ป.ป.ส.ร่วมตำรวจลาว จับข้ามประเทศราชายาบ้า หนีหมายจับ 3 ปีซุกบ้านเมียใช้ชีวิตหรูหรา มีค่าหัว 1 ล้านบาท สั่งการผ่านเครือข่ายส่งยานรกเข้าไทย
4 มิถุนายน 2568 - เวลา 08.00 น. ที่ริมแม่น้ำโขง บริเวณท่าเทียบเรือการท่องเที่ยว ถนนสุนทรวิจิตร เขตเทศบาลเมืองนครพนม พล.ต.ต.อิทธิพล จันทร์ศรีบุตร ผู้บังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 2 กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (ผบก.ปส.2 ปปส.) พ.ต.อ.ภัทรพงศ์ อินวรรณา ผู้กำกับการตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดนครพนม (ผกก.ตม.จว. นครพนมพร้อมคณะได้รับตัวนายปิยะนันท์ บุญพันธ์ อายุ 37 ปี ชาว จ.สกลนคร ซึ่งเป็นผู้ต้องหายาเสพติดรายสำคัญ ที่หลบหนีหมายจับนานถึง 3 ปี โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ควบคุมตัวได้เมื่อวันที่ 2 มิถุนายนที่ผ่านมา ในพื้นที่แขวงสะหวันนะเขต ฝั่งตรงข้ามกับ จ.มุกดาหาร จากนั้นได้นำตัวผู้ต้องหาไปลงบันทึกการจับกุมที่ ตม.นครพนม สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 (นครพนม-คำม่วน) และรอแถลงข่าว
ต่อมาช่วงบ่าย พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการสำนักงาน ป.ป.ส. นายปฤณ เมฆานันท์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด นายคณิศร ภาพีรนนท์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ปปส.ภาค 4 นายวรวิทย์ พิมพนิตย์ รอง ผวจ.นครพนม พล.ต.ต.ศักดิ์ชาย สาดมะเริง ผบก.ภ.จว.นครพนม พ.อ.ศิวดล ยาคล้าย ผบ.บก.ควบคุมที่ 1 กกล.สุรศักดิ์มนตรี/ผอ.ส่วนอำนวยการ นบ.ยส.24 พ.ต.อ.ภัทรพงศ์ อินวรรณา ผกก.ตม.จว.นครพนม พ.ต.อ. คณิต กลิ่นศรีสุข รอง ผบก.ตชด.ภาค 2 และหน่วยงานด้านความมั่นคง ร่วมแถลงข่าวที่จุดตรวจเอกสารฝั่งขาออกประเทศ
โดยเลขาฯ ปปส. เปิดเผยว่าการรับมอบและจับกุมตัว นายปิยะนันท์เป็นไปตามนโยบายในการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดตามแนวชายแดน “Seal Stop Safe” ของรัฐบาล ที่ผนึกกำลัง 51 อำเภอชายแดนในการปราบปรามยาเสพติด ทั้งนี้นายปิยะนันท์ผู้ต้องหารายนี้ มีค่าหัวเป็นรางวัลนำจับ 1 ล้านบาท เพราะเป็นนักค้ายาเสพติดรายใหญ่ ที่หลบหนีหมายจับไปอาศัยอยู่ที่ สปป.ลาว
โดยกรมตำรวจสกัดกั้นและต้านยาเสพติด กรมใหญ่ตำรวจ กระทรวงป้องกันความสงบ และ สำนักงานคณะกรรมการแห่งชาติเพื่อตรวจตราและควบคุมยาเสพติด กรมใหญ่ตำรวจ กระทรวงป้องกันความสงบ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (Lao National Commission for Drug Control and Supervision : LCDC) ได้สืบสวนสอบสวนจนทราบว่า นายปิยะนันท์หลบมาอยู่กับภรรยาชาวลาวในแขวงสะหวันนะเขต ปลูกบ้านหลังใหญ่บนเนื้อที่กว่า 10 ไร่ และใช้ชีวิตหรูหราสุขสบายจากเงินที่ค้ายาเสพติด จึงส่งภาพถ่ายขณะนายปิยะนันท์ขับรถจักรยานยนต์ออกจากบ้าน ให้ทาง ปปส.ยืนยันว่าใช่บุคคลที่ทางการไทยต้องการตัวหรือไม่ หลังได้รับการยืนยันชัดเจนจึงเข้าควบคุมตัวทันที พร้อมประสานส่งตัวผู้ต้องหาในฐานะหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย
โดยนายปิยะนันท์เป็น 1 ใน 21 คนตามโครงการประกาศสืบจับผู้ต้องหาคดียาเสติดรายสำคัญ ตามหมายจับประจำปี 2568 หลังสืบทราบว่าผู้ต้องหาหลบหนีมาอยู่ สปป.ลาว ไทยจึงขอให้ทางการลาว ช่วยติดตามจับกุม เพื่อผลักดันส่งตัวกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย ในการประชุมทวิภาคีไทย - ลาว ระดับรัฐมนตรี เรื่อง ความร่วมมือด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ครั้งที่ 20 เมื่อวันที่ 23 – 26 ธันวาคม 2567 ณ นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว และจากการตรวจสอบประวัติ ไม่พบว่านายปิยะนันท์มีครอบครัวอยู่ฝั่งไทย และไม่มีทรัพย์สินใดที่เป็นชื่อของผู้ต้องหา ตรงกันข้ามกลับมีทรัพย์สินจำนวนมากอยู่ที่ สปป.ลาว จึงจะหารือกับทางการลาวเพื่อยึดทรัพย์ต่อไป
