'บิ๊กโจ๊ก' ส่งรายงานปัญหาที่ดินเกาะหลีเป๊ะให้นายกฯ เร่งคืนความเป็นธรรมชาวเล

“บิ๊กโจ๊ก”ส่งรายงานการแก้ปัญหาที่ดินชาวเลหลีเป๊ะให้นายกฯ เผยเร่งคืนความเป็นธรรมให้ชาวอุรักลาโว้ย-ให้กรมที่ดินใช้ ม.64 เพิกถอนเอกสารสิทธิแปลงที่ไม่ถูกต้องแล้ว เครือข่ายหนุนรองผบ.ตร.ทำงานต่อให้แล้วเสร็จ

27 ก.ย.2566 - แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 26 กันยายนที่ผ่านมา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือ “บิ๊กโจ๊ก”รองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(รองผบ.ตร.) ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริง กรณีปัญหาข้อพิพาทในรที่ดินที่เกี่ยวข้องกับชุมชนชาวเล เกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล ได้ทำหนังสือถึงนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เพื่อรายงานผลการดำเนินการของคณะกรรมการฯ พร้อมทั้งขอความเห็นชอบให้คณะกรรมการฯชุดนี้ยังปฎิบัติหน้าที่แก้ไขปัญหาตามคำสั่งนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2565 ต่อไป

“กระผมขอเรียนยืนยันว่า ด้วยกลไกนี้ ความเป็นธรรม ความถูกต้อง ความเท่าเทียมในฐานะคนไทย จะกลับคืนมาสู่พี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเล เกาะหลีเป๊ะ รวมถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดจะได้ร่วมกันกำหนดทิศทางการพัฒนาเกาะหลีเป๊ะอย่างยั่งยืน ให้เป็นพื้นที่แห่งคุณค่าระดับสากล” พล.อ.สุรเชษฐ์ ระบุไว้ในรายงานถึงนายกรัฐมนตรี

ในรายงานระบุว่า ปัญหาข้อพิพาทเรื่องที่ดินบนเกาะหลีเป๊ะ มีความยืดเยื้อเรื้อรังมาเป็นระยะเวลากว่า 50 ปีเนื่องจากมีการละเมิดสิทธิที่ดินที่อยู่อาศัยทำกินของกลุ่มชาติพันธุ์อุรักลาโว้ย โดยความร่วมมือระหว่างเจ้หน้าที่รัฐและภาคธุรกิจในแต่ละช่วงเวลา ส่งผลให้เกิดการเรียกร้องขอความเป็นธรรมมาอย่างต่อเนื่องทุกรัฐบาลซึ่งได้รับความสนใจจากสังคมโดยตลอด ทั้งยังเป็นประเด็นที่ถูกยกระดับขึ้นไปจากการละเมิดสิทธิที่ดินอยู่อาศัยทำกินเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอันเป็นมาตรฐานคุณค่าสากลและได้รับการรับรองตามรัฐธรรมนูญทุกฉบับ

เพื่อให้การแก้ไขปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่ยืดเยื้อยาวนานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพจึงได้จัดโครงสร้างการทำงานเป็น 3 ด้าน โดยแต่งตั้งเป็นคณะอนุกรรมการฯรับผิดชอบ ทั้งด้านการตรวจสอบสิทธิในที่ดิน ด้านการบังคับใช้กฎหมายกรณีพิพาทในที่ดิน และด้านยกระดับคุณภาพชีวิตชุมชนชาวเล

ในรายงานยังได้ระบุผลของการตรวจสอบว่า ข้อพิพาทเกี่ยวกับการปิดเส้นทางเข้าโรงเรียนเกาะหลีเป๊ะ และการปิดทางเดินที่ชาวเลใช้เป็นเส้นทางลงสู่ทะเล ได้มอบให้กรมธนารักษ์ กรมที่ดิน กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ฝ่ายปกครองและท้องถิ่นจังหวัดสตูลร่วมกันตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่าบริเวณดังกล่าวเป็นที่ดินที่ภาคธุรกิจทับซ้อนที่ราชพัสดุและเป็นที่ตั้งของโรงเรียนเกาะหลีเป๊ะและสถานีอนามัยบ้านเกาะหลีเป๊ะ และพบว่าผู้ครอบครองใช้ประโยชน์ในที่ราชพัสดุโดยมิได้รับอนุญาต จำนวน 5 ราย 8 จุด โดยยินยอมรื้อถอนเรียบร้อย 7 จุด

