22 ส.ค.โหวตผู้นำยกสอง ‘เศรษฐา’ เสียงล้น หรือเกมลวง

มีความชัดเจนทางการเมืองเกิดขึ้นหลายอย่างในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เริ่มตั้งแต่กรณีผู้ตรวจการแผ่นดินยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเรื่องการเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล ซ้ำได้หรือไม่ หลังจากมี สส.และ สว.บางส่วนยกข้อบังคับการประชุมสภาขึ้นมาว่าไม่สามารถกระทำได้ เนื่องจากเป็นญัตติที่ตกไปแล้ว จนทำให้การโหวตนายกรัฐมนตรีต้องเลื่อนออกมาเป็นสัปดาห์ 

ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง เนื่องจากเห็นว่าผู้ร้องเรียนไม่ใช่บุคคลซึ่งถูกละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพโดยตรง ไม่อาจใช้สิทธิยื่นคำร้องเรียนได้ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 213 

ด้านนายพิธา ในฐานะผู้เสียหายโดยตรง ปฏิเสธที่จะใช้สิทธิยื่นศาลรัฐธรรมนูญ โดยระบุว่า “เป็นปัญหาของสภา ดังนั้นควรแก้กันที่สภา” 

ส่วนท่าทีภาพรวมของพรรคก้าวไกลดูเหมือนจะยังไม่ยอมแพ้ โดยเฉพาะประเด็นเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีซ้ำ โดยนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรค เปิดเผยภายหลังรู้ผลศาลรัฐธรรมนูญว่า เตรียมจะขอให้ทบทวนมติที่ประชุมรัฐสภาเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม กรณีเสนอชื่อบุคคลเป็นนายกรัฐมนตรีซ้ำได้หรือไม่ 

ขณะที่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานรัฐสภา ได้กำหนดให้วันที่ 22 สิงหาคม เป็นวันโหวตนายกรัฐมนตรียกสอง 

แต่ก่อนจะโหวตนายกรัฐมนตรี จะมีการหารือกันถึงญัตติของนายรังสิมันต์ ซึ่งยังค้างวาระอยู่เมื่อการประชุมรัฐสภาครั้งที่แล้ว และยังไม่มีข้อยุติ เมื่อได้ข้อสรุปแล้วจึงจะเข้าสู่การโหวตนายกรัฐมนตรี 

ในส่วนความเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทย สัปดาห์ที่ผ่านมาชัดเจนแล้วเหมือนกันว่า การโหวตนายกรัฐมนตรีในวันที่ 22 สิงหาคมนี้ จะเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน 1 ใน 3 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค เข้าไปโหวต                  

โดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง สส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ออกมาแสดงความมั่นใจว่า ขณะนี้นายเศรษฐาได้รับเสียงสนับสนุนจากรัฐสภาเกินกึ่งหนึ่งแล้ว พร้อมกับมั่นใจว่าจะโหวตเพียงรอบเดียวแล้วผ่านเลย   

สำรวจเสียงสนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยขณะนี้ ในส่วนของสภาผู้แทนราษฎรถือว่าได้เกินกึ่งหนึ่งแล้ว หลังเมื่อวันพฤหัสบดี พรรครวมไทยสร้างชาติตอบรับเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย ทำให้ได้เสียงเพิ่มอีก 36 เสียง  

ส่วนสัปดาห์ก่อน พรรคพลังประชารัฐ โดยนายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร และกรรมการบริหารพรรค ออกมาประกาศว่า 40 เสียงของพรรคจะสนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย 

ทำให้เสียงสนับสนุนของพรรคเพื่อไทยในส่วนของสภาผู้แทนราษฎรมีมากถึง 314 จาก 11 พรรคการเมือง ได้แก่ พรรคเพื่อไทย 141 เสียง พรรคภูมิใจไทย 71 เสียง พรรคพลังประชารัฐ 40 เสียง พรรครวมไทยสร้างชาติ 36 เสียง พรรคชาติไทยพัฒนา 10 เสียง พรรคประชาชาติ 9 เสียง พรรคเพื่อไทรวมพลัง 2 เสียง พรรคชาติพัฒนากล้า 2 เสียง พรรคเสรีรวมไทย 1 เสียง พรรคท้องที่ไทย 1 เสียง พรรคพลังสังคมใหม่ 1 เสียง 

