป้องปรามมิให้เกิดกรณีเช่นนี้อีกจำเลยปฏิเสธสู้คดี
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ต่อมา โจทก์ยื่นอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์แผนกคดีผู้บริโภคพิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 1 ชำระเงิน 100,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมายที่มีการปรับเปลี่ยน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์เเละจำเลยที่ 1 ฎีกา โดยศาลฎีกาเเผนกคดีผู้บริโภคอนุญาตให้ฎีกา
ศาลฎีกาพิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 3 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ด้วย เนื่องจากพยานหลักฐานเห็นว่าจำเลยที่ 3 มีส่วนร่วมในการโฆษณาประชาสัมพันธ์โครงการเฟซออฟของจำเลยที่ 1 เเละมีผลประโยชน์ร่วมกันในโครงการในลักษณะหุ้นส่วนจึงต้องร่วมรับผิด นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
นายสาธร ช่วยโสภา ทนายโจทก์กล่าวเคสนี้ตนเห็นใจโจทก์เป็นอย่างยิ่ง เพราะโจทก์ถูกทางโครงการฯ เรียกเก็บเงินเป็นจำนวนมาก หลังผ่าตัดก็มีแผลเป็น และยังต้องมีคดีความถูกโครงการฟ้องเรียกให้ชำระหนี้จากการผ่าตัดศัลยกรรมอยู่ที่ศาลจังหวัดเพชรบุรี ทั้งที่โครงการไม่ใช่คนผ่าตัด และไม่ใช่สถานพยาบาล แต่มีเงินได้ที่ชัดเจน จึงขอแนะนำเป็นอุทาหรณ์ให้ผู้สนใจการทำศัลยกรรมแนะนำให้ติดต่อโรงพยาบาลหรือปรึกษาหมอโดยตรงดีที่สุด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ศาลฎีกาพิพากษายืน คุกตลอดชีวิต สมาขิกเเก๊งค้ายาเล่าต๋า
ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขดำที่อย.5907/2559 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดียาเสพติด 10 เป็นโจทก์ ยื่
อดีตดารา เชื่อทักษิณไม่มีเจตนาเลี่ยงภาษี ชี้เปรี้ยงคำพิพากษาศาลไม่ถูกต้อง!
เรื่องที่ไม่พูดกันคือทักษิณโอนหุ้นแอมเพิลลิสต์ให้โอ๊คเอมปี43 แล้วนำมาขายให้เทมาเซคปี 49 หลังมีม็อบออกมาประ
ดร.ณัฏฐ์ ชำแหละปม ‘ทักษิณ’ ภาษีหุ้นชินคอร์ป 1.7 หมื่นล้าน
ดร.ณัฏฐ์-นักกฎหมายมหาชน ผ่าปม “ทักษิณ” ภาษีหุ้นชินคอร์ป 1.7 หมื่นล้าน โอนให้นอมินี ไม่พ้นจากความรับผิด โอกาสยึดทรัพย์ในต่างประเทศยาก
มาแล้วฉบับเต็ม! เปิดคำพิพากษาศาลฎีกาภาษีหุ้นชิน 'ทักษิณ' จ่าย 1.76 หมื่นล้าน
เมื่อวันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน 2568 ที่ศาลภาษีอากรกลาง ศูนย์ราชการ ถนนเเจ้งวัฒนะ ศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีที่นายทักษิณ
'ทักษิณ' อ่วม! ศาลฎีกาพิพากษากลับ ให้เรียกเก็บภาษีหุ้นชินคอร์ป 1.76 หมื่นล้าน
"ทักษิณ" อ่วม! ศาลฎีกาพิพากษากลับยกฟ้อง กรมสรรพากร เรียกเก็บภาษีชินคอร์ป 1.76 หมื่นล้านบาท ชี้ ให้ "โอ๊ค-เอม" ถือหุ้น วัตถุประสงค์ขาดคุณธรรมทางภาษี ส่งผลรัฐเก็บภาษีไม่ได้ เป็นธุรกรรมหาประโยชน์อื่นรวมถึงภาษีเงินได้ มิชอบด้วยกฎหมายร้ายแรง
ศรีสุวรรณมาแล้ว!ร้อง ปปช.สอบ 'ชนน พัฒฐ์' ผิดจริยธรรมร้ายแรงหรือไม่
'ศรีสุวรรณ' ร้อง ป.ป.ช. สอบ 'ชนนพัฒฐ์' ผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่


