‘ก้าวไกล’โตเพราะ‘เพื่อไทย’ทำ ชัดเจนช้า ทวงแต้มคืนยาก

"พรรคเพื่อไทย" กำลังออกอาการอย่างเห็นได้ชัดกับกระแสความนิยมในขณะนี้ โดยเฉพาะเรตติ้งของ "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล    

ตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง มาจนกลางทาง "อุ๊งอิ๊ง" แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ขึ้นแท่นอยู่ในอันดับที่ 1 มาโดยตลอด โดยมี "พิธา" จากพรรคก้าวไกลค่อยๆ ขยับตามมาเรื่อยๆ จนหายใจรดต้นคอเมื่อสัปดาห์ก่อน 

กระทั่งสัปดาห์ที่ผ่านมา มีโพลอย่างน้อย 2 สำนัก เผยแพร่ผลสำรวจออกมา ผลคือ "พิธา" มีคะแนนความนิยมแซง "แพทองธาร" ไปเรียบร้อยแล้ว 

ศูนย์สำรวจความคิดเห็นนิด้าโพล ของสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ได้เผยแพร่ผลสำรวจระหว่างวันที่ 24-28 เมษายน จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 2,500 หน่วยตัวอย่าง  

พบว่า พิธา จากพรรคก้าวไกล ได้ไปถึง 29.20% แพทองธาร จากพรรคเพื่อไทย ที่ครองอันดับ 1 มาตลอด ตกไปอยู่อันดับ 2 ได้ 14.84% อันดับ 3 คือ "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติ 6.76% และอันดับ 4 เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยอีกคน 3%   

นอกจากสามารถขยับแซงแพทองธารได้แล้ว จะเห็นว่าผลการสำรวจ พิธามีมากกว่าแพทองธารเท่าตัวทีเดียว  

ส่วนโพลอีกสำนักคือ โพลมติชน กับเดลินิวส์ ที่ทำการสำรวจเป็นครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 22-28 เมษายน 2566 เป็นเวลา 7 วัน โดยมีวิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ใช้กระบวนการโหวตเป็นวิธี "โหวตผ่านช่องทางออนไลน์" โดยมีประชาชน บุคคลผู้มีชื่อเสียง ดารา นักแสดง และผู้สนใจการเมืองจากหลากหลายวงการ เข้ามาตอบแบบสอบถามทั้งสิ้น 78,583 ราย  

ผลคือ พิธายังมีคะแนนนิยมเหนือกว่าอุ๊งอิ๊งในโพลนี้ โดยได้ไปถึง 52.00% เพิ่มขึ้นจากเดิมที่เคยได้ 28.48% หรือเกือบสองเท่าตัว อันดับ 2 คือ เศรษฐา จากเดิมอยู่อันดับ 4 ที่ 16.10% ขยับขึ้นมาเป็นอันดับ 2 แต่สัดส่วนลดลงเป็น 15.65% ขณะที่แพทองธารร่วงไปอยู่อันดับ 3 จากเดิมอยู่อันดับ 2 ที่ 20.01% ลดลงไปอยู่อันดับ 3 ที่ 13.37%    

ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหนือการคาดหมายเท่าไหร่นัก หากมองคะแนนความนิยมผ่านการสำรวจของโพลต่างๆ ในช่วงที่ผ่านมา จะเห็นว่าคะแนนนิยมของพิธาอยู่ในลักษณะพุ่งขึ้นมาโดยตลอด  

และยิ่งมาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงแกนนำพรรคเพื่อไทยไม่สามารถให้ความชัดเจนเรื่อง การจับมือกับพรรคพลังประชารัฐ ได้ ในขณะที่พรรคก้าวไกล ตั้งแต่แฟนคลับ สมาชิกพรรค แกนนำพรรค สามารถตอบได้ทุกเวทีว่า “มีลุงไม่มีเรา มีเราไม่มีลุง” ไม่จับมือกับทั้งพรรคพลังประชารัฐของ "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค และพรรครวมไทยสร้างชาติของ "บิ๊กตู่" 

แม้ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยพยายามแก้เกมโดยการให้ระดับหัวของพรรคออกมาแสดงความชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐา ที่รีบออกมาประกาศจะไม่จับมือพรรค 2 ลุง คือ พรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่เอาตำแหน่งหัวหน้าพรรคเป็นประกัน หรือแม้แต่คิวล่าสุดที่แพทองธาร ซึ่งเพิ่งคลอดบุตรได้เพียง 2 วัน ต้องออกมาตั้งโต๊ะแถลงที่โรงพยาบาลเพื่อย้ำเรื่องนี้ แต่ดูเหมือนจะไม่สามารถช่วยอะไรได้แล้ว 