สำหรับความคืบหน้าเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลนั้น มีรายงานว่า แต่ละพรรคสามารถตกลงสัดส่วนกระทรวงที่แต่ละพรรคจะได้เรียบร้อยแล้ว อย่างเช่น พรรคภูมิใจไทย จะได้รัฐมนตรีว่าการ 4 ตำแหน่ง รัฐมนตรีช่วยว่าการ 4 ตำแหน่ง พรรครวมไทยสร้างชาติ จะได้รัฐมนตรีว่าการ 2 ตำแหน่ง รัฐมนตรีช่วยว่าการ 2 ตำแหน่ง หรือพรรคพลังประชารัฐ ได้รัฐมนตรีว่าการ 3 ตำแหน่ง รัฐมนตรีช่วยว่าการ 1 ตำแหน่ง เป็นต้น 

ส่วนรายละเอียดว่าใครจะนั่งกระทรวงไหน คาดว่าจะจบก่อนวันที่ 22 สิงหาคมนี้แน่นอน หลังพรรคร่วมหลายพรรคส่งสัญญาณออกมาว่าต้องการได้บทสรุปก่อนที่จะยกมือให้ เพื่อความไว้วางใจต่อกัน 

อย่างไรก็ตาม แม้เสียงในสภาผู้แทนราษฎรของพรรคเพื่อไทยนาทีนี้จะท่วมท้น ทะลุ 300 เสียงไปเรียบร้อย แต่ตามรัฐธรรมนูญแล้ว หากนายเศรษฐาจะฝ่าด่านก้าวขึ้นไปเป็นนายกรัฐมนตรีได้ จะต้องได้รับความเห็นชอบ 375 เสียง เท่ากับว่าตอนนี้พรรคเพื่อไทยขาดอยู่อีก 61 เสียง โดยจะต้องไปพึ่งจาก สภาสูง  

แม้พรรคเพื่อไทยเองแสดงความมั่นใจว่าสามารถหาเสียงที่เหลือจาก สว.ได้ เพราะแกนนำหลายคนในพรรคมีคอนเนกชันที่ดีกับสภาสูง และไม่มีเรื่องการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เหมือนกับกรณีของพรรคก้าวไกลให้ถูกสกัด แต่ถึงตรงนี้ไม่มีใครสามารถการันตีได้ 100% ว่าอีก 61 เสียงจะให้แน่ๆ  

อีกทั้งท่าทีของ สว.หลายคนที่อยู่ในสายอำนาจเก่า แสดงออกมาแปลกๆ จนผู้คนสับสนและหวาดระแวง ไม่ว่าจะเป็นนายเสรี สุวรรณภานนท์ สว. ในฐานะประธานกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา ที่กำลังตรวจสอบพฤติกรรมของนายเศรษฐาเกี่ยวกับการหลบเลี่ยงภาษีที่ดินที่มีการร้องเรียนเข้ามา โดยได้มีการขอเอกสารไปยังสำนักงานที่ดินแล้ว นอกจากนี้ยังไม่การันตีว่าชื่อของนายเศรษฐาจะฉลุย ต่อให้วันนี้จะมีพรรค 2 ลุงอยู่ร่วมแล้วก็ตาม  

“แม้ว่าทั้ง 2 พรรคจะไปรวมกับพรรคเพื่อไทยได้ แต่ไม่เชื่อว่าจะมี สว.โหวตตาม เพราะ สว.ก็มีหลักในการพิจารณาผู้ที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี ต้องเป็นบุคคลที่ไม่กระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่แก้มาตรา 112 ไม่ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ” 

ซึ่งเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับเป็นนโยบายของพรรคเพื่อไทย ประกอบกับคลิปการให้สัมภาษณ์ของนายเศรษฐาเกี่ยวกับการแก้ไขมาตรา 112 ที่มีการขุดกันขึ้นมา คำพูดนายเสรีจึงน่าสนใจ 

เช่นเดียวกับท่าทีของนายจเด็จ อินสว่าง สว.อีกราย ที่ออกมาแสดงความเห็นว่าชื่อของนายเศรษฐาจะผ่านยาก โดยอ้างว่า สว.ยังติดใจประเด็นเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ในทางธุรกิจ ตามที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ออกมาเปิดเผยข้อมูลเรื่องการหลีกเลี่ยงภาษีการซื้อขายที่ดิน แต่นายเศรษฐาไม่เคยออกมาชี้แจงให้ชัดเจน  

ดูเหมือนว่า สว.กำลังให้น้ำหนักกับความเคลื่อนไหวของนายชูวิทย์อย่างมาก 

ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า การออกมาเคลื่อนไหวสกัดนายเศรษฐาของนายชูวิทย์ เรื่องการหลบเลี่ยงภาษีการซื้อขายที่ดินสมัยทำธุรกิจนั้น สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อสังคม และกำลังสร้างปัญหาให้กับทั้งนายเศรษฐาและพรรคเพื่อไทย  

และว่ากันตามสิ่งที่เห็นคือ สังคมให้เครดิตและความน่าเชื่อถือกับนายชูวิทย์ค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะออกมาแฉหรือพูดอะไรก็ตาม    

