สารพัดสมการ ‘ผสมพันธุ์รัฐบาล' จับตาสูตรไหนจะเข้าวิน!

ความคืบหน้าการจัดตั้งรัฐบาลล่าสุด นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า จะนัดประชุม 8 พรรคร่วม ในวันที่ 2 ส.ค. เพื่อนำข้อสรุปจากการพูดคุยกับ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) และ สส.จากพรรคการเมืองต่างๆ ที่แสดงความเห็นตรงกันว่า พร้อมจะยกมือสนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย แต่ต้องไม่มีพรรคก้าวไกลอยู่ร่วมจัดตั้งรัฐบาล ไปแจ้งให้ 8 พรรคร่วมทราบ

ขณะที่วันก่อน นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย แสดงความเชื่อว่า การโหวตนายกรัฐมนตรีในวันที่ 4 ส.ค. จะโหวตนายกฯ แบบม้วนเดียวจบ

ฉะนั้น ต้องจับตาว่า ในวันที่ 2 ส.ค.นี้ จะได้บทสรุปเรื่องการโหวตแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ และถ้าจบ จะจบแบบไหน 

เพราะระหว่างทางก่อนถึงวันที่ 2 ส.ค. ที่ 8 พรรคร่วมจะประชุมกัน และระหว่างทางก่อนที่จะโหวตแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในวันที่ 4 ส.ค.นั้น สถานการณ์การเมืองพลิกผันกันแบบวันต่อวัน โดยเฉพาะ ‘สูตรตั้งรัฐบาล’ ที่มีมากเหลือเกิน 

สูตรแรก ‘เติมเสียง’ ขั้วรัฐบาลเดิม ในเวอร์ชั่นไม่มีพรรค 2 ลุง คือ พรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยดึง ‘พรรคภูมิใจไทย’ ที่มี 71 เสียง และพรรคชาติไทยพัฒนา ที่มี 10 เสียง เข้ามา ซึ่งจะทำให้เพียงพอ 

แต่ปัญหาของสูตรนี้คือ ที่ผ่านมาพรรคภูมิใจไทย ภายใต้การนำของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรค และพรรคชาติไทยพัฒนา ภายใต้การนำของนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าพรรค ยืนยันมาตลอดว่า ไม่สามารถทำงานร่วมกับพรรคที่มีนโยบายแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 หรือมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อสถาบันได้

กล่าวคือ พรรคภูมิใจไทยไม่สามารถทำงานร่วมกับรัฐบาลที่มีพรรคก้าวไกลได้

อีกสูตรคือ เวอร์ชั่นที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ มี นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี โดยปราศจาก ‘พรรคก้าวไกล’ และ ‘พรรครวมไทยสร้างชาติ’

โดยมีรายงานว่า พรรคเพื่อไทยสามารถเจรจากันเพื่อรวบรวมเสียงในเบื้องต้นได้แล้ว 302 เสียง ประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย 141 เสียง พรรคภูมิใจไทย 71 เสียง พรรคพลังประชารัฐ 40 เสียง พรรคประชาธิปัตย์ 25 เสียง พรรคชาติไทยพัฒนา 10 เสียง พรรคประชาชาติ 9 เสียง พรรคเพื่อไทยรวมพลัง 2 เสียง พรรคชาติพัฒนากล้า 2 เสียง พรรคเสรีรวมไทย 1 เสียง  สาเหตุที่พรรค 1 ลุงคือ พรรคพลังประชารัฐ หลุดมาในสูตรนี้ได้ เพราะมีความชัดเจนว่า ‘บิ๊กป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค ส่งสัญญาณจะไม่รับเก้าอี้ใดๆ ในคณะรัฐมนตรี โดยเห็นได้จากการขยับเอา ‘บิ๊กป๊อด’ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ น้องชาย มาอยู่เบื้องหน้า เป็นประธานที่ปรึกษาพรรค และขยับเอา ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา กลับมาเป็นเลขาธิการพรรค 

ขณะที่สัดส่วนในกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐชุดใหม่เต็มไปด้วยนักการเมืองในสายของ ‘บิ๊กป๊อด-ธรรมนัส’ ซึ่งมีการตั้งข้อสังเกตว่า เป็นการค่อยๆ ถอยออกไปอยู่หลังฉากของ ‘บิ๊กป้อม’

ส่วนที่ไม่เอา ‘พรรครวมไทยสร้างชาติ’ อยู่ในสมการนี้ รายงานข่าวอ้างว่า เกรงกระแสต่อต้านจากคนเสื้อแดง เพราะมองว่า เป็นพรรคของ ‘บิ๊กตู่’ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ซึ่งเป็นศัตรูหมายเลข 1 ในช่วงที่ผ่านมา

ประกอบกับอีกมุมหนึ่งมองว่า ‘พรรครวมไทยสร้างชาติ’ ไม่ได้มีพิษภัยอะไร แม้จะผลักไปเป็นฝ่ายค้าน เพราะสุดท้ายแล้ว ‘สปอนเซอร์หลัก’ ของพรรคเพื่อไทยกับพรรครวมไทยสร้างชาติเป็นคนคนเดียวกัน สามารถบริหารจัดการเรื่องต่างๆ ได้