มิเพียงเท่านั้น ยังถูก กระแสตีกลับ โดยแฟนคลับของพรรคก้าวไกลได้ไปขุดคำให้สัมภาษณ์ของแพทองธาร วันสมัครรับเลือกตั้งเมื่อต้นเดือนเมษายน ที่ว่า ทุกอย่างเป็นไปได้ เมื่อถูกถามถึงการจับมือกับพรรคพลังประชารัฐ มารีรันซ้ำให้เห็นถึงความคลุมเครือของพรรคเพื่อไทย 

พรรคเพื่อไทยในมุมของแฟนคลับที่เรียกตัวเองว่า ปีกประชาธิปไตย คือคนที่เสียเครดิตด้านความน่าเชื่อถือไปแล้ว ไม่สามารถงอนง้อคะแนนจากคนที่เปลี่ยนใจไปให้พรรคก้าวไกลเรียบร้อยแล้วได้  

ขณะเดียวกัน คะแนนความนิยมของพิธา จากมวลชนปีกนี้ในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนวันกาบัตร กำลังอยู่ในสถานะ ติดลมบน  

ย้อนกลับไปเมื่อสัปดาห์ก่อน พิธาเจอดรามาอย่างหนักจากกรณีที่เคยให้สัมภาษณ์ว่า เดินทางกลับจากต่างประเทศมาร่วมงานศพของคุณพ่อช้า เพราะถูกควบคุมตัวที่สนามบินในเหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ซึ่งมีหลายฝ่ายออกมาจับพิรุธกันหลายจุดว่าเป็นการโกหก  

ไม่เว้นแต่คนของพรรคเพื่อไทยคือ ปานปรีย์ พหิทธานุกร แกนนำพรรคเพื่อไทย ที่อยู่บนเครื่องบินลำเดียวกัน ซึ่งออกมาเล่าเหตุการณ์วันนั้น โดยหลายอย่างไม่ได้เป็นอย่างที่พิธาให้สัมภาษณ์เอาไว้ 

แต่ประเด็นดังกล่าวกลับไม่สามารถทำให้แฟนคลับของพรรคก้าวไกลหวั่นไหวได้ ตรงกันข้าม คะแนนจากคนที่เคยเลือกพรรคเพื่อไทยต่างยิ่งเทมาอยู่กับพรรคก้าวไกลมากขึ้น  

คะแนนนิยมของพิธามาไกลกว่าที่หลายคนคิด จากก่อนการเลือกตั้งที่แทบจะไม่เคยติด 1 ใน 3 ของโพล และไม่ได้มีกระแส "ฟ้ารักพ่อ" เหมือนกับสมัยนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ หาเสียงเมื่อการเลือกตั้งปี 2562  

สิ่งที่ทำให้พรรคก้าวไกลโตมาถึงตรงนี้ได้ ไม่ใช่เพราะพรรครวมไทยสร้างชาติของ "บิ๊กตู่" ที่เป็นคู่แข่งจากขั้วตรงข้าม แต่เป็นเพราะพรรคเพื่อไทย คู่แข่งในปีกเดียวกันเอง  

ความคลุมเครือ ความไม่ชัดเจน ของพรรคเพื่อไทย คือสิ่งที่ทำให้พรรคก้าวไกลเติบโตจนมาท้าชิงฐานคะแนนในกลุ่มนี้ได้ 

มาแรงถึงขนาดที่ว่า แพทองธารซึ่งเพิ่งคลอดลูกได้แค่ 2 วัน ต้องรีบออกมาตั้งโต๊ะแถลงย้ำจุดยืนของพรรค และประกาศจะรีบหวนคืนเวทีดีเบตเพื่อกอบกู้เรตติ้งพรรคตัวเอง  

แต่เหมือนจะไม่ได้ผล แม้พยายามทุ่มสุดตัว โน้มน้าวให้คนหันไปเลือกตั้งใน เชิงยุทธศาสตร์ ทำให้พรรคเพื่อไทยแลนด์สไลด์เพื่อบอกลา 3 ป. เป็นการแก้เกมแล้วก็ตาม  

พรรคเพื่อไทย คือพรรคที่อยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากที่สุดกับการเติบโตของพรรคก้าวไกลในเวลานี้ แม้จะถูกจัดให้อยู่ในปีกเดียวกัน ในฐานะที่เป็นพรรคร่วมฝ่ายค้านด้วยกันมาก่อน 