สังคมไม่ได้มองว่านายชูวิทย์มีนัยทางการเมืองอะไรหรือไม่ หรือมีเบื้องหน้าเบื้องหลัง แต่โฟกัสกันว่านายเศรษฐาทำจริงหรือไม่  

กลายเป็นภาพลักษณ์ของนายเศรษฐาขณะนี้กำลังติดลบจากการความเคลื่อนไหวของนายชูวิทย์ 

และยังไม่รู้ว่า วันที่ 21 สิงหาคมนี้ ก่อนวันโหวตนายกรัฐมนตรี 1 วัน ซึ่งนายชูวิทย์ระบุว่าจะเปิดหลักฐานเกี่ยวกับการให้นอมินีซื้อที่ดินนี้ จะมีหลักฐานอะไรที่สั่นสะเทือนการเมืองไทยอีกหรือไม่ เพราะหากเป็นหลักฐานเด็ด เชื่อว่าส่งผลต่อการตัดสินใจโหวตนายกรัฐมนตรีของ สว.แน่ 

แม้หลายพรรคการเมืองที่ตอบรับเข้าร่วมกับพรรคเพื่อไทยจะไม่ติดใจเรื่องที่นายชูวิทย์ออกมาเคลื่อนไหวสกัดนายเศรษฐา แต่ สว.กลับไม่ได้คิดอย่างนั้น 

กอปรกับในช่วงสัปดาห์สองสัปดาห์นี้ แม้พรรคเพื่อไทยจะชัดเจนว่าเสนอชื่อนายเศรษฐา แต่กลับยังมีกระแสข่าวออกมาเป็นระลอกว่าต้องการจะให้ อุ๊งอิ๊ง-น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยอีกคนเป็นผู้นำมากกว่า  

มีการพูดกันถึงขั้นว่า ต้องการจับ "อุ๊งอิ๊ง" เป็นตัวประกัน เพื่อไม่ให้พรรคเพื่อไทยหรือเจ้าของพรรคตุกติกในภายหลัง 

ดังนั้น ที่ว่าคะแนนของ "เศรษฐา" ล้นๆ นั้น ล้นจากแค่เพียง สส.อย่างเดียวหรือไม่ ไม่ได้เกี่ยวกับ สว.?

หรือที่สุดเรื่องนี้จะเป็น เกมลวง ให้พรรคเพื่อไทยและนายเศรษฐาตายใจ เพื่อล่อไปตกสวรรค์ในสภา? 

ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า ความหวาดระแวงมันยังไม่ได้หมดสิ้น  

ที่ว่าจะม้วนเดียวจบ 22 สิงหาคมนี้ อย่านิ่งนอนใจ การเมืองไทยอะไรก็เกิดขึ้นได้. 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'บุ้ง ทะลุวัง' สังเวยการเมือง บีบรัฐบาลเพื่อไทยเร่งคลี่คลายสถานการณ์

การเสียชีวิตของ น.ส.เนติพร เสน่ห์ หรือ บุ้ง ทะลุวัง จากอาการหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ระหว่างถูกคุมขังที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์

นายกฯ เยือนโรงงานผลิตผ้าแบรนด์ชั้นนำอิตาลี ต่อยอดภูมิปัญญาผ้าย้อมครามไทยสู่สากล

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เดินทางไปเยี่ยมชมโรงงานของห้องเสื้อ Zegna เมืองวาลดิลานา (Valdilana) และพบหารือกับนาย Gildo Zegna ผู้บริหารของห้องเสื้อ Zegna

ถึงศาล รธน. แล้ว! 40 สว. ยื่นถอด 'เศรษฐา-พิชิต' พ้นตำแหน่ง

สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ได้ร่วมกันเข้าชื่อตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 เพื่อส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความสิ้นสุดลงของตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

รัฐบาลตีปี๊บ! ช่วยลูกหนี้นอกระบบแล้ว 1.4 แสนราย รวมพันล้านบาท

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากนโยบายรัฐบาลและนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาหนี้อย่างครบวงจรทั้งหนี้ในระบบและหนี้นอกระบบ

ทวงสัญญารัฐบาลเพื่อไทย แก้กม.-ปล่อยตัวนักโทษม.112

การต่อสู้ของ “เนติพร เสน่ห์สังคม” หรือ “บุ้ง ทะลุวัง” ผู้ต้องขังคดีมาตรา 112 ได้สิ้นสุดลง เพราะเธอจากไปขณะถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ ด้วยอาการหัวใจวาย เนื่องมาจากอดข้าวอดน้ำประท้วง เรียกร้องให้แก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ต่อสู้เกี่ยวกับสิทธิในการประกันตัว และปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม