ครบ 1 ปี ภัยพิบัติเชียงราย จัดเวทีระดมข้อเสนอแก้สารพิษปนเปื้อนในแม่น้ำ ชงรัฐบาลใหม่

ระดมข้อเสนอแก้ปัญหาสารพิษปนเปื้อน "แม่น้ำกก-สาย-รวก-โขง" ชงรัฐบาลใหม่ ภาคประชาชนเชียงรายจัดงานครบ 1 ปีภัยพิบัติน้ำท่วม-โคลนถล่ม หวั่นข้าวนาปีนับแสนไร่รับผลกระทบ-จี้รัฐบาลไทยเป็นเจ้าภาพจัดวงหารือประเทศภูมิภาค

10 กันยายน 2568 - ดร.สืบสกุล กิจนุกร นักวิชาการมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และสมาชิกเครือข่ายประชาชนปกป้องแม่น้ำกกสายรวกโขง เปิดเผยว่าในวันที่ 11 กันยายน เครือข่ายภาคประชาชนได้ร่วมกันจัดงานครบรอบ 1 ปีภัยพิบัติเชียงราย โดยจะมีการจัดเวทีเสวนาทั้งเรื่องทั้งเรื่องน้ำท่วมและมาตรการแจ้งเตือนของภาครัฐ รวมทั้งเสวนาในประเด็นสารปนเปื้อนในแม่น้ำต่างๆ ที่สำคัญจะมีการระดมความคิดเห็นเพื่อทำเป็นข้อเสนอแนะส่งไปยังรัฐบาลชุดใหม่ที่มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี

ดร.สืบสกุลกล่าวว่า สิ่งที่ตนอยากเสนอแนะต่อรัฐบาลใหม่คือ 1. หาวิธีการปิดเหมืองแร่ในประเทศเมียนมาให้เร็วที่สุดเพราะเป็นต้นเหตุของมลพิษข้ามพรมแดน 2. ห้ามนำเข้าแร่จากประเทศเมียนมาทั้งหมดจนกว่าผู้นำเข้าแร่จะพิสูจน์ได้ว่าแร่ที่นำเข้าไม่ได้มาจากแหล่งเหมืองแร่ที่เป็นต้นเหตุมลพิษ 3. จัดตั้งคณะทำงานร่วมระดับชาติเพื่อแก้ไขปัญหาแม่น้ำกกสายรวกโขงปนเปื้อนมลพิษจากเหมืองแร่ในประเทศเมียนมา โดยการส่วนร่วมจากภาคราชการ ภาควิชาการ และภาคประชาสังคม

นักวิชาการมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงกล่าวว่า 4.รัฐบาลชุดใหม่ควรจัดทำแผนปฏิบัติการเฝ้าระวังห่วงโซ่อุปทานสินค้าเกษตรในลุ่มน้ำกกสายรวกโขง โดยเฉพาะการตรวจผลผลิตข้าวนาปีเนื้อที่ 100,000 ไร่ในลุ่มน้ำกก สาย และโขง ก่อนกรเก็บเกี่ยวในเดือนตุลาคม 5. จัดหาแหล่งน้ำดิบแห่งใหม่สำหรับผู้บริโภคน้ำประปาจำนวน 55,000 ราย ในอำเภอเมือง เวียงชัย แม่สาย เชียงแสน และเชียงของ 6. จัดตั้งศูนย์การตรวจสารโลหะหนักประจำจังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย 7. เยียวยาและชดเชยประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากปัญหาแม่น้ำกกสายรวกโขงปนเปื้อนสารโลหะหนัก ได้แก่ กลุ่มผู้ประกอบการแพร้านอาหารและชาวประมง มี่ต้องสูญเสียรายได้ 8. เป็นเจ้าภาพเจรจาแก้ไขปัญหาระหว่างประเทศไทย เมียนมา และ จีน

นายภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ สส.เชียงใหม่ พรรคประชาชนในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษามลพิษทางน้ำข้ามแดน ในคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากภัยธรรมชาติและสาธารณภัย สภาผู้แทนราษฏร กล่าวว่า รัฐบาลชุดใหม่ควรรีบเข้ามาแก้ปัญหาเร่งด่วนโดยแก้ที่ต้นเหตุคือการทำเหมืองในรัฐฉาน เพราะที่ผ่านมารัฐบาลชุดก่อนได้หารือกับทางการพม่าอย่างเป็นทางการเพียงแค่ครั้งเดียวโดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี เดินทางไปกรุงเนปิดอว์หารือกับรัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของพม่า แต่ก็ไม่ได้ความคืบหน้าอะไร มีเพียงการตั้งคณะกรรมการร่วมขึ้นมา แต่ไม่ได้มีเนื้อหาที่ทำให้ประชาชนอุ่นใจได้เลยว่ารัฐบาลจะขับเคลื่อนเรื่องนี้อย่างจริงจัง

