ถึงตอนนี้ บิ๊กต่อ-พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.ปฏิบัติหน้าที่มาร่วม 2 สัปดาห์
โดยหนึ่งในการบริหารงานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ถูกจับตามองมากก็คือ การบริหารงานบุคคล การทำโผบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายบิ๊กตำรวจระดับนายพล ตั้งแต่ พล.ต.อ.จนไปถึง พล.ต.ต. ที่ก็คือรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจนถึงผู้บังคับการทั่วประเทศ
ด้วยความที่บิ๊กต่อมีอายุราชการเพียง 1 ปี และขึ้นมาเป็น ผบ.ตร.แบบฟาสต์แทร็ก เติบโตแบบก้าวกระโดด ข้ามอาวุโสแบบพรวดๆ จึงทำให้หลายฝ่ายจับตามองว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์จะทำบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายบิ๊กสีกากีประจำปีออกมาดีแค่ไหนที่ก็จะได้เห็นกันในโผตำรวจระดับนายพลที่จะเกิดขึ้น
โดยจันทร์นี้ 16 ต.ค. จะมีการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. ที่เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จะมาเป็นประธานการประชุม ก.ตร.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งแต่ 8 โมงเช้าเพื่อพิจารณาโผบิ๊กสีกากี ก่อนจะกลับไปประชุมคณะรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาลต่อ ซึ่งเลื่อนมาจากวันอังคาร และจากนั้นจะเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนทันที
สำหรับการทำบัญชีแต่งตั้งบิ๊กตำรวจรอบนี้ จะแตกต่างจากยุค ผบ.ตร.คนอื่นๆ เพราะ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ และเศรษฐา นายกฯ เห็นควรให้ทำบัญชีเป็น 2 ช่วง
รอบแรก คือ 16 ต.ค.นี้ จะพิจารณาบัญชีแต่งตั้งระดับรอง ผบ.ตร.-จเรตำรวจแห่งชาติ จนถึงผู้บัญชาการ ที่ก็คือ พล.ต.อ.ถึง พล.ต.ท.
จากนั้นรอบที่ 2 ที่คาดว่าจะเป็นปลายเดือนนี้ จะเป็นการพิจารณาระดับรองผู้บัญชาการ ถึงผู้บังคับการทั่วประเทศ เพื่อให้ผู้บัญชาการที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้พิจารณารายชื่อรองผู้บัญชาการและผู้บังคับการในกองบัญชาการของตัวเอง เสนอมาที่ ผบ.ตร. จากนั้นถึงเอาเข้าที่ประชุม ก.ตร.ต่อไป
สำหรับโผบิ๊กสีกากีที่ปีนี้ทำกัน 2 รอบ
มีตำแหน่งว่างดังนี้
รอง ผบ.ตร. 3 ตำแหน่ง
ผู้ช่วย ผบ.ตร. 5 ตำแหน่ง
ผู้บัญชาการ 16 ตำแหน่ง
รองผู้บัญชาการ 51 ตำแหน่ง
ผู้บังคับการ 78 ตำแหน่ง
ประชุม ก.ตร. 16 ต.ค. นี้จึงเป็นการพิจารณาเฉพาะตำแหน่งรอง ผบ.ตร.-ผบช.
