
22 พ.ค. 2566 – นายพรรณธนู วรรณกางซ้าย ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. บุรีรัมย์ เขตเลือกตั้งที่ 7 หมายเลข 10 พรรคเพื่อไทย ได้นำหลักฐานบางส่วน อาทิ ภาพถ่ายป้ายประกาศผลคะแนนเลือกตั้ง ส.ส. อย่างไม่เป็นทางการ ที่ปิดประกาศไว้หน้าที่ว่าการอำเภอหนองกี่ พร้อมคลิปวีดีโอที่บันทึกไว้ขณะเจ้าหน้าที่ขนหีบบัตรลงคะแนนที่สายรัดถูกเปิด แถลงเรียกร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นับคะแนนการเลือกตั้ง ส.ส. เมื่อวันที่ 14 พ.ค.66 ใหม่ทั้งเขต
เนื่องจากพบมีความผิดปกติหลายอย่างที่ส่อถึงความไม่โปร่งใส เช่น กรณีที่หน่วยเลือกตั้งบางหน่วยมีบัตรเขย่งจำนวนบัตรยอดมีสิทธิ์ และผู้มาใช้สิทธิ์ไม่ตรงกัน รวมถึงผลคะแนนเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการที่ปิดประกาศไว้หน้าที่ว่าการอำเภอ ทั้งจำนวนบัตรดี บัตรเสีย ผู้ไม่ประสงค์ลงคะแนนรวมกันมีจำนวนไม่เท่ากับยอดผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งถึง 278 คะแนน ซึ่งไม่ทราบว่าผลคะแนนที่ปิดประกาศจะเกิดจากความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหรือไม่อย่างไร
นายนพรรณธนู กล่าวว่า การเลือกตั้ง ส.ส. เป็นการเลือกตั้งระดับประเทศไม่ควรจะเกิดความผิดพลาด จนทำให้ประชาชนเกิดความสงสัย ที่สำคัญผลคะแนนทุกคะแนนมีผลต่อตัวผู้สมัคร และเมื่อประชาชนไปทักท้วงว่าป้ายประกาศผลคะแนนยอดไม่ตรงกัน เพียงข้ามคืนมีการปิดป้ายประกาศใหม่ทันที โดยผลคะแนนรวมหายไปเพียง 1 คะแนน ทางเจ้าหน้าที่ชี้แจงว่าที่หายไป 1 คะแนน เป็นบัตรที่ผู้มาใช้สิทธิ์ฉีกบัตรแต่ยังไม่ได้วินิจฉัยว่าเป็นบัตรประเภทใด นอกจากนั้น ยังมีกรณีหีบบัตรลงคะแนนที่ขนไปเก็บไว้ที่โรงพักหลังนับคะแนนเสร็จ พบว่าสายรัดถูกเปิดทั้งที่ความเป็นจริงหีบบัตรต้องถูกปิดมี กปน. เซ็นกำกับและมีสายรัดเรียบร้อย ซึ่งส่อถึงความไม่โปร่งใสในการจัดการเลือกตั้ง
“จากกรณีดังกล่าวจึงต้องการรักษาสิทธิ์ของพี่น้องประชาชนที่ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง และผมในฐานะผู้สมัคร จึงอยากเรียกร้องให้มีการนับคะแนนใหม่ทุกหน่วยในเขตเลือกตั้งที่ 7 เพื่อให้เกิดความโปร่งใสเป็นธรรม โดยเฉพาะตนเองมีมีคะแนนห่างจากผู้สมัครที่ได้คะแนนลำดับที่หนึ่งเพียง 215 คะแนนเท่านั้น เชื่อว่าความผิดปกติที่เกิดขึ้นจะส่งผลต่อผลคะแนน แต่หากนับคะแนนใหม่แล้วมีผลคะแนนเปลี่ยนแปลงจริง ก็อยากเรียกร้องให้มีการนับคะแนนใหม่ทั้งเขต” ผู้สมัคร ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคเพื่อไทย ระบุ