เพราะการที่พรรคก้าวไกลได้คะแนนมากขึ้นเท่าไหร่ นั่นหมายถึงคะแนนของพรรคเพื่อไทยจะน้อยลงตามไปเท่านั้น เนื่องจากมีฐานคะแนนอยู่ในบ่อเดียวกัน  

ภายนอกอาจจะมองว่า การที่พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลต่างได้คะแนนมากด้วยกันทั้งคู่จะส่งผลดีในการตั้งรัฐบาล แต่สำหรับพรรคเพื่อไทยไม่ได้คิดแบบนั้น 

ในทางการเมืองรู้กันว่า พรรคก้าวไกลคือ ของร้อน ที่เกือบทุกพรรคไม่กล้าจะนำมาร่วมด้วย หรือไปร่วมด้วยในการจัดตั้งรัฐบาล เนื่องจากจุดยืนที่ทะลุเพดานและสุดโต่ง โดยเฉพาะเรื่องประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112   

แม้แต่พรรคเพื่อไทยที่ในใจลึกๆ เองที่หากเลือกได้ คงไม่อยากอยู่ใกล้ของร้อนแบบนี้เช่นกัน เพียงแต่ที่ผ่านมาพูดไม่ได้ว่าไม่กล้าจับมือด้วย เพราะมีเรื่องของคะแนนนิยมค้ำอยู่ ทำให้ต้องอยู่ในสภาวะครึ่งๆ กลางๆ มาโดยตลอด 

และหากคะแนนความนิยมของพรรคก้าวไกลยังเป็นแบบนี้อยู่ เงื่อนไขในการเป็นรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยจะยากขึ้นเรื่อยๆ  

ต่อให้ได้ที่นั่ง ส.ส.มากที่สุดในสนามเลือกตั้ง แต่หากไม่สามารถทำแลนด์สไลด์ได้ การจัดตั้งรัฐบาลจะกระทำได้ยากมาก เพราะอำนาจการต่อรองจะตกไปอยู่ที่บรรดาพรรคตัวแปรต่างๆ ทันที  

และหากอีกปีกหนึ่ง ที่นำโดยพรรครวมไทยสร้างชาติ มีปริมาณ ส.ส.ที่สามารถรวบรวมเสียงแข่งได้ หรือน้อยกว่าไม่มากนัก พรรคเพื่อไทยอาจจะมีชะตากรรมเหมือนกับการเลือกตั้งเมื่อปี 2562  

ยกเว้นเสียแต่ว่า เกิดสูตรตั้งรัฐบาลใหม่ ที่พร้อมใจกันปล่อยให้พรรคก้าวไกลไปโดดเดี่ยวอยู่ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน 

กลายเป็นว่าสนามเลือกตั้งครั้งนี้ แทนที่ขั้วตรงข้ามจะทำให้พรรคเพื่อไทยปวดหัว แต่กลับกลายเป็นพรรคก้าวไกล พันธมิตรฝ่ายค้านที่กอดกันหลวมๆ เมื่อคราวก่อน  

พรรคเพื่อไทยวันนี้กำลังเป็นวัวพันหลัก ที่ยังหาทางแก้เกมพรรคก้าวไกลไม่ได้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เคาต์ดาวน์สว.5ปีอำลาเก้าอี้ จับตาเลือกตะลุมบอนรอบใหม่

เคาต์ดาวน์สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ชุดปัจจุบัน ที่จะหมดวาระดำรงตำแหน่งในวันที่ 11 พ.ค.นี้ บางคนบอกลากันทีชุดลากตั้ง ที่มีคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นผู้ให้กำเนิด และมาพร้อมกับอำนาจพิเศษที่สามารถโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีได้ด้วย

'เศรษฐา' อวดคนอีสาน 10 เดือน ผลงานเพียบ ไตรมาส 4 ได้เงินหมื่นแน่

นายกฯ พบชาวหนองพอก อวดผลงาน 10 เดือน ราคาพืชผลการเกษตรดี ยันเร่งแก้ปัญหาน้ำประปา ปราบหนี้นอกระบบให้หมด ย้ำ 'ดิจิทัล วอลเล็ต' ไตรมาส 4 ได้แน่

นายกฯ ปลื้ม! คนร้อยเอ็ดเชียร์นั่ง 2 สมัย 'พระอาจารย์ต้อม' มอบของขลัง

'เศรษฐา' ลุยต่อร้อยเอ็ด กราบนมัสการ 'พระอาจารย์ต้อม' ให้พรประสบความสำเร็จ มอบพระเครื่อง 'เสาร์ 5 ร้ายกลับดี' รับปากเร่งแก้ปัญหาน้ำท่วม - ยาเสพติด ขณะชาวบ้านเชียร์นั่งนายกฯ 2 สมัย