จับตาโดดประชุมทำสภาล่ม หวังกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.แท้ง

 จับตาประชุมร่วมกันของรัฐสภาเช้านี้ ไม่รู้ “ส.ส.-ส.ว.” ผู้ทรงคุณวุฒิ จะให้เกียรติร่วมลงชื่อเป็นองค์ประชุมให้รัฐสภาสามารถเปิดประชุมได้หรือไม่ ถ้าได้ จะเปิดประชุมได้กี่โมง ตามเวลานัดหมายในหนังสือเชิญประชุมสมาชิกรัฐสภาก็ 09.00 น.

ตารางวาระที่รอให้สมาชิกพิจารณาต้องเริ่มที่ร่าง พ.ร.บ.กำหนดระยะเวลาดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรม พ.ศ....ที่เมื่อการประชุมรัฐสภาคราวก่อน 3 ส.ค.ล่มไม่เป็นท่า เพราะพรรคเพื่อไทย (พท.) และพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เจตนาทำให้สภาล่ม จึงทำให้การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กรอบทำงานกระบวนการยุติธรรม ในมาตรา 8 ต้องหยุดชะงักไปชั่วคราว ฉะนั้น วันนี้ต้องเริ่มพิจารณาในมาตราดังกล่าวเรื่อยไปจนครบทั้ง 12 มาตรา

จากนั้นจึงจะเข้าสู่ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ที่ครั้งก่อนโน้น ทางคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ ขอถอนร่างกลับไปพิจารณาใหม่อีกครั้ง เพื่อปรับปรุงแก้ไขมาตรา และมีการเพิ่มมาตราใหม่ให้สอดคล้องกับมติเสียงส่วนใหญ่ของที่ประชุมรัฐสภา ที่เห็นชอบให้วิธีการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ใช้สูตรหาร 500 แทนสูตรหาร 100 อย่างไรก็ตาม ถ้ากระบวนการรัฐสภาเดินมาถึงจุดนี้ ที่ประชุมรัฐสภาจะเริ่มพิจารณาที่มาตรา 24/1 ที่คณะ กมธ.เพิ่มขึ้นมาใหม่

ขั้นตอนทั้งหมดที่ร่ายมาจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อ พท. และสาย “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ทั้งใน พปชร.และ ส.ว.ให้ความร่วมมือยอมลงชื่อเป็นองค์ประชุม ทว่า คงมีโอกาสน้อย เพราะเจตนาทำ “สภาล่ม” เพื่อต้องการ “ทำแท้ง” สูตรหาร 500 ชัดเจน

ขนาด “ชวน หลีกภัย” ประธานรัฐสภา ผู้ระมัดระวังคำพูด การให้สัมภาษณ์ และวางตัวอยู่เหนือความขัดแย้ง ยังระบุว่า “เดิมอาจจะไม่ค่อยรู้ว่าสาเหตุอะไร แต่ครั้งนี้ชัดเจน เพราะมีสมาชิกบางฝ่ายแสดงความเห็นชัดว่าไม่ประสงค์จะให้กฎหมายผ่าน โดยให้ระยะเวลาเกิน 180 วัน เพื่อนำร่างกฎหมายเดิมที่รัฐสภาเสนอมาใช้”   

หากเป็นไปตามแผน สภาล่มจนพิจารณาร่างกฎหมายลูกไม่ทันตามกรอบที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ ก็มีทางออกตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 132 กำหนดว่า ถ้าที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาพิจารณาไม่แล้วเสร็จภายในกำหนดเวลา ให้ถือว่ารัฐสภาให้ความเห็นชอบตามร่างที่เสนอตามมาตรา 131

ทั้งนี้ มาตรา 131 บอกไว้ว่า ร่างกฎหมายลูกจะเสนอได้แค่ 2 ทาง คือ 1.เสนอโดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยข้อเสนอแนะของศาลฎีกา ศาลรัฐธรรมนูญ หรือองค์กรอิสระที่เกี่ยวข้อง หรือ 2.เสนอโดย ส.ส.จำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร

ซึ่งในคราวการพิจารณาร่างกฎหมายลูกเลือกตั้ง ส.ส.ในวาระที่ 1 ปรากฏว่า ทั้ง ครม.และพรรคการเมืองอีก 3 พรรคเสนอ และที่ประชุมมีมติรับหลักการไว้ทั้ง 4 ร่าง แต่ให้ใช้ฉบับของ ครม.ตามคำแนะนำของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นร่างหลักในการพิจารณา