ขณะที่อีกสูตรก่อนหน้านี้ ในช่วงที่มีนักการเมืองบินไปหา ‘ทักษิณ ชินวัตร’ อดีตนายกรัฐมนตรีที่ฮ่องกง โดยอ้างว่า พรรคก้าวไกลเสนอว่าจะยอมไปเป็นฝ่ายค้าน พร้อมกับโหวตให้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย แต่ขอว่า ต้องไม่เอา 2 ลุง นั้น มีรายงานว่า สูตรนี้ไม่ได้รับการสนอง

อีกอย่างมีการหวาดระแวงว่า บทพระเอกของพรรคก้าวไกลในสูตรนี้จะเป็นอันตรายกับพรรคเพื่อไทยในวันหน้า หาก นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกลรอดคดีหุ้นสื่อ เพราะจะทำให้สามารถนำชื่อเข้าไปโหวตได้ในสมัยประชุมหน้า 

ส่วนอีกสูตรก่อนหน้านั้น ในช่วงที่พรรคเพื่อไทยเปิดพรรคหารือกับขั้วรัฐบาลเดิม 5 พรรคนั้น เป็นสูตรพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ โดยในองคาพยพมีพรรค 2 ลุงร่วมอยู่ด้วย เพราะวันนี้ ‘บิ๊กตู่’ วางมือทางการเมืองไปแล้ว กับ ‘บิ๊กป้อม’ ถอยหลบไปอยู่หลังฉาก พร้อมกับจะไม่มีทั้ง 2 ลุง ในคณะรัฐมนตรีชุดหน้า

สูตรนี้ยังถูกมองว่า มีความเป็นไปได้อยู่

แต่อย่างไรก็ดี มันมีความเคลื่อนไหวที่สำคัญก่อนวันโหวตนายกฯ หลังมีการแชร์คลิปที่ นายเศรษฐา ระบุจะแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เหมือนกับที่นายพิธาพูด ทำให้มีการใช้บรรทัดฐานนี้ไปกดดัน สว.และพรรคการเมืองต่างๆ ที่ไม่โหวตให้นายพิธาให้ทำแบบเดียวกับนายเศรษฐา หากมีการเสนอชื่อจริง

แต่ดูแล้วน่าจะเป็นการเกมกดดัน เพราะอย่างที่รู้กันว่า พรรคเพื่อไทยเองไม่มีนโยบายเรื่องนี้ อาจจะเป็นช่องให้หาเหตุผลมาแก้ต่างได้ เมื่อเทียบกับพรรคก้าวไกลที่ชัดเจนไปเลย 

การเมืองตอนนี้ยังไม่นิ่ง รวมถึงสูตรจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งตราบใดที่เอ็มโอยูของ 8 พรรคยังดำรงอยู่ ไม่ถูกฉีก มันสามารถพลิกได้หลายตลบ!.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

จิรุตม์-มณฑลลุ้นผงาดกกต. สีน้ำเงินคุมเสียงข้างมาก7เสือ

เมื่อมีความชัดเจนทางการเมืองว่า “พรรคเพื่อไทย” จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังการโหวตร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญวาระ 3 ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า 2569

'ภัยพิบัติการเมือง เมื่อกฎบริจาค กลายเป็นสนามแข่งพรรคใหญ่'

ในช่วงปลายปี 2568 ซึ่งประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างน้ำท่วมในหลายพื้นที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกมาชี้แจงแนวทางการบริจาคเงินและสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย

พลิกเกม"น้ำท่วม"สู้ศึกเลือกตั้ง สมรภูมิการเมืองช่วงชิงชัยชนะ

แรงกดดันของสังคมที่มีต่อ "อนุทิน ชาญวีรกูล" นายกรัฐมนตรี หลังเหตุการณ์มหาอุทกภัยที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พุ่งเป้าไปที่ความผิดพลาด บกพร่อง และล่าช้า ในการสั่งการเข้าช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจนทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก

วิกฤตน้ำท่วมทำรัฐบาลรวน อาจป่วนถึงการแก้รัฐธรรมนูญ

วิกฤตในการบริหารสถานการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ของภาคใต้ โดยเฉพาะที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นอกจากความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจำนวนมหาศาลแล้ว ยิ่งทำให้รัฐบาลสูญเสียความน่าเชื่อถือในสายตาสาธารณชน

รัฐบาลอ่อนหัด โครงสร้างล้าหลัง ฉุดเชื่อมั่น'อนุทิน-ภท.'จมดิ่งกับน้ำท่วม

วิกฤตมหาอุทกภัยถล่ม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคใต้ สร้างความหายนะราวกับคลื่นสึนามิ ซากปรักหักพังของเมืองเสมือนวันสิ้นโลก

ปี69เดือด!เลือกตั้งทุกระดับ 'กกต.-ประชาชน'ตัดสินอนาคต

ปี 2569 กลายเป็นปีที่ท้าทายที่สุดสำหรับประชาธิปไตยไทย ด้วยการเลือกตั้งหลายระดับที่กระชั้นชิดกันอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ที่คาดว่าจะพ่วงด้วยการลงประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ และบันทึกความเข้าใจ (MOU)