นายภัทรพงษ์กล่าวว่า ปัญหาสารพิษปนเปื้อนในแม่น้ำกก แม่น้ำสาย แม่น้ำรวกและแม่น้ำโขง ยังสามารถแก้ไขไม่ให้บานปลายใหญ่โตได้ แต่รัฐบาลชุดเดิมไม่ทำและเดินไม่ถูกทาง เช่น การให้ สทนช.(สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ)เป็นหน่วยงานขับเคลื่อนหลัก โดยใช้กลไกของเอ็มอาร์ซี(คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง) แต่ทั้งพม่าและจีนไม่ได้เป็นสมาชิกของเอ็มอาร์ซี จึงต้องเคลื่อนไปที่แอลเอ็มซี ( ความร่วมมือแม่น้ำล้านช้าง-แม่น้ำโขง- Lancang-Mekong Cooperation ) แต่ในความร่วมมือนี้ไม่ได้มีเรื่องสารปนเปื้อน ดังนั้นรัฐบาลจึงไปผิดทาง สิ่งที่รัฐบาลควรใช้คือ LMEC ( Lancang-Mekong Environmental Cooperation Center หรือ ศูนย์ความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมแม่น้ำโขง-ล้านช้าง) โดยขับเคลื่อนผ่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ

“รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯคนเก่าไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อมเลย แทบไม่มีบทบาทเรื่องนี้ ที่ผ่านมารัฐบาลไปผิดทาง ดังนั้นควรปรับแนวทางใหม่ เพราะ LMEC มีทั้งจีนและพม่ารวมอยู่ด้วย แล้วเราก็ต้องคุยกับลาวเพื่อให้แม่น้ำโขงไม่ส่งผลกระทบกับคนของเขา”ประธานอนุกรรมาธิการฯกล่าว

นายภัทรพงษ์กล่าวว่า สำหรับการแก้ไขปัญหาในประเทศเกี่ยวกับสายน้ำปนเปื้อนสารโลหะหนักเกินค่ามาตรฐานคือรัฐบาลต้องเข้าไปดูเกษตรกรที่ทำนาปีเร่งด่วน เพราะจนถึงขณะนี้ยังไม่มีแผนที่ที่ชัดเจนว่ามีบริเวณใดบ้างที่ใช้น้ำจากแม่น้ำกก แม่น้ำสาย แม่น้ำรวกและแม่น้ำโขง นอกจากนี้ยังไม่ได้เตรียมน้ำที่ใช้ทดแทนน้ำจากแม่น้ำที่ปนเปื้อนเลย เพราะสถานการณ์ตอนนี้น่ากังวลมาก เนื่องจากในที่ประชุมคณะอนุกรรมาธิการฯซึ่งมีหน่วยงานราชการต่างๆมาชี้แจง เช่น กรมพัฒนาที่ดิน กรมส่งเสริมการเกษตร กรมการข้าว ได้ให้ข้อมูลชัดเจนว่าข้าวนาปีที่ปลูกในลุ่มน้ำเหล่านี้ ไม่สามารถผ่านการตรวจมาตรฐานจีเอพี(Good Agricultural Practices) หรือการปฎิบัติทางการเกษตรที่ดี และไม่สามารถได้มาตรฐานออแกนิคไทยแลนด์ได้ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมาก

“ทำให้วันนี้เกษตรกรกลุ่มนี้ไม่ได้การรับรองมาตรฐาน นั่นหมายความว่าเมื่อผลผลิตข้าวออกมา ต่อให้ตรวจแล้วไม่มีพบสารโลหะหนักปนเปื้อนเลย สิ่งที่รัฐบาลควรเร่งคือเรื่องของตลาด เพราะอาจมีการกดราคาข้าวในพื้นที่เหล่านี้ เมื่อผลผลิตข้าวออกมารัฐบาลควรรีบตรวจให้ครอบคลุมกว้างขวางที่สุด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับตลาด หากตรวจแล้วเจอสารโลหะหนักก็ต้องเตรียมมาตรการเยียวยาไว้ให้กับเกษตรกร”นายภัทรพงษ์ กล่าว

นายภัทรพงษ์กล่าวว่า นอกจากข้าวแล้ว ยังเคยมีการตรวจข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ซึ่งปลูกที่ลุ่มแม่น้ำกกพบว่ามีสารตะกั่วที่เกินมาตรฐาน ดังนั้นรัฐบาลจำเป็นต้องเฝ้าระวังพื้นที่เกษตรกรรม โดยต้องเตรียมแผนรองรับเพราะหากตรวจพบสารโลหะหนักตกค้างก็ต้องมีมาตรการเยียวยาและชดเชยให้เกษตรกรเพราะเขาไม่ได้ทำอะไรผิดและรัฐบาลก็ไม่ได้หาแหล่งน้ำอื่นให้กับเกษตรกร