ทั้งนี้ สำนักงาน ป.ป.ส. ติดตามพฤติกรรมของนายปิยะนันท์ตั้งแต่ปี 2565 พบว่าผู้ต้องหามีหน้าที่เป็นผู้จัดหา และติดต่อประสานงานระหว่างเครือข่ายนักค้ายาเสพติดชาวไทย และ สปป.ลาว โดยใช้ประเทศลาวเป็นทางผ่านในการลำเลียงยาเสพติดเข้าประเทศไทย โดยสำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกับ บช.ปส. ขอศาลอนุมัติออกหมายจับนายปิยะนันท์ในข้อหา “ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายอันเป็นการกระทำเพื่อการค้าการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและกระทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดและได้มีการกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน” ในคดีเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจยึดยาบ้า จำนวน 7,970,000 เม็ด ที่บริเวณทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 226 (บุรีรัมย์ – นครราชสีมา) บ้านหนองนกกวัก หมู่ที่ 7 ต.จักราช อ.จักราช จ.นครราชสีมา
กล่าวคือ เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2565 เวลาประมาณ 08.00 น. พนักงานสอบสวน สภ.จักราช จ.นครราชสีมา ได้รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุบนทางหลวงแผ่นดินสาย 226 ฝั่งขาเข้า จ.นครราชสีมา บ้านหนองนกกวัก หมู่ 7 ต.จักราช อ.จักราช จ.นครราชสีมา พบรถยนต์โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีดำ ทะเบียน กทม.ประสบอุบัติเหตุอยู่ในที่เกิดเหตุ แต่ไม่พบผู้ขับขี่ บริเวณเบาะหลังรถพบถุงกระสอบปุ๋ยขนาดใหญ่ จำนวน 18 กระสอบ ภายในเป็นยาบ้าจำนวน 7,920,000 เม็ด สืบสวนเชิงลึกจึงทราบว่ารถยนต์คันดังกล่าวเป็นของนายปิยะนันท์ เจ้าหน้าที่ได้ติดตามไปยังบ้านในพื้นที่ อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร พบว่านายปิยะนันท์ไหวตัวทันได้หลบหนีไป กระทั่งทราบจากผู้ต้องหาเครือข่ายยาบ้า ว่า นายปิยะนันท์หลบหนีมาอยู่กับภรรยาชาวลาวในแขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว
ระหว่างอยู่ที่ สปป.ลาว นายปิยะนันท์ได้ผันตัวมาเป็นผู้ประสานงานการค้ายาเสพติดข้ามชาติ จัดส่งยาบ้าครั้งละเป็นล้านเม็ด ยาไอซ์อีกนับร้อยกิโลกรัม โดยลักลอบนำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยจำนวนมาก ผ่านช่องทางธรรมชาติแม่น้ำโขง ซึ่งการติดตามจับกุมตัว ต้องอาศัยความร่วมมือของประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะ สปป.ลาว ซึ่งการจับกุมตัวนายปิยะนันท์ในครั้งนี้ จะส่งผลให้ปริมาณยาบ้าที่ลักลอบนำเข้าประเทศไทย ทางพื้นที่ภาคอีสานลดลง 5-10 เปอร์เซ็นต์ และสืบสวนสอบสวนติดตามจับกุมเครือข่ายของนายปิยะนันท์ที่เหลือ เพื่อกวาดล้างนักค้ายาเสพติดข้ามชาติรายสำคัญนี้ให้หมดสิ้นไปโดยเร็ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'แก๊งทะลุถุง' ป่วนอีก! ไล่แทงดะสะสมแต้ม งานบวงสรวง
บริเวณริมแม่น้ำโขง ถนนสุนทรวิจิตร เขตเทศบาลเมืองนครพนม ซึ่งเป็นวันสุดท้ายงานบวงสรวงพญาศรีสัตตนาคราช ระหว่างวันที่ 7 - 13 กรกฎาคม
โรงแรมฟอร์จูน นครพนมฯ ร่วมสนับสนุนงานบวงสรวงพญาศรีสัตตนาคราช ประจำปี 2568” อย่างยิ่งใหญ่
เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2568 ณ ลานพญาศรีสัตตนาคราช จังหวัดนครพนม ได้มีพิธีเปิดงาน บวงสรวงพญาศรีสัตตนาคราช ประจำปี 2568 ซึ่
สสส. - ภาคีเครือข่ายสุขภาวะภาคอีสาน ผนึกกำลัง จ.นครพนม ‘สานสุขไทอีสาน’
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) นำคณะสื่อมวลชนสัญจรลงพื้นที่ศึกษาดูงานภายใต้แผน 13 ด้านการขับเคลื่อนสุขภาวะชุมชน และเยี่ยมชมการทำงานของภาคีเครือข่ายสุขภาวะภาคอีสาน
ฟ้าเปิดเหนือพระธาตุ! แม่ทัพภาค 2 ร่วมสมโภช ก่อนฝนเทหนัก
แม่ทัพภาคที่ 2 พร้อมภริยา ร่วมสมโภชพระธาตุท่าอุเทนกลางสายฝนสุดศักดิ์สิทธิ์ เมฆดำปกคลุมทั่วฟ้า เว้นเหนือองค์พระธาตุฟ้าโปร่ง ก่อนเสร็จพิธีฝนตกหนัก สาธุชนร่วมอธิษฐานขอให้บ้านเมืองสงบสุข
ประชาชนแห่มอบดอกไม้ ให้กำลังใจแม่ทัพภาคที่ 2 แน่นวัดดังเมืองนครพนม
ประชาชนแห่มอบดอกไม้แม่ทัพภาค 2 ล้นวัด พิธีถวายพระพุทธรูปทรงเครื่อง เจ้าอาวาสมอบวัตถุมงคล แจกเป็นขวัญกำลังใจทหาร ส่องเลขทะเบียนรถ 2 คัน