ด้านนายวิรัตน์ กลิ่นขจร นายอำเภอหนองกี่ ได้ชี้แจงทางกลุ่มไลน์ว่า กรณีการปิดป้ายประกาศผลคะแนนว่า “แจ้งประชาสัมพันธ์เพื่อโปรดทราบครับ เนื่องจากการขึ้นป้ายประกาศผลการเลือกตั้ง ส.ส. เขต 7 ที่หอประชุมอำเภอหนองกี่ เจ้าหน้าที่ติดตัวเลขคลาดเคลื่อน จากข้อเท็จจริงบัตรไม่เลือกผู้ใดขึ้นป้าย 1,344 ตามระบบที่รายงาน กกต.คือ 1,065 ผู้มาแสดงตน 86,864 คน -บัตรดี 81,882 บัตร -บัตรเสีย 3,916 บัตร -บัตรไม่เลือกผู้ใด 1,065 บัตร รวม 86,863 บัตร จะเขย่ง 1 บัตร เนื่องจากมีผู้มารับบัตรเข้าคูหาลงคะแนนแล้วนำบัตร ออกมาจากคูหา เจ้าหน้าที่ห้ามได้ วิ่งหนี พร้อมฉีกบัตร ทั้ง 2 ประเภท และถูกดำเนินคดี ที่ สภ.หนอง หงส์ (ประสบอุบัติเหตุมีปัญหาทางสมอง) จึงไม่สามรถระบุว่าเป็นบัตรประเภทใดได้ ขออภัยในการขึ้นข้อมูลบนป้ายประกาศผลชั่วคราวผิดพลาดครับ ประชาสัมพันธ์มาเพื่อโปรดทราบทั่วกันครับ”.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทุกเรื่อง! มโนตัวเอ้ บอกจบแล้วลิเกไอทีวี ปิดฉากเสียดื้อๆ
นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ว่า ลิเกเรื่องไอทีวี แค่ออกแขกก็ปิดฉากเลิกเสีย
'จตุพร' แนะ 'พิธา' ทำใจชวดเก้าอี้นายกฯ จับตาปรากฏการณ์โคตรงูเห่า!
นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน "คำพูด...เป็นนาย?" โดยกล่าวถึงกรณี
'พิธา' หนักกว่าเดิม! อดีตกกต. อธิบายมติ กกต.
สืบเนื่องจากกรณี กกต. มีมติเป็นเอกฉันท์ 6 เสียง ไม่รับคำร้องกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
25ปีกกต.หวังโลกยอมรับ สมชัยให้คะแนน7เต็ม10
กกต.จัดงานครบรอบ 25 ปี ตัดสโลแกน “โปร่งใส” ออก อ้าง “สุจริต-เที่ยงธรรม” ครอบคลุมแล้ว
ไม่รอด! กกต. มีมติไม่รับ 3 คำร้อง พิธาถือหุ้นสื่อ แต่ข้อมูลเพียงพอเอาผิด ม.151
คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติเป็นเอกฉันท์ 6 เสียง ไม่รับคำร้องกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ มีคุณสมบัติลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ ในการสมัครรับเลือกตั้ง เหตุการถือหุ้นไอทีวี 42,000 หุ้น แต่ให้รับเรื่องไว้พิจารณาเป็นความปรากฏ
เลขาฯกกต. ชี้ต้องรับรอง 'พิธา' เป็น ส.ส. ก่อนฟันคุณสมบัติ รู้อยู่ไม่มีสิทธิแต่ยังลงสมัคร
นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. กล่าวถึงการพิจารณาคำร้องกรณีการถือหุ้นสื่อของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกลว่า เรื่องนี้มีปัญหาทางเทคนิคอยู่ คือผู้ร้องมาร้องก่อนวันเลือกตั้ง 2 วัน