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯผลักดันเรื่องการทำฝายดักตะกอนกั้นแม่น้ำกก นายภัทรพงษ์กล่าวว่า โดยส่วนตัวแล้วรู้สึกว่าเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำเพราะตั้งงบประมาณทำฝายดักตะกอนไว้ 4 จุดจำนวน 173 ล้านบาทเฉพาะแม่น้ำกก โดยเป็นฝายคอนกรีตซึ่งดูแล้วน่าจะเป็นฝายถาวร ดังนั้นจึงควรศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมหรืออีไอเอด้วยซึ่งต้องใช้เวลาพอสมควร แต่สิ่งที่ยากที่สุดคือต้องหาพื้นที่ในการฝังกลบหรือทำลายตะกอนพิษเหล่านี้

“ผมเห็นแผนที่เขาจะสร้างฝายสูง 2 เมตรซึ่งมันใช้ไม่ได้เลยกับแม่น้ำกกในฤดูฝน เพราะฤดูฝนน้ำเพิ่มสูงมากเกิน 4 เมตร ทำให้ตะกอนพัดผ่าน ฝายมูลค่า 173 บาทจะใช้อะไรไม่ได้เลยในหน้าฝนและยังกลายเป็นสิ่งกีดขวางทางน้ำ มันไม่คุ้มค่าเลย ที่สำคัญคือเรื่องนี้ยังไม่เคยมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนเลย”สส.เชียงใหม่ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าสถานการณ์การปนเปื้อนในน้ำได้ขยายวงกว้างไปสู่แม่น้ำโขงกลายเป็นปัญหาระดับภูมิภาค คิดว่ารัฐบาลไทยควรมีบทบาทอย่างไร ประธานอนุกรรมธิการฯกล่าวว่า กลไกระหว่างประเทศต้องมีความชัดเจนกว่านี้ ตนเชื่อว่าหากประเทศไทยมีลุกขึ้นมาเป็นเจ้าภาพก็ไม่มีประเทศใดดำเนินการเพราะเป็นไปไม่ได้ที่จีนจะลุกขึ้นมาเพราะเขาได้ประโยชน์ เช่นเดียวกับพม่า ดังนั้นไทยควรเป็นเจ้าภาพหลักเพราะได้รับผลกระทบอย่างเต็มๆ และเรามีควาพร้อมมากกว่าประเทศเพื่อนบ้าน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สภาสูงอวยรัฐบาลแก้น้ำท่วมไม่ล่าช้า! แต่ติดใจเงินเยียวยา 9 พันบาท

'สว.ภิญญาพัชญ์' ชี้รัฐบาล ควรจัดศูนย์ One Stop Service บริการ ปชช. เร่งจ่ายเงินเยียวยา ถามให้ 9,000 เท่าเทียมหรือไม่ มองรัฐบาลทำงานไม่ล่าช้า ลงพื้นที่รวดเร็ว

‘ดร.ธรณ์’ แนะนำ เราจะไปอยู่ไหนดี จังหวัดที่ฝุ่นน้อย ภัยพิบัติไม่ค่อยมี

ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม อาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัย

เปิดผลตรวจ 'สารหนู' ในแม่น้ำสาย-รวก-โขง เกินมาตรฐานทุกจุดตรวจวัด

ผลตรวจเดือน พย.พบสารหนูเกินมาตรฐานในแม่น้ำสาย-รวก-โขงทุกจุดตรวจวัด ขณะที่แม่น้ำกกหนักอยู่ที่ ต.ท่าตอนส่วนจุดอื่นเบาบางลง นักวิชาการชี้รัฐยังเฉื่อยไร้แผนตรวจในคน-พืช-สัตว์ แนะเร่งสังเคราะห์ข้อมูลใช้ขับเคลื่อนเวทีระหว่างประเทศ

นายกฯ มอบนโยบายงบฯปี 70 กำชับใช้โปร่งใส โอดอยากนามสกุลหลีกภัย แต่กลายเป็นเจอภัย

นายกฯ มอบนโยบายงบฯปี 70 กำชับใช้โปร่งใส ประโยชน์กลับสู่ปชช. เข้มขอเท่าที่จำเป็น เตรียมปรับงบฯรับมือภัยธรรมชาติ เป็นลำดับแรก ขอความร่วมมือรัฐ-เอกชน เลือกจัดอีเว้นที่หาดใหญ่ หวังเม็ดเงินช่วยในพื้นที่ ชี้เหตุน้ำท่วมมุ่งพัฒนาทำถนน-ขนส่งทางบก ขวางทางน้ำ โอด อยากใช้นามสกุล ‘หลีกภัย’ แต่เจอ 4 ภัย ‘เศรษฐกิจ-มั่นคง-สังคม-ภัยธรรมชาติ’ ลั่นรักษาอธิปไตยพร้อมหนุนกองทัพ ซื้ออาวุธยังจำเป็น ปลุกสามัคคีทำงานรับใช้ชาติ