กรณีประปาแม่สาย จังหวัดเชียงราย ที่มีปัญหาขุ่นขาวและมีความกังวลว่าจะสารพิษหรือโลหะหนักเจือปน อยู่ระหว่างการตรวจสอบของการประปาส่วนภูมิภาค นักวิชาการแนะนำแก้ไขปัญหาระยะยาวร่วมกันในการติดตั้งจุดตรวจวัดร่วมกันของสองประเทศ เพื่อแก้ปัญหาร่วมกัน
6 กุมภาพันธ์ 2567 - ดร.ธนพล พิมาน หัวหน้าฝ่ายการบริหารการจัดการน้ำ/นักวิจัยอาวุโสสถาบันสิ่งแวดล้อมสตอกโฮล์ม(SEI) กล่าว การแก้ไขปัญหาระยะยาวของประปาของอำเภอแม่สายควรเป็นความร่วมมือของ 2 ประเทศที่ควรจะมีการติดตั้งจุดตรวจวัดคุณภาพน้ำร่วมกัน เนื่องจากแม่น้ำสายมีต้นทางมาจากประเทศเมียนมาผ่านมายังชายแดนไทย-เมียนมา ก่อนที่จะไหลลงแม่น้ำโขง สถานีสูบน้ำประปาภูมิภาคแม่สาย อยู่เหนือเมืองท่าขี้เหล็กโดยปกติมีปัญหาทั้งเรื่องน้ำแห้งในหน้าแล้ง ต้องการมีการทำฝายเพื่อที่ประปาจะสูบน้ำได้ และการมีตะกอนทรายในหน้าฝน ฤดูน้ำหลาก อย่างไรก็ตามเท่าที่เคยลงพื้นที่ศึกษาเก็บข้อมูล แหล่งน้ำประปาจากน้ำสาย การปนเปื้อน และน้ำเสียจะมีที่มาจากโรงแรม ชุมชน ซึ่งปัจจุบันมีการขยายตัวของชุมชนและที่พักร้านอาหาร สถานบันเทิง และอีกแหล่งหนึ่งคือพื้นที่เกษตรที่มีการใช้สารเคมีแบบเข้มข้นที่ต้องทำระบบบำบัดน้ำเสีย
ดร.ธนพลกล่าวว่า ส่วนเรื่องสารเคมี และโลหะหนักจากเหมืองแร่นั้น เท่าที่เคยลงพื้นที่ยังไม่มีข้อมูลเชิงลึกในเรื่องแหล่งที่มาว่าจะเป็นจุดไหนตรงไหน เพราะฉะนั้นคำแนะนำ มี 2 แนวประกอบกัน คือ แก้ในประเทศ และการแก้ร่วมกัน ซึ่งการแก้ในประเทศโดยการหาข้อมูลจากระบบในประเทศที่ทำได้ทันคือการเช็คน้ำดิบน้ำธรรมชาติก่อนเข้าสู่การผลิตของประปาภูมิภาค และน้ำหลังการกรองจากโรงบำบัดการกรอง ว่าแตกต่างกันอย่างไรบ้าง และการตรวจวัดในแต่ละจุดที่น้ำออกมาที่ประชาชนนำมาใช้ในแต่ละพื้นที่ เพื่อให้เห็นว่าระบบประปามีข้อผิดพลาด ท่อรั่วและเสียหาย มีสิ่งปนเปื้อนตรงไหนหรือไม่ ส่วนการแก้ร่วมกันของ 2 ประเทศ คือ การพูดคุยกันผ่านเวที TBC ไทย-เมียนมา
“หากเหตุที่เกิดเกินกว่าอำนาจรัฐบาลท้องถิ่น และหน่วยงานท้องถิ่น ก็ต้องนำเสนอต่อกระทรวงต่างประเทศ และรัฐบาลส่วนกลาง ซึ่งต้องมีการบันทึกสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อนำไปสู่การเจรจาในการแก้ปัญหา ทั้งแบบทวิภาคี หรือเวทีร่วม เช่น เวทีความร่วมมือ อิรวดี เจ้าพระยา แม่น้ำโขง ในการทำข้อตกลงร่วมกัน”นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมกล่าว