ในส่วนของเก้าอี้รอง ผบ.ตร.-ผช.ผบ.ตร. เนื่องจากต้องทำตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติฉบับปัจจุบัน ที่วางกฎเหล็กต้องแต่งตั้งเรียงตามระดับอาวุโส ทำให้ คาดเดาได้ไม่ยากว่าใครได้ขึ้นบ้าง
โดย 3 ผู้ช่วย ผบ.ตร.ที่จะขึ้นไปติดยศ พล.ต.อ.เป็นรอง ผบ.ตร. คือ พล.ต.ท.ไกรบุญ ทรวดทรง, พล.ต.ท.สราวุฒิ การพานิช-พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์
ขณะที่ ผู้ช่วย ผบ.ตร. 5 เก้าอี้ มีผู้บัญชาการขยับขึ้นเรียงตามอาวุโส ประกอบด้วย พล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหจารุ นายแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ, พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง, พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7, พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 และ พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ
แต่ตำแหน่งที่ต้องจับตา อีกทั้งเป็นการพิสูจน์ตัวตนของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ คือ การแต่งตั้งระดับ ผู้บัญชาการ ที่ว่าง 16 เก้าอี้ เพราะตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติกำหนดให้แต่งตั้งอาวุโส 50% อีก 50% ความรู้ ความสามารถ
ดังนั้น 16 เก้าอี้ แบ่งครึ่งได้เป็น 8 คน ต้องตั้งตามอาวุโส ส่วนอีก 8 เปิดช่องให้ดันสายใกล้ชิดขั้วอำนาจเข้ารับตำแหน่งได้
กลุ่มอาวุโส 50% 8 เก้าอี้ ที่ต้องขยับจากรองผู้บัญชาการ จะเรียงตามลำดับ 1-8 ขึ้นไปเป็นผู้บัญชาการ ติดยศ พล.ต.ท. ตามข่าวระบุว่า ประกอบด้วย พล.ต.ต.ฐากูร นัทธีศรี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3, พล.ต.ต.กฤษกร พลีธัญญวงศ์ รองผู้บัญชาการกองบัญชาการศึกษา, พล.ต.ต.กิติศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ รองผู้บัญชาการภูธรภาค 1, พล.ต.ต.พิสิฐ ตันประเสริฐ รองผู้บัญชาการสอบสวนกลาง, พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล, พล.ต.ต.กฤตธาพล ยี่สาคร รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5, พล.ต.ต.นิตินันท์ เพชรบรม รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และ พล.ต.ต.ยงเกียรติ มนปราณีต รองผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน
กลุ่มความรู้ ความสามารถอีก 50% อีก 8 เก้าอี้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ที่จะผลักดันให้ขยับขึ้นผู้บัญชาการจากทั้งหมดกว่า 70 คน คือไฮไลต์สำคัญในการแต่งตั้ง "นายพล" ประจำปีครั้งนี้
โดยก่อนจะถึงการประชุม ก.ตร. วันที่ 16 ต.ค. ปรากฏว่าเมื่อวันอาทิตย์ที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.อ.ต่อศักดิ์เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพิจารณารายชื่อข้าราชการตำรวจ หรือบอร์ดกลั่นกรอง ร่วมกับรอง ผบ.ตร.ทั้งหมด และปิยวัฒน์ ศิวรักษ์ เลขาธิการ ก.พ. เพื่อพิจารณาโผบิ๊กสีกากีดังกล่าว ทั้งรอง ผบ.ตร.-ผช.ผบ.ตร.-ผู้บัญชาการ รวม 24 ตำแหน่ง ก่อนจะนำรายชื่อเสนอเข้าที่ประชุม ก.ตร. วันจันทร์ที่ 16 ต.ค.