รายงานระบุว่า สถานีตำรวภูธรเกาะหลีเป๊ะได้ดำเนินคดีกับผู้ครอบครองที่มิได้รับอนุญาต 5 ราย โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินการของสำนักงานที่ดินจังหวัดสตูลตามประมวลกฎหมายที่ดิน และจากการตรวจสอบเส้นทางเดินพบว่าเป็นทางเดินสาธารณะสมบัติของแผ่นดินประเภทพลเมืองใช้ร่วมกัน เมื่อมีผู้บุกรุกปิดกั้นกีดขวางจึงได้แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนแล้ว ขั้นต่อไปคือการบังคับใช้กฎหมายโดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองร่วมกับเจ้าพนักงานฝ่ายท้องถิ่นให้ผู้บุกรุกรื้อถอนสิ่งก่อสร้าง รั้ว ประตูที่ปิดกั้นทางสาธารณะเพื่อคืนกลับให้ชาวเลและเด็กนักเรียน ตลอดจนนักท่องเที่ยว

รายงานระบุด้วยว่า สำหรับการเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์แปลงที่ 11 บนเกาะหลีเป๊ะซึ่งเป็นบริเวณที่มีปัญหาการออกเอกสารสิทธิ ได้มีการรวบรวมพยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ เช่น ผลการอ่านแผลภาพถ่ายทางอากาศโดยผู้เชี่ยวชาญซึ่งขึ้นทะเบียนกับศาลยุติธรรม ร่วมกับการตรวจสอบร่องรอยการทำประโยชน์การอยู่อาศัย จากผลงานวิชาการของหลายสถาบัน การศึกษาภาพถ่ายทางอากาศปี 2493 ที่ได้รับการรับรองจากกรมแผนที่ทหาร จึงมีมติมอบหมายให้กรมที่ดินใช้อำนาจตาม ม.64 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อพิจารณาเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ดินแปลงที่ 11 ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญในการละเมิดสิทธิมนุษยชนชาวเลมาเป็นเวลากว่า 50 ปี เนื่องจากปรากฎข้อเท็จจริงจากข้อมูลการสืบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษและกรมอุทยานฯว่า การออกหนังสือรับรองที่ดินแปลงที่ 11 ตำแหน่งที่ดินข้างเคียงไม่สอดคล้องสัมพันธ์กัน มีการแจ้งระยะที่เพิ่มขึ้น มีเนื้อที่ครอบครองเกินจากหลักฐาน ส.ค.1

รายงานยังกล่าวถึงที่ดินแปลงที่ 11 ต่อไปว่า การตีความภาพถ่ายทางอากาศพบว่าที่ดินตามหลักฐาน น.ส.3 มีการทำประโยชน์ไม่เต็มแปลง บางส่วนยังมีสภาพเป็นป่าชายหาด ป่าดิบชื้นและทุ่งหญ้าธรรมชาติ เพื่อคืนความเป็นธรรมให้ชาวเลจึงควรเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ซึ่งปัจจุบันคณะกรรมการสอบสวนชุดนี้อยู่ระหว่างการเร่งดำเนินการตรวจสอบหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ดินหมายเลขอื่นๆอีก 40 แปลงบนเกาะหลีเป๊ะ

