สสจ.ภูเก็ต แจงยิบพบผู้ติดเชื้อฝีดาษลิง ชายไนจีเรียหนีรักษา อาจยังอยู่ในพื้นที่

22 กรกฎาคม 2565 - นายแพทย์กู้ศักดิ์ กู้เกียรติกูล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จังหวัดภูเก็ตพบผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงเคสแรกของประเทศ ซึ่งมีการเฝ้าระวังกันอยู่แล้ว ได้รับรายงานจากรพ.เอกชน เมื่อ16 ก.ค. 15.30 น. พบผู้ป่วยเคสสงสัยโรคฝีดาษลิง เคสนี้ไม่ใช่เคสแรกที่รายงานเป็นเคสที่ 4 ซึ่ง 3 เคสแรกเจาะเลือดทำสวอปไม่พบเชื้อ ในเคสที่ 4 นี้ รพ.เจาะเลือด สวอป ส่งตรวจทราบผลแล็บ 18 ก.ค. 18.00น.ได้ประสานผู้ป่วยเข้ามารักษา ทางผู้ป่วยปฎิเสธและปิดโทรศัพท์

การสอบสวนผู้ป่วย กรณีการติดเชื้อโรคฝีดาษวานร (Monkeypox) จังหวัดภูเก็ต โดย ทีมสอบสวนโรค กรมควบคุมโรค(กองระบาดวิทยา,สคร.11 นครศรีธรรมราช ) สสจ.ภูเก็ต, สสอ.กะทู้ เข้าประสานกับทาง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต, ผกก.ตม.ภูเก็ต ได้จัดทีมไปเฝ้าผู้ป่วยที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง

จากนั้นวันที่ 19 ก.ค. บ่ายทราบผลแล็บยืนยันจากกรมวิทย์ 21 ก.ค.บ่าย คณะกรรมการวิชาการโรคติดต่อแห่งชาติยืนยัน จึงเป็นข่าวเมื่อคืนวันที่21ก.ค.และทางจังหวัดภูเก็ตจึงจัดแถลงข่าวนี้ในวันนี้

ทีมสอบสวนโรคได้ติดตามผู้ป่วย ติดตามผู้สัมผัสและทำลายเชื้อ ข้อมูลผู้ป่วยเป็นชาวไนจีเรีย อายุ 27 ปี ตรวจที่รพ.เอกชน ไม่ค่อยร่วมมือในการให้ประวัติ บอกว่าเป็นนักธุรกิจ เข้ามาไทย ตั้งแต่ 21 ตุลาคม 2564 เข้าพักคอนโดฯที่ป่าตอง ตั้งแต่ เดือนพ.ย.ถึงปัจจุบัน มีประวัติเสี่ยงชอบเที่ยวสถานบันเทิง และ ใน 2-3 อาทิตย์ที่แล้วมีประวัติมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิง

เริ่มมีอาการตั้งแต่วันที่ 9 ก.ค.ไข้ไอเจ็บคอมีผื่นขึ้น จากอวัยวะเพศลามไปที่ใบหน้า แขนขา และ 16 ก.ค.เข้าตรวจ รพ.เอกชน จึงสงสัยเข้าข่ายฝีดาษลิงทำการเจาะเลือดเพาะเชื้อส่งตรวจ เขาไม่ได้นอนรพ.เนื่องจากไม่มีอาการมาก มีผื่นกับมีไข้ จึงให้กักตัวอยู่คอนโดฯ ผู้ป่วยกลับไปกักตัวที่คอนโดฯ พอวันที่ 18 ก.ค.18.00 น. ทางรพ.ติดต่อผู้ป่วยรับตัวมารักษาที่รพ.วชิระภูเก็ต ได้เตรียมรถแอมบูแลนซ์และเตรียมห้องไว้และโทร.ติดต่ออีกครั้งผู้ป่วยได้ปิดโทรศัพท์ แล้ว

ทางผบก.ภ.จว.ภูเก็ตจึงส่งตำรวจติดตามทราบว่านั่งแท๊กซี่ออกจากคอนโด ไปป่าตอง ไปเช็คอินที่โรงแรมหนึ่ง เขาอยู่ในพื้นที่แต่ไม่ให้แม่บ้านเข้าไปทำความสะอาด และ เวลา 21.00 น. ผู้ป่วยวางกุญแจห้องพักที่เคาน์เตอร์โรงแรมและหายไป