ซึ่งมีรายงานว่า ตำแหน่งรอง ผบ.ตร.-ผู้ช่วย ผบ.ตร. รวมถึงผู้บัญชาการที่ขยับจากรอง ผบช.มารับตำแหน่งตามลำดับอาวุโส ส่วนใหญ่เป็นไปตามรายชื่อข้างต้นที่ระบุไว้
จุดโฟกัสสำคัญก็คือ เก้าอี้ ผู้บัญชาการ ในกองบัญชาการสำคัญๆ ที่มีผลทางการเมืองและมีผลประโยชน์มาก พวก เก้าอี้ทองคำ
ข่าวบอกว่า มีรายชื่อที่จะเสนอเข้าที่ประชุม ก.ตร. เช่น ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ลงตัวแล้ว โดยจะโยก บิ๊กอิท-พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.ภ.2 ที่เป็นทายาทตระกูลคหบดีในจังหวัดชลบุรี มีความใกล้ชิดแนบแน่นกับ เสี่ยเฮ้ง สุชาติ ชมกลิ่น อดีต รมว.แรงงาน-แกนนำพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งรอบหน้าข่าวว่าจะย้ายไปพรรคภูมิใจไทย ไปเป็น ผบช.สตม. แม้ก่อนหน้านี้จะมีชื่อ พล.ต.ต.ศิร์ธัชเขต ครูวัฒนเศรษฐ์ รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และ พล.ต.ท.กฤษฎา สุรเชษฐพงษ์ ผู้บัญชาการสำนักงานส่งกำลังบำรุง ขึ้นมาเบียดรอลุ้นเก้าอี้
ส่วนเก้าอี้ไฮไลต์สำคัญก็คือ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (น.1) ที่คุมพื้นที่เมืองหลวง กรุงเทพมหานคร ข่าวว่าชื่อที่ออกมาบอร์ดกลั่นกรองเก้าอี้ น.1 ยังคนเดิม บิ๊กจ้าว-พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ที่ยังรักษาเก้าอี้ไว้ได้ แม้ พล.ต.ท.ธิติจะเข้ามาในยุครัฐบาลพลเอกประยุทธ์ก็ตาม แต่ฝ่ายการเมืองในพรรคเพื่อไทยยังคงไว้วางใจให้ทำหน้าที่ต่อ แม้ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่า 2 รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล คือ พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก และ พล.ต.ต.สยาม บุญสม จะรอขึ้นเสียบแทน
เช่นเดียวกับ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ตำรวจสอบสวนกลาง นายตำรวจคนดัง ก็ยังอยู่ในตำแหน่งเดิม รวมถึง พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8
ขณะที่ผู้บัญชาการที่มีการโยกย้ายสลับเก้าอี้-ตำแหน่ง ที่น่าสนใจก็เช่น พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี (กมค.) น้องชายอดีตนายทหารคนดัง เสธ.หิ-หิมาลัย ผิวพรรณ แกนนำพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่ง พล.ต.ท.ไตรรงค์ คือหัวหน้าทีม PCT4 ที่นำตำรวจบุกเซฟเฮาส์ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ข่าวว่าจะโยกไปเป็นผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ (สพฐ.ตร.) แม้ก่อนหน้านี้จะมีข่าวว่าจะไปเป็น ผบช.ภ.6 ที่ดูแลพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ฐานการเมืองของเสธ.หิ พี่ชาย
ส่วนคนอื่นๆ ก็มีเช่น บิ๊กเปีย-พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม สายตรงป่ารอยต่อฯ อดีตนายเวร พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ-อดีต ผบ.ตร ที่คุมพื้นที่ภาคอีสาน จะโยกมาเป็น ผบช.ภ.2 ดูแลพื้นที่จังหวัดโซนตะวันออก "บิ๊กโอ๊ด" พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส.โยกไปเป็น ผบช.ภ.4 คุมพื้นที่ภาคอีสานตอนบน พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบช.สำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ (สยศ.) โยกเป็น ผบช.ภ.7 คุมพื้นที่โซนภาคตะวันตก พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผบช.ประจำ สนง.ตร. เป็น ผบช.กองบัญชาการตำรวจปราบยาเสพติด (ปส.) เป็นต้น