ด้านนายจำนงค์ จิตรนิรัตน์ ที่ปรึกษาเครือข่ายชาวเลเกาะหลีเป๊ะ กล่าวว่าที่ดินเกาะหลีเป๊ะมีมูลค่านับหมื่นล้านบาทและในอนาคตยิ่งเพิ่มสูงขึ้นหลายเท่า แต่ปัญหาที่ดินที่ชาวเลเป็นผู้บุกเบิกและถูกยึดครองโดยนายทุนและมาเฟียมาเป็นเวลานานและไม่สามารถแก้ปัญหาได้ โดยข้อเสนอที่ใกล้เคียงสุดเกิดขึ้นสมัยที่นายบรรหาร ศิลปอาชา ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยที่เสนอคณะรัฐมนตรีให้เพิกถอนสิทธิ น.ส.3 จำนวน 17 แปลงที่ออกโดยมิชอบแต่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีในขณะนั้นไม่นำเข้าสู่การพิจารณาของ ครม. จนกระทั่งเปลี่ยนรัฐบาล

นายจำนงค์กล่าวว่า คณะกรรมการชุดที่มีพล.ต.อ.สุรเชษฐ์เป็นประธาน ได้เจาะข้อมูลในเชิงลึกของการออกเอกสารสิทธิในที่ดินบนเกาะหลีเป๊ะและเปิดการรับรู้สู่สาธารณะได้มากที่สุด พร้อมทั้งยังมีข้อเสนอที่ชัดเจนคือให้กรมที่ดินใช้ ม.64 เพิกถอนเอกสารสิทธิในแปลงที่ไม่ถูกต้อง

“ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่ดีหากจะมีการให้คณะกรรมการฯชุดบิ๊กโจ๊ก ได้ทำงานต่อไปจนเสร็จ เพื่อให้ชาวเลได้รับความเป็นธรรม เพราะพวกเขาคือผู้บุกเบิกที่มีคุณต่อแผ่นดินไทย บิ๊กโจ๊กได้เดินทางไปลงพื้นที่เกาะหลีเป๊ะเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงมาหลายครั้งแล้ว ถ้ารัฐบาลจริงใจแก้ปัญหาหลีเป๊ะให้โปร่งใสและแก้ได้จริง ควรสนับสนุนให้บิ๊กโจ๊กและคณะทำงานต่อไปให้จบ ซึ่งจะกลายเป็นโมเดลให้รัฐบาลใช้ในการแก้ไขปัญหากลุ่มชาติพันธุ์”นายจำนงค์ กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายกฯ เผย ก.ตร. มีมติส่งคำร้อง 'บิ๊กโจ๊ก' ให้ฝ่ายวินัยพิจารณาอีกรอบ ปมสั่งช่วยราชการ

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 3/2567 ว่า วันนี้วาระสำคัญของการประชุมนอกจากแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิ ยังมีเรื่องที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร้องขอความเป็นธรรมทั้งหมด ทั้งที่มีต่อตนในฐานะนายกรัฐมนตรี และประธาน ก.ตร.

คกก.สอบ 2 บิ๊กตำรวจ ยอมรับเชิญ 'บิ๊กต่อ' ให้ถ้อยคำแล้ว นัดแถลงทุกประเด็นสัปดาห์หน้า

พล.ต.อ.วินัย ทองสอง หนึ่งในคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีปรากฏเป็นข่าวต่อสาธารณะเกี่ยวกับความขัดแย้งในเรื่องคดีของบุคคลากรภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

'บิ๊กต่าย' แจงตั้ง 'สราวุฒิ' ใกล้เกษียณสอบวินัย 'โจ๊ก' หากไม่ทันเตรียมใช้แผนสอง

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีที่จะมีการประชุมข้าราชการตำรวจช่วงบ่ายวันนี้ ว่า จะมีการนำประเด็นเรื่องร้องเรียนของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล

ชุดสอบ 'โจ๊ก' กับพวกผิดวินัยร้ายแรง-ออกจากราชการไว้ก่อน ยืนยันไม่มีใครชี้นำได้

พล.ต.อ.สราวุฒิ การพานิช รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบสวนกรณีที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พร้อมพวกรวม 5 คน ทำผิดวินัยร้ายแรงจนถูกออกจากราชการไว้ก่อน