การสอบสวนโรคฝีดาษลิง เริ่มเมื่อ 18 ก.ค.หลังจากทราบผล ได้ติดตามหาผู้ป่วย ติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยที่คอนโดฯ ทีมสอบสวนลงไปดูกล้องวงจรปิดได้ผู้สัมผัสใกล้ชิด 2 คน เป็นชายชาวไนจีเรียและผู้หญิงอีก 1 คนเป็นแฟนกัน แต่ทั้งสองคนนี้ไม่สนิทกับผู้ป่วย และติดตามที่รพ.ทั้งสองแห่ง ไม่มีเสี่ยงสูงมีเสี่ยงต่ำ 1 คน ในส่วนยานพาหนะแท๊กซี่ที่พาผู้ป่วยไป ยังติดตามไม่ได้ ไม่เห็นป้ายทะเบียน ยังคงติดตามอยู่ ขอให้แท๊กซี่ที่รับผู้ป่วยชาวไนจีเรียจากคอนโดไปป่าตองให้มาพบแพทย์เพื่อเจาะเลือดสังเกตอาการ ส่วนในพื้นที่ชุมชน ที่โรงแรมกับร้านซักผ้าในป่าตอง มีเสี่ยงสูง 9 คน ส่วนสถานบันเทิง2แห่งที่ผู้ป่วยไปได้สอบสวนโรคทั้งหมด 142 คน ไม่พบสัมผัสใกล้ชิดในจำนวนนี้มี 5 คน มีอาการ ไข้ ไอเจ็บคอ ทั้งหมดนี้ยังไม่มีผื่น

ซึ่ง ผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ทุกแห่งที่ตรวจได้เพาะเชื้อเจาะเลือด 7 คนแรก ที่พักอาศัย 2 คน กับสถานบันเทิง 5 คน ผลเลือดผลสวอปออกแล้วไม่พบเชื้อ ส่วนในชุมชนที่โรงแรมกับร้านซักผ้าเก็บตัวอย่างส่งตรวจอยู่ ส่วนการค้นหาเพิ่มเติม ทีมสอบสวนโรคเฝ้าระวังที่รพ.ย้อนกลับไปดูประวัติเดิมในช่วง2-3อาทิตย์ที่ผ่านมาว่ามีผู้ป่วยมีไข้มีผื่นมารักษาหรือไม่ ส่วนรพ.ภาครัฐและคลินิกจะเข้าตรวจสอบประวัติผู้ป่วยลักษณะนี้เช่นกัน

สรุปมีผู้เสี่ยงสูง 17 คน ช่วงแรกตรวจ 7 คน ผลเป็นลบ อีก 9 คน เพิ่งเก็บตัวอย่างส่งไป ส่วนเสี่ยงต่ำ เฝ้าสังเกตอาการ

ขอชี้แจงว่า โรคฝีดาษลิงจะติดต่อกันเมื่อใกล้ชิดแบบเนื้อแนบเนื้อ ไอจามใส่หน้าแบบละอองใหญ่ อาการไม่รุนแรง และเชื้อที่พบเป็นสายพันธุ์ที่ไม่รุนแรง (NA2 )

ส่วนมาตรการคัดกรองมีการดำเนินการที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ มีการส่งตัวผู้ป่วยสงสัยตรวจคัดกรองพบว่ามี การสงสัยจะเจาะเลือดเพาะเชื้อสิบสวนโรคและเฝ้าระวังคลินิกนิรนามคลินิกโรคผิวหนังย้อนประวัติติดตามผู้ป่วยฝีดาษลิงในพื้นที่

ถ้าตามเจอผู้ป่วยจะรับมาประเมินอีกครั้ง โรคนี้ไม่ติดต่อง่าย และ ขอให้รถที่รับผู้ป่วยวันที่ 18 ก.ค.ให้มาติดต่อรพ. ดูอาการ ถ้าใครมีไข้ผื่นขึ้นตุ่มหนองให้ปรึกษาแพทย์ไปที่รพ.ได้