ดร.ธนพลกล่าวว่า แนวทางการดำเนินการที่เกินอำนาจท้องถิ่น สามารถผลักดันได้ 2 แนวทาง ในการแก้ไขอย่างยั่งยืน แนวทางแรก คือ การเสนอผ่านหน่วยงานปกครองท้องที่ ผ่านตำบล อำเภอ จังหวัด ไปยังส่วนกลาง และอีกแนวทางหนึ่ง คือ การนำเสนอปกครองท้องถิ่น ที่เสนอไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และหากเกี่ยวกับแม่น้ำระหว่างประเทศ ก็เสนอไปยัง สทนช.(สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ)ได้ ที่สุดท้ายทั้ง 2 แนวทาง จะมีปลายทางที่สำนักนายกรัฐมนตรี เพราะการที่จะแก้ปัญหาระยะยาวได้คือการทำจุดติดตั้งการตรวจสอบคุณภาพน้ำ แต่ละจุด จะทำให้รู้ว่า การปนเปื้อนมาจากแหล่งใดได้ ซึ่งจะเป็นผลดีต่อประชาชนทั้งสองฝั่งแม่น้ำสาย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดผลตรวจ 'สารหนู' ในแม่น้ำสาย-รวก-โขง เกินมาตรฐานทุกจุดตรวจวัด
ผลตรวจเดือน พย.พบสารหนูเกินมาตรฐานในแม่น้ำสาย-รวก-โขงทุกจุดตรวจวัด ขณะที่แม่น้ำกกหนักอยู่ที่ ต.ท่าตอนส่วนจุดอื่นเบาบางลง นักวิชาการชี้รัฐยังเฉื่อยไร้แผนตรวจในคน-พืช-สัตว์ แนะเร่งสังเคราะห์ข้อมูลใช้ขับเคลื่อนเวทีระหว่างประเทศ
กระทรวงทรัพย์ฯ รุกลงพื้นที่เป่าล้างบ่อบาดาล ที่ใช้ในการผลิตน้ำประปาหมู่บ้านในพื้นที่จังหวัดเชียงราย เพื่อความปลอดภัยของประชาชน ผู้ใช้น้ำ
นายอาวีระ ภัคมาตร์ ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 และคณะ ร่วมกับกรมทรัพยากรน้ำบาดาล สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงราย และเทศบาลตำบลดอยฮาง ลงพื้นที่ติดตามการเป่าล้างบ่อบาดาล ที่ใช้เป็นน้ำดิบในการผลิตน้ำประปาหมู่บ้าน ณ หมู่ 3 เทศบาลตำบลดอยฮาง เพื่อคลายความกังวลของประชาชนผู้ใช้น้ำ
'สุชาติ' เตรียมลงเชียงราย แก้ปัญหาสารพิษแม่น้ำกก ย้ำเป็นเรื่องเร่งด่วน พร้อมเตรียมเร่งผลักดัน พ.ร.บ.อากาศสะอาด แก้ปัญหาฝุ่น
นายสุชาติ กล่าวว่า “การลงพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ครั้งนี้ เป็นการลงพื้นที่ครั้งแรกในฐานะรองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพย์ฯ เพื่อที่จะไปให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ และเพื่อเน้นย้ำว่างานของอุทยานฯ อีกส่วนที่สำคัญคือ การให้บริการแก่นักท่องเที่ยวที่เข้ามาเยี่ยมชมและศึกษาธรรมชาติ
นักวิจัยชี้ต้องใช้เวลาอีก 50-100 ปี ถึงจะฟื้นฟูธรรมชาติปนเปื้อนสารพิษเหมืองแรร์เอิร์ทได้
นักวิจัยคะฉิ่นชี้ต้องใช้เวลาอีก 50-100 ปี ถึงจะฟื้นฟูธรรมชาติปนเปื้อนสารพิษเหมืองแรร์เอิร์ทได้ แฉจีนเอาแต่ตักตวงผลประโยชน์-ไม่สนใจผลกระทบของเพื่อนบ้าน
ไร้สามัญสำนึก! กรมอุทยานฯ ตักเตือนผู้บุกรุกเขตหวงห้าม 'ดอยผาฮุ้ง' อุทยานฯถ้ำหลวง-นางนอน
เจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวนอุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน (เตรียมการ) ได้ออกปฏิบัติหน้าที่ตามปกติในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ โดยมุ่งเน้นเส้นทาง ดอยผาฮุ้ง ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญที่มีระบบนิเวศเปราะบางและถูกกำหนดให้เป็น เขตธรรมชาติหวงห้าม (Strict Nature Reserve zone) ตามหลักการของ IUCN ประเภท Ia