ฉะนั้น ถ้ารัฐสภาล้มเหลว ทำงานไม่เสร็จก็ต้องใช้ร่างกฎหมายลูกเลือกตั้ง ส.ส.ฉบับ ครม.เสนอ ซึ่งเท่ากับเป็นการฟื้นคืนชีพวิธีการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ สูตรหาร 100

ประเด็นของเรื่องนี้ ยังต้องจับตาที่กลวิธีระหว่าง “พวกเอา 500” กับ “พวกเอา 100” ที่มีการพลิกกลับไปกลับมาหลายตลบ เมื่อคราวแต้มต่อเป็นของ “พวก 500” การเมืองฝ่ายตรงข้าม และนักวิจารณ์การเมืองส่งเสียงเซ็งแซ่ บอกว่า พวกนี้เป็นพวกเขียนด้วยมือ ลบด้วย.... กลืนน้ำตัวเองระวังจะเสียคน เป็นพวกลุ่มหลงคิดแต่จะอยู่ในอำนาจ ไม่สนใจวิธีการ หลักการ เลยเลือกสูตรคำนวณที่เป็นประโยชน์กับตัวเอง

มาวันนี้ “พวกเอา 100” ถือไพ่เหนือกว่า พท. จับมือ พปชร. เล่นเกมไม่แสดงตนเป็นองค์ประชุม หวังจะเอาสูตร 100 หารกลับคืนมาให้ได้ สภาล่มก็ช่างหัวมัน พฤติกรรมคล้ายคลึงกับตอน “พวกเอา 500” ทำ คือไม่สนวิธีการ ไม่สนหลักการ และยิ่งนาทีนี้เริ่มปั่นกระแส พท.ดีลกับ “พี่ใหญ่” ด้วยแล้ว ว่ามาร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล และถอยให้ “พี่ใหญ่” เป็นนายกฯ! ยิ่งสรุปได้ว่า เวลาและการกระทำเป็นเครื่องพิสูจน์ตัวตนว่า ส.ส.แต่ละคนสมควรได้รับความไว้วางใจจากประชาชนให้เป็นผู้แทนอีกสมัยในการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ปชน. ค้านนัดโหวตแก้ รธน. วาระ 3 หลังปีใหม่ หวั่นกระทบไทม์ไลน์ทำประชามติ

"ณัฐวุติ" ย้ำโหวตแก้ รธน. วาระ 3 ต้องเสร็จก่อนปีใหม่ หวั่นกระทบไทม์ไลน์ทำประชามติ เสี่ยงผิด MOA เชื่อไม่มีเงื่อนไขให้ สว. ควํ่าวาระ 3 เผย หลังโหวตเสร็จ ปชน. เตรียมชง 2 คำถามประชามติให้สภาฯ เคาะทันที

จิรุตม์-มณฑลลุ้นผงาดกกต. สีน้ำเงินคุมเสียงข้างมาก7เสือ

เมื่อมีความชัดเจนทางการเมืองว่า “พรรคเพื่อไทย” จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังการโหวตร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญวาระ 3 ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า 2569

'ภัยพิบัติการเมือง เมื่อกฎบริจาค กลายเป็นสนามแข่งพรรคใหญ่'

ในช่วงปลายปี 2568 ซึ่งประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างน้ำท่วมในหลายพื้นที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกมาชี้แจงแนวทางการบริจาคเงินและสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย

พลิกเกม"น้ำท่วม"สู้ศึกเลือกตั้ง สมรภูมิการเมืองช่วงชิงชัยชนะ

แรงกดดันของสังคมที่มีต่อ "อนุทิน ชาญวีรกูล" นายกรัฐมนตรี หลังเหตุการณ์มหาอุทกภัยที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พุ่งเป้าไปที่ความผิดพลาด บกพร่อง และล่าช้า ในการสั่งการเข้าช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจนทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก

วิกฤตน้ำท่วมทำรัฐบาลรวน อาจป่วนถึงการแก้รัฐธรรมนูญ

วิกฤตในการบริหารสถานการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ของภาคใต้ โดยเฉพาะที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นอกจากความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจำนวนมหาศาลแล้ว ยิ่งทำให้รัฐบาลสูญเสียความน่าเชื่อถือในสายตาสาธารณชน

รัฐบาลอ่อนหัด โครงสร้างล้าหลัง ฉุดเชื่อมั่น'อนุทิน-ภท.'จมดิ่งกับน้ำท่วม

วิกฤตมหาอุทกภัยถล่ม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคใต้ สร้างความหายนะราวกับคลื่นสึนามิ ซากปรักหักพังของเมืองเสมือนวันสิ้นโลก