ทางด้าน นพ.วีระศักดิ์ หล่อทองคำ ผู้อำนวยการรพ.วชิระภูเก็ต กล่าวว่า เคสนี้ยังไม่ได้เข้ารพ.วชิระภูเก็ต ซึ่ง ภูเก็ตมีการรับคนจากต่างประเทศเข้ามาโอกาสที่ภูเก็ตจะเป็นที่รับการติดเชื้อจากต่างประเทศหลังจากมีระบาดแถวยุโรป ประมาณ 1-2 เดือน ได้มีการเตรียมการระยะยาวพอสมควรเฝ้าระวังและควบคุมสอบสวนโรค โดยเชื้อนี้เป็นไวรัสคล้ายอีสุกอีใสมีตุ่มน้ำหรือหนองพอแตกออกเป็นแผล การติดเชื้อจากมีสัมผัสตุ่มน้ำหรือตุ่มหนองนั้น หรือ ไอจามรดกันใกล้ๆ โรคนี้มีสายพันธุ์รุนแรงกับไม่รุนแรง

ผู้ป่วยรายนี้ผลออกมาเป็นสายพันธุเวสท์แอฟริกัน สายพันธุ์มาจากโซนยุโรปอเมริกา นักท่องเที่ยวที่มาจากโซนยุโรปเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติทั่วไปที่เป็นกลุ่มหลักเข้าภูเก็ตอยู่แล้ว เพียงแต่เฝ้าสังเกตอาการดูผื่นคัดกรองที่ด่านซึ่ง ที่ผ่านมาเคสสงสัยแล้วส่งตรวจพบว่าจะเป็นโรคเริม

ขอยืนยันว่า เข้ามาเที่ยวภูเก็ตได้ปกติยกเว้นไปเที่ยวที่มีการใช้บริการสัมผัสใกล้ชิดควรหลีกเลี่ยงไปก่อน แต่เที่ยวชายหาดได้ปกติ ดังนั้น ไม่มีผลกับการท่องเที่ยว

ด้าน พญ.กนกอร เลิศลำยอง แพทย์อายุรศาสตร์สาขาอายุรศาสตร์โรคติดเชื้อและเวชศาสตร์เขตร้อน รพ.วชิระภูเก็ต กล่าวว่า โรคนี้ คนไข้มีสิทธิ์หายเองภายใน2-4สัปดาห์ กรณีเขาไม่ยอมกลับมาแสดงว่าอาการต้องดีระดับหนึ่ง ถ้าอาการรุนแรงมีภาวะแทรกซ้อนเขาต้องกลับมารพ. ถ้าตามตัวได้ไม่รู้ว่าผื่นสะเก็ดหายไปแล้วหรือยัง ปัจจุบัน โรคนี้ยังไม่มียารักษา แต่หลักการรักษาแบบประคับประคอง

พล.ต.ต.เสริมพันธุ์ ศิริคง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ได้รับประสานจากทีมสอบสวนโรคที่ทำงานตั้งแต่โควิดอยู่แล้ว เมื่อได้รับแจ้งวันที่ 18 ก.ค.ออกสืบสวนติดตามจนทราบว่าผู้ป่วยรายนี้มีที่พักที่ ดีคอนโด กะทู้ จึงเข้าตรวจสอบในครั้งแรกไม่พบ ได้ถามยามคอนโดฯ ถึงลักษณะผู้ป่วยบอกว่าพักที่แห่งนี้ และขอตรวจสอบกล้องวงจรปิด ของนิติบุคคลนั้น ทราบว่า เขาออกจากคอนโดฯ ประมาณ19.00น. จึงตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางต่างๆพบว่าไปที่ป่าตอง และ วันที่ 19 ก.ค.เช้าเขาประสานจะเข้ารักษาที่รพ.กรุงเทพภูเก็ต หลังจากนั้นช่วงเย็นทางสสจ.ได้บอกว่าเขาไม่มาตามนัดและปิดเครื่องไปแล้ว ซึ่ง การประสานงานกับผู้ป่วยทางนิติบุคคลคอนโดฯ เขาจะใช้โปรแกรมวอทแอพซึ่งพยายามประสานกัน