ส่วนรายชื่อทั้งหมดจะเป็นไปตามนี้หรือไม่ ก็ต้องรอดูผลการประชุม ก.ตร. วันที่ 16 ต.ค.นี้ แต่มีเสียงวิจารณ์ตามมา หลังหลายคนเห็นโผบิ๊กสีกากีดังกล่าวว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ให้ความสำคัญกับเรื่อง “อาวุโส” สมควร คือนอกจากตั้งบิ๊กสีกากีที่ขึ้นเป็นผู้บัญชาการตามอาวุโส 50 เปอร์เซ็นต์แล้ว ส่วนที่เหลือก็ดันบิ๊กสีกากีที่มีอาวุโสขึ้นเป็นผู้บัญชาการในตำแหน่งหลักหลายคนเช่นกัน จนถูกมองว่าถือเป็นมิติใหม่ หลังส่วนใหญ่ที่ผ่านมา พวกอาวุโสที่ใกล้เกษียณหรือไม่ได้ใกล้ชิดสายขั้วอำนาจ จะถูกผลักให้ขึ้นไปเป็นผู้บัญชาการประจำ ตร. หรือจเรตำรวจเป็นส่วนใหญ่
และเสร็จจากโผบิ๊กตำรวจ 16 ต.ค.นี้ รอบหน้าก็จะถึงคิวการทำโผนายพลระดับรองผู้บัญชาการ-ผู้บังคับการตำรวจทั่วประเทศ ที่ก็น่าติดตามเช่นกันว่า เก้าอี้หลักๆ โดยเฉพาะผู้บังคับการตำรวจในพื้นที่สำคัญ ทั้งในนครบาลและหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศ จะมีการจัดทัพอย่างไร.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'อนุทิน' ขี่กระแสชาตินิยม รวมบ้านใหญ่สู่รัฐบาล 4 ปี
“ประเทศไทยไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่ม แต่จำเป็นต้องปกป้องตัวเอง”, “รัฐบาลสนับสนุนการทำหน้าที่ของกองทัพอย่างเต็มที่”, “นี่เป็นเรื่องของสองประเทศ ไม่ใช่เรื่องของคนนอก” และ “การหยุดยิงจะเกิดขึ้น ก็ต่อเมื่อกัมพูชาแสดงความจริงใจ และต้องแสดงออกอย่างเป็นรูปธรรม”
ศึกชิง ‘เมืองกล้วยไข่’ ‘กล้าธรรม’ ปะทะ ‘รัตนากร’
1 ในพื้นที่เป้าหมายสำคัญของ ‘พรรคกล้าธรรม’ ภายใต้การนำของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรค และนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.ศึกษาธิการ ในฐานะหัวหน้าพรรค คือ จ.กำแพงเพชร
เปิดขั้นตอนหย่อนบัตร8ก.พ.69 บัตร3ใบเลือกตั้งพ่วงประชามติ
ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูกาลการเลือกตั้งทั่วไปเพื่อเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) อย่างเป็นทางการ โดยในครั้งนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทยที่จะมีการเลือกตั้ง สส. พร้อมกับการทำประชามติหนึ่งเรื่องในวันเดียวกัน โดยกำหนดจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 8 ก.พ.2569 ตั้งแต่เวลา 08.00 น. ถึง 17.00 น. ตามประกาศของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)
'ภท.-ปชน.' แตกหักปม112 'พท.' ตัวแปรรอร่วมรัฐบาล
การเลือกตั้งวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 กำลังเดินหน้าเข้าสู่ช่วงโค้งสำคัญ พรรคการเมืองต่างเร่งนำเสนอนโยบาย แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และทีมรัฐมนตรี เพื่อขอโอกาสประชาชนเข้ามาบริหารประเทศในอีก 4 ปีข้างหน้า
ภูมิใจไทยพลัส-เปิดเกมใหญ่ ชูรัฐมนตรีคนนอก ลุยเลือกตั้ง
บรรยากาศการเมืองปลายปี 2568 ต่อเนื่องต้นปี 2569 เดินหน้าเข้าสู่โหมดเลือกตั้งเต็มรูปแบบ หลังคณะกรรมการการเลือกตั้งเตรียมเปิดรับสมัคร สส.ปลายเดือนธันวาคม ก่อนจะหย่อนบัตรในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 พรรคการเมืองต่างเร่งเปิดตัวผู้สมัคร นโยบายหาเสียง และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เพื่อช่วงชิงความได้เปรียบในช่วงโค้งสุดท้าย
‘บิ๊กป้อม’ ถอย ดัน ‘ตรีนุช’ เลือกตั้งสุดท้ายของ ‘พปชร.’
‘บิ๊กป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ประกาศถอนตัวจากการเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ทั้งที่อีกไม่กี่ชั่วโมงจะถึงวันรับสมัคร สส.แบบแบ่งเขต และบัญชีรายชื่อ ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดในวันที่ 27-28 ธันวาคมนี้