ตอนแรกผู้ป่วยบอกจะเข้ามาที่รพ.กรุงเทพฯจะไม่เข้าคอนโดฯ พวกเราไปรอที่รพ.เขาไม่มาและติดต่อไม่ได้และโปรแกรมวอทแอพเขาไม่อ่าน จึงบูรณาการกำลังไปที่ป่าตอง ติดตามหาจนพบว่าในวันที่ 20 ก.ค.19.00น. พักอยู่ที่โรงแรมป่าตองปริ้นเซส บริเวณแยกป่าตองฮิลล์ สอบถามทางโรงแรมทราบว่าเขาเข้าพักคนเดียวไม่คุยกับใคร จ่ายเงินสด ไว้2 วัน แต่พอวันที่20 ก.ค. เวลา 21.05น. เขาเอากุญแจห้องพักมาวางที่เคาน์เตอร์แล้วเดินออกไป โดยไม่แจ้งเช็คเอ้าท์ ทางโรงแรมไม่ทราบ และเขาเดินหายไป ได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดในโรงแรมเห็นรถคันหนึ่งมาจอดและเขาเดินไปหายไปพร้อมกับรถจากการสืบสวน คาดว่า เขาน่าจะไปพร้อมรถคันนั้น

ติดตามรถทางกล้องวงจรปิด เห็นไปทางกะหลิม กมลา ปัจจุบันเห็นรถคันนี้ผ่าน อบต.เชิงทะเล คงติดตามดูตลอดว่าน่าจะอยู่ในภูเก็ตหรือออกไปแล้ว และประสานด่านท่าฉัตรไชย ไม่เห็นรถลักษณะนี้ผ่านออกไป อาจเป็นไปได้ว่าเขายังอยู่ในภูเก็ต อาจจะไปพักอีกที่หนึ่งแล้วเปลี่ยนรถออกจากภูเก็ตก็เป็นไปได้ทั้งหมด แต่ ในส่วนของเครื่องบิน ทางสสจ.ภูเก็ต ได้บล็อกไว้หมดแล้ว การออกจากภูเก็ตทางเครื่องบินทั้งในประเทศและนอกประเทศคงเป็นไปไม่ได้แน่นอน ตอนนี้กำลังตามอยู่อย่างใกล้ชิด

ในส่วนเขาไม่มาตามนัด อาจเป็นไปได้ตรงที่เขาโอเวอร์สเตย์จึงไม่กล้ามา ในช่วงที่เข้ามาตอนแรกก่อนมกราคมยังไม่โอเวอร์สเตย์แต่หลังจากนั้นโอเวอร์สเตย์ เพราะยังไม่ต่อวีซ่า

นักท่องเที่ยวรายนี้ เข้ามาภูเก็ตวิธีใดเราไม่ทราบ ที่รู้ว่ามาภูเก็ต เมื่อเดือนมกราคมคือเห็นการทำสัญญาเช่าอาคารชุด ซึ่ง ล่าสุดที่ติดต่อได้ เขาจะบอกนิติบุคคลคอนโดฯ ว่า เขาหายแล้ว น่าจะแผลแห้งแล้วจึงไม่มา และ ทางแท๊กซี่ ที่รับผู้ป่วยไป วันที่ 18 ก.ค จากโรงแรมป่าตองปริ้นเซส วันที่ 19 ก.ค.และหลังจากนั้นไม่แน่ใจเขานั่งคันอื่นไปอีกหรือไม่ขอให้เข้ามารายงานตัวพบสสจ.ภูเก็ต หรือไปที่ โรงพักก็ได้ คาดว่าติดตามตัวเจอ

ด้าน นพ.กู้ศักดิ์ กู้เกียรติกูล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า การดำเนินคดีในกรณีแบบนี้ ขออ้างถึงถ้าติดโควิด เป็นโรคติดต่ออันตราย แจ้งความดำเนินคดีได้ แต่ฝีดาษลิงเป็นโรคที่ยังเฝ้าระวัง สามารถดำเนินคดีได้ระดับหนึ่งแต่ไม่หนักเหมือนโรคติดต่ออันตราย ซึ่ง ทางสสจ.ภูเก็ต ได้ไปลงบันทึกประจำวันแจ้งความไว้ที่ สภ.กะทู้ เรียบร้อยแล้ว ดำเนินคดีได้